อย่างที่เรารู้กันว่าปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตอนนี้คือเรื่องอาการบาดเจ็บของนักเตะที่โดนเล่นงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโปรแกรมที่ลงสนามแบบถี่ๆ บวกกับขนาดทีมที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก จนกลายเป็นผลัดเวรเข้ากันโรงหมออยู่บ่อยครั้ง
โดยเฉพาะในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟต้องบอกว่าทัพ “ปีศาจแดง” ค่อนข้างโชคร้ายที่ทั้ง ราฟาเอล วาราน กับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ มาได้รับบาดเจ็บพร้อมๆ กันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาลที่กำลังขับเคี่ยวแย่งพื้นที่อันดับ 4 และโทรฟี่แชมป์อีกรายการอย่าง เอฟเอ คัพ
ซึ่งการบาดเจ็บของสองปราการหลังตัวหลักทำให้ เอริค เทน ฮาก เหลือทางเลือกใช้งานไม่มาก เมื่อมองไปที่นักเตะที่เป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟขนานแท้เหลือเพียง วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องยอมรับกันตามตรงคือทั้งคู่คือตัวสำรองที่โอกาสลงสนามค่อนข้างจำกัด และมักมีช็อตผิดพลาดให้ได้เห็นจนกลายเป็นภาพชินตา โดยเฉพาะปราการหลังทีมชาติอังกฤษ บางเกมเล่นดี แต่เหมือนดวงแตกจนมีเรื่องราวให้แฟนบอลวิจารณ์อยู่เสมอ
ฉะนั้นด้วยความเป็น เทน ฮาก เจ้าตัวไม่ได้สนใจเรื่องของดีกรี หรือค่าตัว ค่าเหนื่อย แม้กระทั่งการมีปลอกแขนกัปตันทีม ว่าแล้วเจ้าตัวฝาทางตันอีกครั้งด้วยการเลือกขยับ ลุค ชอว์ เข้ามาเล่นในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง พร้อมใส่คู่หูที่ตอนแรกสลับใช้งานกันระหว่าง ลินเดอเลิฟ กับ แม็คไกวร์
กระทั่งช่วงหลังแน่นอนแล้วว่านายใหญ่ชาวดัตซ์ให้ความไว้วางใจแนวรับทีมชาติสวีเดนมากกว่า พร้อมโอกาสลงสนามในเกมลีกติดต่อกันมาแล้ว 3 เกม ซึ่งถือว่าเจ้าตัวคว้าโอกาสนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมตอบแทนด้วยผลงานได้อย่างคุ้มค่า โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่เปิดบ้านเอาชนะ แอสตัน วิลล่า
ซึ่งในเกมดังกล่าว ลินเดอเลิฟ ร้งสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตามคอยสกัดจังหวะสำคัญๆ รวมไปถึงบล็อคลูกยิงของคู่แข่ง แสดงความนิ่ง และแข็งแกร่งออกมาได้อย่างเฉิดฉาย อีกทั้งแสดงความผิดพลาดออกมาน้อยมากๆ ไม่ว่าจะเป็นบอลกับพื้น หรือกลางอากาศ
หลังจบเกมได้มีสถิติบ่งชี้ถึงประเด็นนี้ว่า
- เคลียร์บอล 4 ครั้ง
- สกัดบอล 1 ครั้ง
- บล็อคบอล 1 ครั้ง
- จ่ายบอลแม่นยำ 97%
แน่นอนนี่คือผลงานที่ยอดเยี่ยมของแนวรับรายนี้ ซึ่งเมื่อผลงานดีจึงมีคำถามต่อมาว่าหลังนี้ถ้า วาราน กับ มาร์ติเนซ สลัดอาการบาดเจ็บกลับมาได้สถานะของ ลินเดอเลิฟ จะออกมาในรูปแบบใด
อย่างแรกเลยคือฤดูกาลนี้ ลินเดอเลิฟ เคยตกเป็นกองหลังตัวเลือกที่ 4 ต่อจาก วาราน, มาร์ติเนซ และ แม็คไกวร์ ตัวเลขชัดเจนคือโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมลีกซีซั่นนี้มีเพียง 8 ครั้งเท่านั้น ซึ่ง 5 ครั้งดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสองเดือนหลังที่ผ่านมานี่เอง
ฉะนั้นตอนนี้สามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่า ลินเดอเลิฟ ยกระดับขึ้นมาเป็นตัวเลือกก่อนหน้ากัปตันทีมชาวอังกฤษรายนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนอนาคตในช่วงซัมเมอร์มันก็คงมีทางเลือกเพียง 2 ช้อยส์ เท่านั้นคือ อยู่ต่อ หรือ ย้ายทีม
ในกรณีที่เจ้าตัวเลือกที่จะอยู่กับทีมต่อไปน่าสนใจว่าเขาจะกลับไปเป็นตัวเลือกลำดับรั้งท้ายอีกไหม เพราะการกลับมาของ วาราน กับ มาร์ติเนซ ย่อมเป็นตัวเลือกแรกๆ อยู่แล้ว อีกทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตกเป็นข่าวกับนักเตะในตำแหน่งนี้มาโดยตลอด
ชื่อที่ถูกจับไปเชื่อมโยงด้วยก็อย่าง เยอร์เรียน ทิมเบอร์ อดีตลูกหมอของ เทน ฮาก สมัยทำงานร่วมกันที่ อาแจ็กซ์ และรู้ฝีมือกันดี แถมสารพัดประโยชน์มากกว่าเล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ หรือขยับไปเล่นเป็นฟูลแบ็ค
อีกรายที่ข่าวหนาหูพอสมควรคือ คิม มิน-แจ ปราการหลังจาก นาโปลี ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จ้องดึงเข้ามาเสริมเกมรับในช่วงซัมเมอร์นี้
แน่นอนว่าถ้าได้คนใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนอื่นๆ นอกจากในลิสต์นี้สถานะของ ลินเดเลิฟ ก็จะวนกลับไปเป็นลูปเดิมคือตัวเลือกท้ายๆ โอกาสส่วนใหญ่คือบอลถ้วย หรือลงมาสัมผัสสนามช่วงท้ายเกม
ทว่าถ้าเจ้าตัวยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ และต้องการอยู่ช่วยทีมต่อไป ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีของทีม เพราะไม่ต้องไปหาแนวรับทางเลือกใหม่ อีกทั้งเป็นนักเตะจากชุดปัจจุบันไม่ต้องปรับตัวอะไรให้มากนัก
ส่วนอีกแนวทางหนึ่งคือการย้ายทีมออกไป ซึ่งเชื่อเลยว่ามีหลายสโมสรทั้งในอังกฤษ และทีมอื่นๆ ในยุโรปจ้องที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีม เพราะด้วยศักยภาพของ ลินเดอเลิฟ สามารถไปยึดตัวจริงในทีมอื่นๆ ได้แบบสบาย
สุดท้ายด้วยเงื่อนไขของเวลา การจัดสรรทีมในซีซั่นหน้าจะเป็นตัวบ่งชี้ของทุกอย่าง บางทีมันอาจจะออกมาแบบวิน-วิน คือทั้งนักเตะอยากอยู่ต่อ และสโมสรไม่อยากจะปล่อยออกไป
ซึ่งถ้าไปถามแฟนบอล “ปีศาจแดง” ในกรณีที่ ลินเดอเลิฟ ย้ายคงไม่ได้เสียหายมากนัก แต่คงเสียดายไม่น้อยถ้าเจ้าตัวสามารถรักษาผลงานแบบนี้ไว้ และเป็นอะไหล่ชั้นยอดของทีมในการเดินหน้าต่อไปในฤดูกาลหน้า
อีกไม่นานคำตอบเรื่องนี้คงจะกระจ่างชัดมากขึ้น
อยู่ที่เดิมเพื่อสานงานต่อ และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของทีมเรียกใช้งานเมื่อไหร่ก็พร้อมให้บริการ หรือออกไปหาความท้าทายใหม่ๆ ที่เปิดอ้าแขนรับให้โชว์ผลงานแบบสม่ำเสมอ
อนาคตของ ดิ ไอซ์แมน ช่างน่าสนใจ จากคนที่ไม่ได้อยู่ในสายตา กลายเป็นคนสำคัญของทีมในตอนนี้
- Paolinho -