logo-heading

แน่นอนว่าอารมณ์ของแฟนบอล สิงห์บลูส์ กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่าความพอใจของผลงานในเเกมล่าสุด ซึ่งนัดนี้มีอะไรมีอะไรต้องพูดถึงบ้าง ไปติดตามกันเลย

- การเริ่มต้นของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม แฟนบอล เชลซี ไม่ค่อยยินดีมากนัก ในการเห็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลับมาคุมทึม เนื่องจากผลงานการคุมทึมของเขา ช่างย่ำแย่เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการกุมบังเหียน เชลซี รอบแรก หรือ คุม เอฟเวอร์ตัน จนร่วงไปอยู่โซนตกชั้น 

เพราะรูปเกมในวันนี้ ก็ยังไม่ได้เห็นถึงความแตกต่างมากนัก ตัวผู้เล่นก็ยังไม่ได้เปลี่ยนจนต้องร้องว้าว อาจจะมีเรื่องแพสชั่น ที่ดูฮึกเหิมมากกว่าเดิม แต่มันก็เกิดขึ้น หลังจากเป็นฝ่ายตามหลัง วูล์ฟแฮมป์ตัน ไปแล้ว ทว่าโอกาสการเข้าทำ ก็ไม่ได้มากมาย โดย โชเซ่ ซา มีออกแรงเซฟ ตลอด 90 นาที กับการยิงตรงกรอบแค่ 1 ครั้งเท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ไม่ยิงติดกองหลัง ก็ ซัดออกไปเอง ไม่ได้ลุ้นอะไรเท่าไหร่

สุดท้าย แลมพาร์ด คัมแบ็กกลับมาคุมทีม เชลซี ด้วยความพ่ายแพ้ต่อ หมาป่า .. จริงๆถ้าให้พูดกันแบบตามตรง ทรงบอลก็ไม่ได้ต่างจาก เกรแฮม พ็อตเตอร์ มากนัก แต่เพียงแค่ "แลมพ์ส" คือตำนานของสโมสร แฟนบอลจึงขอสงวนท่าทีไว้ก่อน พร้อมกับปลงตกด้วยคำพูดที่ว่า "เจอกันใหม่ซีซั่นหน้า" เนื่องจากปีนี้ในลีก ไม่มีอะไรให้ลุ้นแล้ว

- 3 แต้มช่างสำคัญของ วูล์ฟแฮมป์ตัน

ความพ่ายแพ้ของ เชลซี ทำให้พวกเขาอุดอู้อยู่อันดับที่ 11 เหมือนเดิม ไม่ได้ขยับไปไหน เรื่องท็อปโฟร์หมดไปนานแล้ว ไม่มีทางลุ้นอีกเลย มีเพียงแค่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น ที่พวกเขายังเหลือให้ลุ้นอยู่ 1 รายการ 

แต่กระนั้น สำหรับ วูล์ฟแฮมป์ตัน .. 3 คะแนนของพวกเขาช่างสำคัญเหลือเกิน เพราะจากโซนหนีตาย ดีดตัวเองขึันมาอยู่อันดับ 12 ของตาราง แข่ง 30 นัด มีอยู่ 31 คะแนน เหนือทีมอันดับ 18 อย่าง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ อยู่ 4 คะแนน นับว่าหายใจโล่งคอไปเปราะหนึ่ง

ซึ่งเมื่อไหร่ที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้เล่นในบ้านตัวเองเมื่อไหร่ เป็นทีมจอมปราบทีมท็อป 6 พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ของแท้ เพราะก่อนหน้านี้ปราบมาทั้ง ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ เชลซี คือเหยื่อรายล่าสุด ถือว่าเป็น 3 แต้มใหญ่ทั้งนั้น ในการอยู่รอดบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

- ก็องเต้ หายไปไหน ?

นี่คือคำถามที่แฟนบอล เชลซี สงสัยเหลือเกินว่า เอ็นโกโล่ ก็องเต้ หายไปไหน ทั้งๆที่เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บ แต่กลับมาโชว์ผลงานได้ดีเหลือเกิน ทั้งเกมรับ และ เกมรุก ในเกมที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 

ซึ่ง แลมพาร์ด เฉลยแล้วว่า ต้องการให้ ก็องเต้ ได้พัก เพื่อปกป้องให้เขามีความฟิตมากที่สุด ไม่เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด .. จริงๆก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะอาจจะขัดใจแฟนบอล ที่คนอื่นลงมาแล้วไม้สร้างสรรค์ผลงานเป็นชิ้น เป็นอันได้เลย

อย่างไรก็ตาม แลมพาร์ด คงมีเหตุผลที่เขาตัดสินใจแบบนั้น เพราะ ก็องเต้ เจ็บไปตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น หายไปนานถึง 8 เดือน ดังนั้นการจะให้เล่น 3 นัดติดต่อกัน ภายใน 1 สัปดาห์ อาจจะหนักหนาเกินไป ดังนั้นการพัก ก็องเต้ เพื่อรอเจอกับ เรอัล มาดริด ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คืนนี้ ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ส่วนการเลือกใช้นักเตะคนอื่นๆ ก็อาจจะมีขัดใจแฟนบอลเล็กน้อยปะปนกันไป เพราะมันเป็นเพียงแค่แมตช์แรกที่ แลมพาร์ด เข้ามาคุมทีม เดี๋ยวเขาคงมีผู้เล่นในใจว่าจะส่งใครลงเล่นเป็น 11 ผู้เล่นคนแรก

โดย มิโคไล มูดริค ก็คงได้รับโอกาสลงสนามมากกว่าสมัยที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ คุมทีม เพราะดูจะเป็นนักเตะที่ แลมพาร์ด ชื่นชอบ ซึ่งสมัยที่คุม เอฟเวอร์ตัน เคยพยายามติดต่อซื้อตัวมาร่วมทีมแล้วที่ 30 ล้านยูโร แต่โดน ชัคตาร์ โดเนตสค์ ปฏิเสธกลับมา ก่อนท้ายที่สุดจะได้มาร่วมงานกันที่ เชลซี

อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นไม่ค่อยสวยของ แลมพาร์ด จะต้องถูกชี้วัดกันอีกครั้งในช่วงกลางสัปดาห์นี้ เมื่อเขาจะได้ใช้ผู้เล่นแบบเต็มอัตราศึก รอเจอกับ เรอัล มาดริด และรอดูกันว่าเขาจะพา เชลซี ฝ่าฟันมรสุมที่กำลังพบเจอได้หรือไม่

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline