logo-heading

พ็อตเตอร์ ตกอยู่ในกระแสที่ถูกแฟนบอล “สิงห์บลูส์” แอนตี้มาพักใหญ่ๆ จากผลงานที่นับวันสาละวันเตี้ยลง แท็คติกในสนามไม่น่าพอใจ การแก้เกมที่น่าปวดหัว การเค้นศักยภาพของลูกทีมสอบตก และที่สำคัญคือผลการแข่งขันที่วิกฤตหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งการที่ พ็อตเตอร์ สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ราว 7 เดือนถือว่ายาวนานพอสมควรเมื่อเทียบกับผลงานที่รังสรรค์ออกมา แน่นอนถ้ายังคงเป็น เชลซี ในยุคของ โรมัน อบราโมวิช คงไม่ปล่อยให้เวลายืดยาวมากถึงเพียงนี้ เผลอๆ กุนซือคนนี้ยังไม่ได้มาทำงานใน สแตมฟอร์ด บริจด์ เลยด้วยซ้ำ

สืบเนื่องจากการไล่ พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่ง ทำให้ตอนนี้ เชลซี ต้องเดินหน้ามองหากุนซือคนใหม่เข้ามาแทนที่ และคนที่กระแสมาแรงมากที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้น ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ ที่เพิ่งว่างงานเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนมานี่เอง

กระแสเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ ร้านรับพนันแบบถูกกฎหมายในอังกฤษแทบทุกเจ้าปรับราคาไปในทิศทางเดียว ว่าคือเต็ง 1 ในการมานั่งเก้าอี้กู้วิกฤตให้ เชลซี

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราจะพาไปส่องเหตุผลที่ นาเกลส์มันน์ มีความเหมาะสมกับ เชลซี และคู่ควรมากขนาดไหนในการโยกย้ายมาเป็นหัวเรือใหญ่แห่งรัง เดอะ บริจด์ 

ส่องเหตุผลทำไม “นาเกลส์มันน์” ถึงเป็นเต็งหนึ่งของ “เชลซี”

กลยุทธ์ที่น่าสนใจ

อย่างที่เราเห็นข่าวมาก่อนหน้านี้ว่าตัวเลือกแรกของ เชลซี ในกรณีที่ปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่ง ก็คือนานใหญ่ชาวเยอรมันรายนี้ เพราะด้วยฝีมือ และแนวทางฟุตบอลที่ชัดเจน น่าจะช่วยยกระดับทีมที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ได้อย่างแน่นอน

ฟุตบอลของ นาเกลส์มันน์ คือฟุตบอลสมัยใหม่อย่างแท้จริง ส่วนหนึ่งคืออายุที่ยังไม่เยอะ เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังสมัยใหม่ และมันแสดงผลออกมาได้อย่างน่าชื่นชมตั้งแต่คุม ฮอฟเฟ่นไฮม์ ไล่เรียงมาจนถึง แอลเบ ไลป์ซิก

จุดเด่นของทีมที่มี นาเกลส์มันน์ คือการเล่นฟุตบอลแบบเพรสซิ่งที่ดุดัน ไล่บีบพื้นที่คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา และไล่ตั้งแต่แดนบนจนเกิดสถิติการเข้าปะทะที่สวยงาม 

อีกจุดที่สำคัญคือฟุตบอลเกมรุกแบบจ๋าๆ แตกต่างจากในยุคของ พ็อตเตอร์ ที่เน้นความชัวร์อาศัยเกมรับ และคอยหาจังหวะเล่นเกมส่วนกลับ

ถ้าแตกแขนงเรื่องของเกมรุกเราจะเห็น บาเยิร์น มิวนิค มีอาวุธเกมรุกที่หลากหลาย ฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งจะมีส่วนร่วมกับการขึ้นเกมอยู่เสมอ และยิ่งบวกกับแข้งตัวริมเส้นแบบเร็วๆ เลยกลายเป็นพลังที่น่ากลัวในการคอยโจมตีคู่แข่ง

ซึ่งถ้าหันมามอง เชลซี ในตอนนี้ตำแหน่งแบ็คซ้าย-ขวา ถือว่าน่าสนใจทั้ง เบน ชิลเวลล์ หรือ รีซ เจมส์ ก็เป็นจำพวกชอบเล่นเกมรุก และมีสถิติที่ยอดเยี่ยม อย่างในรายของ เจมส์ ที่ซีซั่นก่อนมีส่วนร่วมกับประตูมากถึง 16 ประตู จากทั้งการสังหารเอง หรือแอสซิสต์

ส่วนเรื่องของเกมรุกทรัพยากรในตอนนี้ของทัพ “สิงห์บลูส์” โดยเฉพาะตำแหน่งริมเส้น ถือว่ามีอาวุธหนักอยู่หลายคนให้ได้เลือกใช้ มันจึงน่าสนใจว่านักเตะอย่าง มิไคโล มูดริก หรือ เจา เฟลิกซ์ จะถูกเค้นศักยภาพให้พลุ่งพล่านได้มากขนาดไหน

ฉะนั้นถ้าเอาในยุคของ พ็อตเตอร์ มาเปรียบเทียบอาจจะเห็นความแตกต่างมากพอสมควรในเรื่องของแนวทางทำทีม และแท็คติกที่วางไว้ให้ลูกทีม และเชื่อว่าจากที่ผ่านมาสไตล์ของ นาเกลส์มันน์ จะน่าถูกใจแฟนบอลไม่ใช่น้อย 

โค้ชหนุ่มไฟแรง

หนึ่งในจุดที่น่าสนใจของ นาเกลส์มันน์ คืออายุของเขาที่เพิ่งแตะหลัก 35 ปี เท่านั้น ในส่วนของเส้นทางลูกหนังอาจไม่ใช่นักเตะจำพวกชื่อดัง แต่ในเรื่องของงานโค้ชเจ้าตัวศึกษามาเป็นอย่างดี และลงลึกในรายละเอียดงานของตัวเองแบบถึงแก่น

แม้จะมีอยู่บ้างที่โดนกระแสวิจารณ์เกี่ยวกับอายุตั้งแต่สมัยทำ ฮอฟเฟ่นไฮม์ แต่สิ่งที่ นาเกลส์มันน์ ตอบโต้ได้มากที่สุดคือเรื่องของผลงาน เจ้าตัววางรากฐานทีมได้อย่างยอดเยี่ยม วางโครงสร้าง วางปรัชญาลูกหนังให้ลูกทีมจนผลลัพธ์ที่ออกมามันยอดเยี่ยม

เฉกเช่นเดียวสมัยทำ แอลเบ ไลป์ซิก งบประมาณไม่ได้มากมายนัก เน้นไปที่การสร้างผู้เล่นที่ทำให้หลายๆ คนกลายเป็นแข้งชื่อดังประดับวงการไม่ว่าจะเป็น ติโม แวร์เนอร์, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ หรือ อิบราฮิมา โกนาเต้

ไม่เว้นแต่กับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่ปั้นกองหน้าอย่าง อังเดร ครามาริช ให้เป็นยอดดาวยิงของทีม ช่วยเค้นฟอร์มดาวรุ่งในตอนนั้นอย่าง แซร์จ กนาบรี้ หรือดึงศักยภาพของ อดัม ซาไล

ซึ่งเมื่อมองมาที่ เชลซี ในปัจจุบันในทีมมีนักเตะหลายคนที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา และยกระดับตัวเอง โดยเฉพาะล็อตล่าสุดช่วงตลาดเดือนมกราคม แข้งหลายคนที่ดึงเข้ามาอายุน้อย และขาดเรื่องประสบการณ์ ทั้ง ดาวิด ดาโตร โฟฟาน่า, โนนี มาดูเอเก หรือ อันเดรย์ ซานโต๊ส ซึ่งตรงนี้ นาเกลส์มันน์ น่าจะช่วยแต่งเติมได้

และเมื่อบวกกับสิ่งที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ ต้องการคือการวางรากฐานจากปัจจุบัน ไปสู่อนาคต ยิ่งทำให้ชื่อของ นาเกลส์มันน์ น่าสนใจมากขึ้นไปกว่าเดิม แต่จุดนี้มันอาจแตกต่างจากที่เขาเคยทำ ฮอฟเฟ่นไฮม์ หรือ ไลป์ซิก ตรงที่ต้องมีความสำเร็จควบคู่กันไปด้วย

นอกจากนั้นถ้าเหล่าบอร์ดบริหารให้โอกาส และปล่อยให้ นาเกลส์มันน์ ทำงาน และตัดสินใจเอง ไม่ไปลวงลูกก้าวก่ายการทำงาน เราคงได้เห็นแบบเต็มๆ ตาว่านายใหญ่ไฟแรงคนนี้จะวางรากฐาน และพาทัพ “สิงห์บลูส์” ไปได้ไกลขนาดไหน

ส่องเหตุผลทำไม “นาเกลส์มันน์” ถึงเป็นเต็งหนึ่งของ “เชลซี”

ช่วงเวลาที่เหมาะสม

มองในมุมฝั่งแฟนบอล เชลซี คงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ช้าเกินไปในการเลือกปลด” แต่ถ้ามองในเรื่องของความเหมาะสม กับช่วงเวลาถือว่าเหมาะเหม็งพอสมควร

ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ตลาดตัวเลือกกุนซือที่ยังหาใครเหมาะสมไม่ได้ หลุยส์ เอ็นริเก้ แม้จะเปรยๆ ว่าอยากมาทำงานในอังกฤษ แต่ก็ทิ้งท้ายว่าไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็อยากเกินไปในการหวนกลับมา ลำพังเห็นการบริหารงานของ โบห์ลี่ แล้วคงจะมาตีกันจนตายไปข้าง

ฉะนั้นด้วยห้วงเวลาที่ นาเกลส์มันน์ ว่างงานแบบพอดี จึงเป็นช่วงที่เหมาะสมเหลือเกิน ในเมื่อคนเก่าไม่ดี และตัวเลือกที่หน้าที่เล็งไว้ว่างงานก็กลายเป็นความลงตัวน่าจะคลิกกันได้

นอกจากนั้นจุดที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์อันดีระหว่าง คริสโตเฟอร์ วีเวลล์ ผอ.เทคนิคคนปัจจุบัน เคยร่วมงานกับ นาเกลส์มันนื สมัย แอลเบ ไลป์ซิก มาแล้ว ทำให้การเจรจามันอาจจะง่ายมากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงเอเยนต์ของโค้ชรายนี้ก็คือคนเดียวกับ ติโม แวร์เนอร์ น่าจะมีการพูดคุยที่ไปในทิศทางบวก

ฉะนั้นด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดการเจรจามีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือการเดินเกมของบอร์ดบริหารว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นในรูปแบบใด และรวดเร็วขนาดไหน

ส่วนแฟน เชลซี เองตอนนี้เหมือนยกภูเขาความลำบากใจออกจากอก ต่อจากนี้มาลุ้นกันว่าจะเป็นกุนซือคนไหนที่เข้ามาคุมทีม 

และถ้าเป็น ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ แฟนๆ พอใจที่ได้ชายผู้นี้มากุมบังเหียนมากขนาดไหน ?

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline