logo-heading

ปรากฏว่า ฟุตบอลไทย ติดอันท็อปลิสต์ 10 อันดับของโลก เมื่อปี 2022 โดยมีเกมเข้าข่ายมากถึง 35 คู่

ทั้งที่ในโลกปัจจุบัน มีเทคโนโลยีมากมาย ที่จะคอยจับผิดสังเกตุ ว่าใครล้มบอล หรือ มีทีมไหนจงใจให้ผลการแข่งขันเข้าข่ายกับเอี่ยวผลพนันมากที่สุด แต่กลับกลายเป็นว่า การล็อคผล กลับมีเปอร์เซ็นต์สูงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

เพราะในทางกลับกัน ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ การเข้าถึงในการเล่นพนันก็ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อสิ่งนี้มันสามารถจิ้มได้แค่ปลายหน้าจอสัมผัส การล็อคผลเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของนายทุน ย่อมเกิดขึ้น

จากรายงานของ “สปอร์ตเรดาร์” ระบุไว้ว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา พบพิรุธคู่ที่เอี่ยวเรื่องล็อคผลบอล มากถึง 775 คู่ทั่วโลก โดยเพิ่มจากปี 2021 มากถึง 34 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเทศที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด หนีไม่พ้น บราซิล แตะหลัก 152 คู่ รองลงมา รัสเซีย 92 คู่ ตามมาด้วย เช็ก 56 คู่, คาซัคสถาน 43 คู่, จีน 41 คู่, กรีซ 40 คู่, อาร์เจนติน่า 39 คู่, ฟิลิปปินส์ 37 คู่, โปแลนด์ 36 คู่ และ ประเทศไทย อันดับ 10 อยู่ที่ 35 คู่

ตามรายงาน ไม่มีการลงรายละเอียดว่าเป็นคู่ใด หรือ เป็นการแข่งขันจากลีกระดับไหน เป็นการจับพิรุธว่ามีโอกาสล็อคผลบอล ..

ยกตัวอย่างง่ายๆ คุณเคยได้ยินคำว่า “ราคาคู่นี้แปลกๆ” หรือ “ทำไมทีมนี้อันดับดีกว่า แต่ต่อน้อยจัง” 

ผลปรากฏว่าผลลัพธ์มันออกมาแบบนั้นจริงๆ ทีมที่ต่อน้อย หลายๆครั้งก็ยิงไม่ขาด ราคาที่ว่าแปลกๆ ก็พลิกล็อคกันแบบตลบแตลง จนต้องอุทานว่า “แม่งล้มป่าววะ ?”

ซึ่งเราคนดูกีฬา ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย และ ก้มหน้ายอมรับมัน

แต่กระนั้นจากการเปิดเผยของ อันเดรส ครานนิช กรรมการผู้จัดการของ “สปอร์ตเรดาร์” ระบุว่า ทีมงานของเขาทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะ สามารถนำกีฬาทุกประเภทที่มีการล็อคผลการแข่งขันในปี 2022 มาลงโทษตามกระบวนการได้สำเร็จ

“จากการทำงานหลายขั้นตอนของทีมงานเรา เพื่อความความสมบูรณ์โปร่งใสของวงการกีฬา กำลังได้ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยม เพราะมีการงลงโทษ และ จับอาชญากรวงการกีฬา ในปี 2022 ได้ถึง 169 รายการ ซึ่งได้รับข้อมูลมาจาก สปอร์ตเรดาร์”

อย่างไรก็ตาม ครานนิช ยอมรับว่า ไม่สามารถแก้ไขให้การล็อคผลมันหมดไปจากโลกนี้ได้ ต้องให้ผู้ดูแลการแข่งขันป้องกันเรื่องนี้ให้รัดกุมมากที่สุด

เพราะต่อให้ สปอร์ตเรดาร์ ดำเนินการตรวจเรื่องล็อคผล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่การนั้นวงการกีฬา และ รัฐบาล จำเป็นต้องลงทุนอย่างจริงจัง เพื่อป้องกัน และ สร้างรากฐานอย่างมั่นคง ไม่ให้มีเหตุการณ์เรื่องล็อคผล เพื่อเป็นมาตรฐานในการป้องกัน

ทั้งเรื่องการศึกษาอย่างจริงจัง, การรวบรวมข่าวกรอง ทั้งเชิงรุก และเชิงรับ และ ถ้าพบสิ่งผิดปกติ ให้ดำเนินการสืบสวนตั้งแต่ต้นทาง จนถึงปลายทาง เพื่อหาหลักฐานที่สามารถใช้ในการลงโทษทางวินัยและทางอาญา กับผู้ที่กระทำผิดให้ได้

เพราะต้องการให้ผู้กระทำผิดเหล่านี้หายไปจากวงการกีฬา เหมือนอย่างที่เคยทำให้ โรเบิร์ต ฮอยเซอร์ อดีตผู้ตัดสินชาวเยอรมัน นอนในคุกในตารางมาแล้ว 

ซึ่ง สปอร์ตเรดาร์ เอง ก็เคยมีบทบาทในประเทศไทย เช่นกัน โดยเคยเอาขบวนการล้มบอลไทยลีก มาลงโทษ ด้วยการสั่งจำคุกราว 15 จำเลย ช่วงเวลาระหว่าง 1-5 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อปี 2560

คนที่โดนลงโทษ  ก็มีทั้งผู้ตัดสินจากฟีฟ่า ไลน์แมน นักบอลชื่อดัง, ผอ.สโมสร และ นายทุนที่อยู่ในขบวนการ มาลงโทษทั้งหมด

เนื่องด้วย สปอร์ต เรดาร์ ทำงานร่วมกับบรรดาบริษัทรับพนันถูกกฎหมายหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น William Hill, Paddy Power หรือ Ladbrokes เป็นต้น

ทำให้ สปอร์ตเรดาร์ มีส่วนในการออกอัตราต่อรองของการแข่งขันกีฬาอย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ เขาสามารถเก็บสถิติคู่ที่มีเอี่ยวในการล็อคผลให้เห็น

เชื่อว่า จากการที่ ประเทศไทย ติดท็อปเทน เรื่องการผลล็อคบอลถึง 35 คู่ คงจะมีแรงกระเพื่อม ให้มีการสืบสวนอย่างละเอียด และ มารอดูกันว่าจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรต่อจากนี้
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline