logo-heading

ล่าสุดก็มาโดน อาร์ฟเตอร์ ช็อค แพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล 3-4 แบบเหลือเชื่อ เพราะอุตส่าห์ไล่ตามตีเสมอ จาก 0-3 กลับมาเป็น 3-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่กลับทำพลาด ปล่อยให้ หงส์แดง ยิงแซงนำ และ เก็บ 3 คะแนน ไปหน้าตาเฉย

มันเป็นผลงานที่เหมือนตอกย้ำความล้มเหลวของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มาตลอดหลาย 10 ปี เพราะไม่ใช่แค่ฟอร์มการเล่น แต่ความสำเร็จ และ หรือ โมเมนต์ตำนาน มักจะถูกจดจำไปในทางลบมากกว่า ซึ่งมันมีประเด็นอะไรเกิดขึ้นบ้าง ที่เป็นปมในใจสำหรับแฟนบอล ไก่เดือยทอง

1. ความสำเร็จที่เอื้อมไม่ถึง

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถูกจัดอยู่ในทำเนียบ บิ๊ก 6 ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะพวกเขาเป็นทีมที่ก้าวขึ้นมาต่อกร และ จบอันดับท็อปโฟร์ได้อยู่บ่อยๆ แต่กระนั้นต่อให้จะมีฟอร์มการเล่นยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ว่า ไก่เดือยทอง เป็นทีมเดียวที่ในช่วง 10 ปีหลังสุด ไม่มีโทรฟี่ติดมือเลยสักครั้งเดียว

ครั้งสุดท้ายที่ สเปอร์ส คว้าแชมป์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อตอนคว้าแชมป์ ลีก คัพ ในปี 2008 หรือ 15 ปีมาแล้ว ซึ่ง 11 ตัวจริงยุคนั้น อย่าง ร็อบบี้ คีน, 
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หรือ เล็ดลี่ย์ คิง ได้แขวนสตั๊ด ไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานกันหมดแล้ว

แต่ไม่ใช่ว่า สเปอร์ส ยุคปัจจุบัน จะไม่ใกล้เคียงความสำเร็จเลย พวกเขาทำผลงานจนมีโอกาสลุ้นแชมป์หลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็มา "ตกม้าตาย" ก้าวไปไม่ถึงฝั่งฝัน อย่างในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พวกเขาเต็มที่ได้เพียงแค่อันดับ 2 เท่านั้น เมื่อซีซั่น 2016-17

หรือซีซั่นที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อซีซั่น 2015-16 ทีมที่มีโอกาสเบียดแย่งแชมป์ ก็คือ สเปอร์ส นี่แหละครับ แต่ว่า ไก่เดือยทอง ทำผลงานสะดุดเยอะเกินไป สุดท้ายไม่ถึงฝั่งฝัน จบได้แค่อันดับ 3 เท่านั้น ซึ่งปีนั้นถือว่าพวก ลิเวอร์พูล หรือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเลยด้วยซ้ำ

ขณะที่ ฟุตบอลถ้วย ขุนพล สเปอร์ส ก็ต้องมาอกหักซ้ำซาก เป็นพระรองอยู่ร่ำไป โดยในยุค เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เคยพาทีมที่ไม่ได้ซื้อใครมาเสริมทัพ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็พ่ายต่อ ลิเวอร์พูล 0-2 

ส่วน ลีก คัพ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีโอกาสเข้าชิงถึง 2 ครั้ง ในปี 2015 และ 2021 แต่ก็อกหักทั้ง 2 ครั้ง โดยเฉพาะในปี 2021 ไม่รู้ว่าบอร์ดบริหารคิดอะไรอยู่ ดันเลือกไปปลด โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือมากประสบการณ์ ออกจากตำแหน่ง ก่อนนัดชิงเพียงแค่ไม่กี่วัน ทั้งๆที่ มูรินโญ่ เข้าชิงฟุตบอลแทบไม่พลาดเลย และ เลือกแต่งตั้ง ไรอัน เมสัน เข้ามาแทน ซึ่งแท็คติค และ ประสบการณ์สู้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่ได้เลย สุดท้าย ไก่เดือยทอง แพ้ไป 0-1

เท่ากับว่า 10 ปีหลัง ไก่เดือยทอง มีสถิติเป็นพระรองทุกรายการ รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง และ เหมือนว่าซีซั่นนี้จะเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังเหลือเกิน เพราะปลดกุนซือไปแล้ว 2 คน อีกทั้งโควต้า ยูซีแอล ก็กำลังเลือนลางหายไป เป็นลูปที่ สเปอร์ส สลัดไม่พ้นสักที

2. แมตช์ที่ควรชนะดันทำไม่ได้

ประเด็นนี้มันต่อยอดมาจากข้อแรกเลยครับ เพราะสาเหตุที่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน สืบเนื่องมาจากนัดที่พวกเขาควรจะต้องเก็บ 3 คะแนน ก็ดันทำไม่ได้ตามเป้า อย่างในซีซั่นที่ลุ้นแชมป์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ .. ขอเพียงแค่มีความสม่ำเสมอ เก็บ 3 คะแนน ให้ได้มากที่สุด แต่กลายเป็นทำแต้มหกแบบเรี่ยราด

ช่วงปลายซีซั่นนั้น สเปอร์ส มีทั้งแพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, เสมอ ลิเวอร์พูล และ เสมอ อาร์เซน่อล ซึ่งทีมจะเป็นแชมป์จะต้องเก็บแมตช์เหล่านี้ให้ได้ ยิ่งใกล้จบซีซั่น ผลงาน ไก่เดือยทอง หลุดทะเลไปไกล 4 นัดสุดท้าย ไม่ชนะใครเลย จากลุ้นแชมป์ กลายเป็นจบอันดับ 3

ส่วนซีซั่น 2016-17 สเปอร์ส จบเป็นรองแชมป์ลีก ด้วยการแพ้ให้กับ เชลซี เพียงแค่ 7 คะแนน เท่านั้น โดยแมตช์สำคัญคือนัดที่ 35 เกมบุกไปเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่ง สเปอร์ส ต้องชนะเพื่อลดช่องว่างให้เหลือ 4 แต้ม เพื่อจี้ตูดกดดัน สิงห์บลูส์ ให้มากที่สุดใน 3 นัดสุดท้าย แต่กลายเป็นว่าบุกไปแพ้ 0-1 และ กินแห้วไปในที่สุด

อย่างฤดูกาลนี้ ต่อให้จะไม่ได้แชมป์ แต่ สเปอร์ส ควรจะเข้าไปอยู่ในจุดรักษาท็อปโฟร์แบบสบายๆ เพราะพวก ลิเวอร์พูล, เชลซี ฟอร์มหลุดทะเลไปไกล ช่วงประมาณกลางซีซั่น ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ลุ่มๆดอนๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ 

แต่กลายเป็นว่า "ไก่เดือยทอง" ก็ไม่มีความสม่ำเสมอเลยสักนิด พวกเขาแพ้ไปถึง 12 เกม จากการรั้งอันดับ 4 อยู่ประมาณ 1 เดือนเศษ ก็ร่วงตกลงมาอยู่อันดับ 6 ของตาราง การแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ที่มีลุ้นโควต้าท็อปโฟร์เหมือนกัน เป็นการตอกย้ำซีซั่นนี้ของ สเปอร์ส กำลังล้มเหลวสุดๆ

3. แมตช์คลาสสิคในความทรงจำ มักเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ไม่ว่าคุณเป็นแฟนบอลทีมไหน คุณก็มักจะมีแมตช์ตำนาน หรือ แมตช์คลาสสิคในดวงใจ อยู่แล้ว แต่สำหรับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในความทรงจำของแฟนบอลทั่วไป มักถูกจดจำ ในวันที่พวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ไม่ต้องย้อนไปไหนไกลเลยครับ อย่างนัดล่าสุด ใครจะเชื่อล่ะว่า ไก่เดือยทอง ที่นอนหายใจโรยริน ตกเป็นฝ่ายตามหลัง หงส์แดง 3 ประตู ตั้งแต่ 15 นาทีแรก จะกลับมาตามตีเสมอ 3-3 ได้อย่าง ปาฏิหาริย์ โมเมนต์ทุกอย่างน่าจะเป็นที่แฟนบอล สเปอร์ส ไม่มีวันลืมลง โดยเฉพาะ ริชาร์ลิซอน ผู้ทำประตูตีเสมอ 90+3 วิ่งดีใจถอดเสื้อ เต้นท่ากุ๊กไก่ พร้อมทำท่าจุ๊ปากใส่สาวก เดอะ ค็อป

แต่แล้วเรื่องตลก 69 ก็บังเกิด เพราะแค่ 1 นาทีให้หลัง ลิเวอร์พูล มายิงแซงจาก ดิโอโก้ โชต้า เอาชนะไป 4-3 เล่นเอาแฟนบอล สเปอร์ส ช็อคตาตั้ง ไม่อยากเชื่อว่าทีมรักพวกเขาจะมาแพ้เช่นนี้ ทั้งๆที่สร้างโอกาสมากมายจนตีเสมอ จากแมตช์ที่จะต้องถูกจดจำและกล่าวขาน กลายเป็นวันที่ ไก่เดือยทอง อยากลืมเลือนมันไปมากที่สุดในตอนนี้

นอกจากนี้ เชื่อว่าหลายๆท่าน โดยเฉพาะแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะจำมันได้ดีว่าเวลาเจอกับ สเปอร์ส เมื่อไหร่ จะมีสถิติ เฮด-ทู-เฮด ที่เหนือกว่าอยู่ตลอด โดยมีแมตช์คลาสสิคครั้งหนึ่งเมื่อซีซั่น 2001-02 ที่ ปีศาจแดง ยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปะทะกับ ไก่เดือยทอง ที่มี เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล กุมบังเหียน

เกมวันนั้น ไก่เดือยทอง เปิดถิ่น ไวท์ ฮาร์ท เลน โชว์ผลงานได้ดีเกินคาด ดาหน้าไล่ยำ ปีศาจแดง แบบไม่มีทางสู้ ถึงขั้นที่ 45 นาทีแรก พวกเขาออกนำด้วยสกอร์ 3-0 จาก ดีน ริชาร์ดส์, เลส เฟอร์ดินานด์ และ คริสเตียน ซีเก้ ดูแล้วคงชนะไม่ยาก โดยเฉพาะเกมรุกที่มาทุกรูปแบบ ทั้งได้ประตูจากเซ็ตพีซ, แทงทะลุช่อง หรือ ครอสเข้าไปโหม่งในจังหวะโอเพ่นเพลย์

แต่แล้ว ฟ้าก็ผ่าลงตรกกลางสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน เพราะ 45 นาทีหลัง กลายเป็นหนังคนละม้วน .. เกมรับของ สเปอร์ส เปื่อยยุ่ยยิงกว่ากระดาษทิชชู่เปียกน้ำ โดน แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ทีเด็ดจากลูกโหม่งถึง 3 ลูก ทั้งจาก แอนดี้ โคล, โลร็องต์ บล็องก์ และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ก่อนจะมาโดน ฟาน นิสเตลรอย คนเดิม กับ เดวิด เบ็คแฮม ยิงให้ ปีศาจแดง เอาชนะ สเปอร์ส ไปแบบพลิกนรก 5-3

ซึ่งตั้งแต่วันนั้น จนถึง วันนี้ แมตช์คลาสสิค ดังกล่าว ยังถูกฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับคนรุ่นหลังได้ดู นับเป็นอีกครั้งที่แมตช์ในความทรงจำแบบนี้ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่เสมอ

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline