ก่อนอื่นต้องขอเท้าความก่อนว่ารายการแข่งขัน ONE Lumpinee คือศึกมวยไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และสามารถดึงดูดผู้คนให้กลับมาสนใจวงการ มวยไทย มากยิ่งขึ้น ด้วยระบบการแข่งขันที่รูปแบบใหม่ และกฎกติกาที่ทวีคูณความน่าสนใจมากกว่าเดิม
การแข่งขันรายการ ONE Lumpinee เป็นการร่วมกันของ ONE Championship กับเวทีมวยที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อย่าง ลุมพินี จนเกิดเป็นการแข่งขันที่สุดเร้าใจ และเป็นที่สนใจของผู้คนไม่ใช่เพียงแค่ในไทยเท่านั้น แต่รวมไปถึงทั่วโลกที่หันมามอง และอยากเข้ารับชมการแข่งขันในรายการนี้
ซึ่งกฎระเบียบได้มีการฉีกออกจากกรอบเดิมๆ ทั้งเรื่องของตัวนักมวยที่ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้มีการโปรโมทสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ รวมไปถึงวิธีการเปิดตัวที่ดึงดูดจากแฟนมวยได้เป็นอย่างดี
นอกจากนั้นเรื่องของกติกาจากเดิมที่ มวยไทย จะต่อยกันทั้งหมด 5 ยก ก็ปรับลดลงมาเหลือเพียง 3 ยกเท่านั้น รวมไปถึงเงินรางวัลที่มีการอัดฉีดกันจำนวนมาก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับความมันส์มันเวที
อีกเรื่องที่เวที ONE Lumpinee แตกต่างไปคือเรื่องของนวมนักชกทั้งหลาย ที่ใช้แบบเปิดนิ้วมือทั้ง 5 แตกต่างจากสมัยก่อนที่ใช้นวมแบบคลุมทั้งหมด
ทว่าจากเวทีมวยที่กำลังไปได้สวย แฟนหมัดมวยติดตามเฝ้ารอรับชมทั้งในสนาม และผ่านช่องทางต่างๆ กลับเกิดเรื่องราวดราม่าขึ้นเมื่อเหล่าผู้ใหญ่ของ สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเรียกร้องว่าสิ่งที่ปรากฎขึ้นมันแหกจากขนบธรรมเนียมของความเป็นมวยไทย ทำให้เสนอเรียกน้องถอดคำว่า มวยไทย ออกจากการแข่งขัน
ซึ่งเหล่าคนมีอำนาจเหล่านี้ได้จี้ในแต่ละจุดที่เรียกร้องว่า …
การแข่งขันมวยไทยควรจะเป็นการต่อย 5 ยก หาใช่ 3 ยกที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้
การใส่นวมที่ไม่ป้องกันความอันตราย การใช้นวมแบบเปิดนิ้ว สามารถเกิดเหตุระหว่างการแข่งขันได้
ใช้เงินในการล่อใจ และเป็นสารตั้งต้นของการแข่งขัน ซึ่งอาจส่งผลศิลปะต่างๆ ของ มวยไทย ถูกซ่อนไว้ด้านหลัง และนักกีฬาหันมามองแต่ผลตอบแทนที่มหาศาลแทน
ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องของการไหว้ครู ที่ตอนนี้ศึก ONE Lumpinee มีการปรับเปลี่ยนให้ขั้นตอนนี้รวบรัดมากยิ่งขึ้น ทว่ากลุ่มคนดังกล่าวมองว่าผิดจารีตประเพณี การไหว้ครูต้องมีฉิ่งฉาบ มีปี่พาทย์ และมงคลที่สวมนักกีฬา
ซึ่งสรุปง่ายๆ คือพวกเขาต้องการอนุรักษ์กีฬามวยไทยที่สืบทอดมันมาเป็นร้อยๆ ปีคงไว้แบบเดิม ห้ามไปแตะปรับเปลี่ยน เพราะมันจะเสียต่อภาพลักษณ์ และเอกลักษณ์ที่มีอย่างยาวนาน
คราวนี้ลองมาไล่เรียงกันว่าข้อเรียกร้องในแต่ละจุดนั้นมันส่งผลดี หรือเป็นไปตามที่ผู้ใหญ่พยายามจี้จุดให้ปรับเปลี่ยนถอดคำว่า มวยไทย ออกจากการแข่งขันหรือไม่
ประเด็นแรกคือการต่อยแบบ 3 ยก แน่นอนว่าภาพคุ้นชินของคนยุคเก่าคือการได้เชียร์มวยไทยแบบจัดหนัก 5 ยก ทว่าสิ่งที่มันแลกมาคือความน่าเบื่อในบางคู่การแข่งขัน
ไม่แปลกที่แฟนมวยหลายคนจะบอกว่ารอดูแค่ยก 3-5 แล้วกัน เพราะช่วงแรกๆ ก็เหมือนมวยลองเชิงไม่เดินหน้าเข้าใส่กัน ยืนให้ครบยกเท่านั้นพอ ทว่ากับกฎกติกาแบบใหม่เราจะเห็นว่าการแข่งขันมันเข้มข้นมากกว่าเดิม 3 ยกบนเวทีไม่มีโอกาสให้นักกีฬามาคอยจ้อง คอยดูเชิง ทุกวินาทีมีค่าในการทำคะแนนทั้งหมด
ไปต่อกันที่ประเด็นต่อมาคือเรื่องการป้องกัน มองในแง่ของความอันตรายการที่นักมวยสามารถกางนิ้วทั้ง 5 ออกมาได้ อาจเกิดเคสที่นิ้วจิ้มตา หรืออุบัติเหตุอะไรก็ว่าไป แต่สุดท้ายก็วนกลับไปที่เรื่องของยุคสมัยเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นยังไม่เห็นข้อเสียที่ออกมา
เรื่องราวต่อมาคือกรณีที่ผู้ใหญ่บอกว่าการแข่งขันใช้ตัวเงินมาล่อนักมวยมากจนเกินไป จนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต ไม่สนใจศิลปะต่างๆ
ฉะนั้นคำถามง่ายๆ ที่วนกลับไปคือมันผิดแปลกตรงไหนที่นักกีฬาคนนั้นๆ จะสร้างชื่อ ซ้อมอย่างหนัก พัฒนาฝีมือ เพื่อที่จะก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้า และได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบที่เขาควรจะได้
เวลาเปลี่ยนไป โลกใบนี้เปลี่ยนไปศิวิไลซ์กว่าเดิมหลายร้อยเท่าตัว กับความคิดที่เหมือนกับกัดคอยบอกว่า มวยไทย รับชมเพื่อความบันเทิง หรือนักมวยเป็นอาชีพทางเลือกของคนจนเหมือนในอดีต ควรจะปัดตกไปได้แล้ว
การที่ มวยไทย และนักมวยไทย ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น มันคือเรื่องที่ควรจะเป็นในยุคปัจจุบัน ไม่มีใครอยากจะจัดรายการใหญ่ๆ เอานักมวยมาต่อยโชว์โดยค่าตอบแทนไม่คุ้มกับสิ่งลงแรงไปหรอกครับ
และอีกอย่างคือไม่มีใครเสียหายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เลย
ปิดท้ายที่ประเด็นการไหว้ครูก่อนการแข่งขัน เข้าใจว่านี่คือสิ่งที่เหมือน ซิกเนเจอร์ ของมวยไทย แต่ทว่าเมื่อทุกอย่างมันเวิลด์วายไปหมดแล้ว มีผู้ชมจากทั่วทุกมุมโลก บางทีการตัดเหตุบางอย่างออกไปมันก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะกฎระเบียบก็ไม่ได้ระบุว่าการจะต้องทำเหมือนเป็นข้อบังคับเสียหน่อย
สรุปง่ายๆ คือคนรุ่นใหม่ กับคนรุ่นเก่า มองกีฬาชนิดนี้ที่แตกต่างกันออกไป อีกฝ่ายอยากให้อนุรักษ์ประเพณีดั่งเดิมเอาไว้ ส่วนอีกกลุ่มต้องการยกระดับวงการมวยไทยให้กลับมามีจุดยืน และเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้ และประสบความสำเร็จ้เป็นอย่างมาก
แน่นอนเราเข้าใจเรื่องของประเพณี แต่โลกในวันนี้พัฒนาไปไกลมากแล้วจริงๆ
มันจะดีกว่าไหมถ้า มวยไทย ยังคงถูกสืบทอดต่อไป และเปลี่ยนผลันตามโลกที่เดินไปข้างหน้า
ดีกว่าปล่อยให้มันสาบสูญหายไป พร้อมวลีที่ว่า เด็กรุ่นใหม่ไม่สืบทอด
ฉะนั้นบางทีมันการไม่เข้าไปขัดขว้างความเจริญต่อสิ่งนั้นๆ มันอาจจะดีกว่าปล่อยให้ศิลปะเหล่านี้จางหายไปตามกาลเวลา
- Paolinho -