logo-heading

ซึ่ง คอนเต้ เข้ามาจับงานคุมทัพ “ไก่เดือยทอง” เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2021 พร้อมพาทีมสอยพื้นที่ท็อปโฟร์ได้ไปลุยศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ในซีซั่นนี้ได้สำเร็จ ทว่ากับสถานการณ์ที่ผ่านมามันกระท่อนกระแท่นมากเหลือเกิน โดยเฉพาะประเด็นที่ออกมาให้สัมภาษณ์ตำหนิลูกทีม

แน่นอนมันคือเรื่องราวชวนดราม่าและสถานะของ คอนเต้ ในตอนนั้นบวกกับผลงานที่ค่อยสม่ำเสมอ จึงกลายเป็นจุดแตกหักก่อนแยกทางกับ สเปอร์ส ในที่สุด

ซึ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องใหม่ของนายใหญ่ชาวอิตาลี เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวประสบปัญหากับบอร์ดบริหาร หรือนักเตะอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะ 3-4 ทีมหลังสุดที่มักเกิดเรื่องราว จนต้องแยกทางกันไป

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม จะพาไปดูเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้ คอนเต้ มักอยู่ไม่ยาวกับเหล่าสโมสรต่างๆ ว่ามีสาเหตุอะไรกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลย

ยอมหักไม่ยอมงอ : “คอนเต้” คุมทีมไหน ก็ไม่เคยยืดยาว

ปัญหากับบอร์ดบริหาร

เปิดประเดิมหัวข้อแรกเชื่อว่าหลายๆ กุนซือน่าจะเคยพบเจอกันมาก่อน โดยเฉพาะเรื่องของแนวทางการทำทีม หรืองบประมาณที่เหล่าหัวจ่ายไม่ยอมมอบเงินซื้อนักเตะให้ในมูลค่าที่เคยเจรจากันเอาไว้ ซึ่งกับ คอนเต้ ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เคยไม่พอใจเหล่าบอร์ดบริหารของสโมสรที่คุมทีม

ย้อนกลับไปสมัยเจ้าตัวคุมทัพ ยูเวนตุส เรื่องของผลงานต้องบอกว่ายอดเยี่ยมพาทีมสอยแชมป์ เซเรีย อา ติดต่อกันถึง 3 สมัย รวมไปถึงแชมป์บอลถ้วยรายการต่างๆ ในประเทศ ซึ่งถ้าวัดจากความสำเร็จ คอนเต้ สามารถสอบผ่านได้แบบฉลุย

ทว่าปัญหามันติดอยู่ที่ตรงการทำงานในเมื่อ คอนเต้ รู้สึกไม่ได้รับอิสระมากพอในการคุมทีม และถูกบอร์ดบริหารเข้าแทรกแซง โดยเฉพาะเรื่องของการซื้อตัวผู้เล่น ซึ่งเขาอยากได้การแต่งเติมให้ทีมมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม ซึ่งเมื่อมีอำนาจมืดเข้ามาคอยสั่งการ คนอย่างเขาก็เลยมองว่าทีมภายใต้การคุมทีมของเขาคงเดินหน้าไปได้ไม่มากกว่านี้แล้ว

ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการแยกทางกันเดิน ไม่มีการเจรจาให้เสียเวลา ในเมื่ออิสระทำทีมหายไป ตัวเขาก็ขอลาจากทีมไปดีกว่า

หลังจากนั้นอีกราว 2 ปี คอนเต้ กลับมารับงานคุมในระดับสโมสรอีกครั้ง ภายหลังแวะเวียนไปจับงานคุมทีมชาติอิตาลี ซึ่งเหตุการณ์เหมือน “เดจาวู” วนกลับมาอีกครั้ง

ซีซั่นแรกพาทัพ “สิงห์บลูส์” สอยแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครอง ส่วนฤดูกาลต่อมาก็ได้โทรฟี่ เอฟเอ คัพ มาครอง ทว่าฟางเส้นสุดท้ายของเขากับบอร์ดบริหารที่นำมาโดย โรมัน อบราโมวิช คือเรื่องของการซื้อนักเตะ 

พูดเข้าใจง่ายๆ คือ ตัวที่อยากได้ไม่ได้ ส่วนตัวไหนที่ไม่อยากได้ทีมก็พยายามสรรหาพาเข้ามา

ว่าแล้ว คอนเต้ ก็ประกาศออกไมค์ผ่านสื่อเลยว่าเขาไม่มีอำนาจในการเลือกสร้างทีม ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็นำมาซึ่งการแยกทางที่แฟน เชลซี บางกลุ่มนึกเสียดายพอสมควร

เรื่อยมาจนถึงกลับมารับงานที่บ้านเกิดกับ อินเตอร์ มิลาน ในเมื่อคนมีฝีมือไปทำที่ไหนก็มีความสำเร็จ เฉกเช่นกับทัพ “งูใหญ่” คอนเต้ เสกแชมป์สคูเด็ตโต้มาครองได้ ทว่าบอร์ดบริหารกลับมีนโยบายขอลดค่าใช้จ่ายภายในสโมสร เพราะโดนปัญหาเศรษฐกิจจากโรคระบาด โควิด-19 เล่นงาน

แน่นอนมันขัดกับแนวทางของ คอนเต้ ที่อยากแต่งเติมทีมให้กลับไปเป็นยักษ์ใหญ่อิตาลีอีกครั้ง แต่ในเมื่อสิ่งที่ต้องการมันสวนทาง การแยกกันเดินจึงเหมาะสมที่สุด เลยเป็นที่มาของการถูกปลดออกจากตำแหน่งช่วงซัมเมอร์ 2021

จากที่กล่าวมาปัญหาส่วนใหญ่ของ คอนเต้ คือการงัดกับเหล่าบอร์ดบริหาร มองในแง่ของตัวโค้ชคือเขามีจุดยืนที่ตัวเองต้องการ อิสระ, การเลือกนักเตะ และการทำทีม ทว่าสิ่งที่เจอคือการแทรกแซง และแนวทางไม่ตรงกัน

ในเมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน การทำงานมันเลยมีความยากลำบากทั้งเรื่องกระบวนการ และเป้าหมาย ฉะนั้นการแยกทางคือสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดของ อันโตนิโอ คอนเต้

มีปัญหากับนักเตะ

คอนเต้ ได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในคนที่จริงจังกับทุกงานที่ได้รับ ซึ่งวินัยแบบนี้เป็นมาตั้งแต่สวมสตั๊ดไล่หวดลูกหนัง หนึ่งในสิ่งที่เขายึดมาตลอดคือเรื่องของ วินัย และทัศนคติเชิงบวก ซึ่งเจ้าตัวพยายามส่งต่อให้กับลูกทีมทุกคนที่ได้ร่วมงาน

ครั้งหนึ่ง อันเดรส ปิร์โล่ แข้งของ ยูเวนตุส ได้ออกมากล่าวยกย่องความเป็นผู้นำของเจ้านายรายนี้ว่า

“คอนเต้ บังคับให้คุณต้องทำให้ดีที่สุดตลอดเวลา มากกว่าที่คุณคิดด้วยซ้ำ เขาหมกมุ่นอยู่กับชัยชนะ ดังนั้นเมื่อเขาแพ้ เขาจึงกลายเป็นปีศาจ คุณไม่กล้าพูดกับเขาเลย” 

“คอนเต้ เป็นโค้ชที่ดีที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย ทุกๆ วันเขาจะเปิดวิดีโอให้พวกเราดู 40-50 นาที เพราะเขาทำให้ ผมเริ่มคิดที่จะเป็นโค้ชด้วยตัวเอง”

ทว่าบางทีกับการเป็นคนตรงๆ ยอมหักกับทุกสิ่งแบบนี้ มันก็เหมือนผลเสียตามมาเหมือนกัน ทำให้หลายครั้งก็เกิดการปะทะกับลูกทีมของตัวเอง

ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคงเป็นประเด็นเกี่ยวกับ ดิเอโก้ คอสต้า สมัยทำงานที่ เชลซี ซึ่งในช่วงฤดูกาลแรกก็ประสานงานกันเป็นอย่างดีจนสามารถสอยแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ

ทว่าเมื่อเข้าขวบปีที่สองปัญหาก็เริ่มเข้ามาเยี่ยมเมื่อ คอนเต้ ตัด ดิโอโก้ คอสต้า ออกจากทีมแบบไร้เยื่อใย หนักไปกว่านั้นสิ่งที่เขาทำกับกองหน้าทีมชาติบราซิลคือการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ SMS ไปบอกเพียงเท่านั้น แน่นอนเป็นใครย่อมไม่ชอบวิถีการแบบนี้เท่าไหร่นัก แทนที่จะเรียกมาคุยกันซึ้งๆ หน้า แต่กลับใช้วิธีการผิดๆ 

จากนั้น คอสต้า ก็ตีตั๋วเครื่องบินกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในบราซิลไม่กลับมาฝึกซ้อมกับทีมอีกเลย จนกลายเป็นประเด็นร้อนในห้วงเวลานั้น

หรือเกร็ดเล็กๆ ตอนคุม อินเตอร์ มิลาน ก็มีปากเสียงกับ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ภายหลังเปลี่ยนตัวนักเตะออกจากสนาม ซึ่งหัวหอกจากอาร์เจนติน่าแสดงอาการไม่พอใจ ขว้างขวดน้ำ พร้อมสบถคำด่าออกมา ว่าแล้ว คอนเต้ ก็จัดการตวาดกลับไปด้วยใจความว่า “เฮ้ย ทำอะไรมึงก็ควรที่จะเคารพกันบ้าง อย่าทำตัวเป็นซูเปอร์สตาร์ให้มากนัก”

ว่าไปเหตุการณ์นี้ก็ต่างเหมือนไฟกับไฟมาเจอกัน จนเกิดปะทะคารมกันเล็กน้อย

ซึ่งหลังจากนั้นตัวนักเตะจะมีการออกมาขอโทษ แต่มันแสดงให้เห็นว่า คอนเต้ พร้อมบวกกับนักเตะที่ไม่เคารพในตัวเขา เพียงแต่ว่าวิธีจัดการอาจดูห่ามมากไปหน่อยเท่านั้นเอง

ยอมหักไม่ยอมงอ : “คอนเต้” คุมทีมไหน ก็ไม่เคยยืดยาว

ยอมหัก ไม่ยอมงอ

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่า คอนเต้ เป็นโค้ชในสไตล์ที่บู๊ลุยลูกเดียว อะไรมาขว้างหน้าในเรื่องงานของเขาก็พร้อมหากด่านสถานเดียว

อีกอย่างคือเรื่องของบทสัมภาษณ์คือคนตรงๆ พูดอะไรที่เขารู้สึกว่ามันใช่ เฉกเช่นสถานการณ์กับ สเปอร์ส ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งออกมาวิจารณ์ผลงานลูกทีม รวมไปถึงตำหนิความกระหายที่ทำหลายๆ คะแนนหล่นหายไปแบบไร้เหตุผล

รวมไปถึงคำไหนคำนั้น ตอนเจ้าตัวตอบตกลงคุม สเปอร์ส ท่านประธานอย่าง ดาเนียล เลวี่ ให้สัญญาอย่างดีว่าจะทุ่มงบซื้อนักเตะใหม่ๆ ตามที่ต้องการ ทว่าพอถึงเวลาจริงกลับเล่นแง่ ไม่ได้ตอบสนองเหมือนคำที่กล่าวออกมา

ซึ่งมองไปถึงเรื่องของ “แพชชั่น” มันก็ดีที่ในการกล่าวกระตุ้นลูกทีม ซึ่งนักเตะหลายๆ คนชอบผู้นำในลักษณะแบบนี้ เฉกเช่น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แม้ไม่เคยร่วมงานกับ คอนเต้ มาก่อน แต่ก็ออกมาสนับสนุนในแนวทางที่กุนซือรายนี้ทำมาตลอดเส้นทาง

“ผมเชื่อในการเป็นตัวของตัวเอง และบางครั้งคุณก็ยอมจ่ายเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนต้องการได้ยิน ผมชอบเป็นตัวของตัวเอง และแสดงออกในแบบที่ผมคิด และแบบที่ต้องการ เราทุกคนทำงานในแบบของเรา”

แต่ด้วยความเป็นตัวเองของ คอนเต้ ทำให้หลายๆ ครั้งเหมือนขุดหลุมให้ตัวเองเหมือนกัน หลายๆ ครั้งในอาชีพกลับมาถูกไล่ออกด้วยความบ้าระห่ำของตัวเอง แม้ผลดีคือการได้ค่าชดเชยอย่างมหาศาลก็ตาม

จากนี้น่าสนใจว่า อันโตนิโอ คอนเต้ จะไปจับงานคุมทีมไหน แต่ที่แน่ๆ สโมสรนั้นต้องเข้าใจในวิถีทางของเจ้าตัว และอย่าไปเล่นแง่ แทรกแซงการทำงานของชายผู้นี้เป็นอันขาด

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline