logo-heading

แน่นอนว่า เมื่อฟอร์มการเล่นมันเป็นเช่นนี้ แลมพาร์ด คือคนแรกๆที่ต้องรับผิดชอบกับผลงาน แฟนบอลหลายๆคนมองว่า ประสบการณ์ยังไม่ถึง, แท็คติก หรือ การแก้เกม ไม่มีให้เห็น, จัดตัวผู้เล่น ก็ชวนปวดหัวเหลือเกิน

อย่างไรก็ตาม ผลงานที่เกิดขึ้นกับ แลมพาร์ด .. สาวก สิงห์บลูส์ เข้าใจเลยว่า มันมีต้นตอมาจาก โบห์ลี่ 

ทำไมแฟนบอล เชลซี เลือกที่จะด่า และ อยากหยุมหัวการบริหารทีมของ ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของทีมคนใหม่มากกว่า จะไประเบิดใส่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ทั้งๆที่ก็ใช้เงินเสริมทัพให้กับสโมสรมากมาย  จะพาไปวิเคราะห์พร้อมๆกับทุกคนกันครับ

1. บริหารทีมแบบเร่งรีบ

ท็อดห์ โบห์ลี่ เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร เชลซี ต่อจาก เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช ที่โดนคว่ำบาตร โดยใช้เม็ดเงินสูงถึง 4,250 ล้านปอนด์ (ราวๆ 18,284 ล้านบาท) // จากทรัพย์สินมหาศาล เสี่ยท็อดด์ น่าจะเข้ามาสานต่อประวัติศาสตร์ได้ไม่ยาก

ท็อดด์ โบห์ลี่ เอง ก็มีประสบการณ์ในวงการกีฬามาก่อนแล้ว ด้วยการถือหุ้น ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส ทีมเบสบอลในลีก MLS เมื่อปี 2013 และ ประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งบริหารทีมเป็นแชมป์สายตะวันตก ไปถึง 8 ครั้ง ในรอบ 10 ปีหลัง ไหนจะมีคว้าแชมป์ใหญ่ประจำซีซั่นอย่าง World Series เมื่อปี 2020 อีกด้วย

ดังนั้นประสบการณ์เรื่องการบริหารทีมของ ท็อดด์ โบห์ลี่ ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล ต่อให้มาจับงานบริหารทีม ฟุตบอล ครั้งแรกก็เถอะ

เข้าใจการเป็นเจ้าของทีมคนใหม่ อยากเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่าง แต่การทำงานของ โบห์ลี่ ดูเหมือนจะเร่งรีบมากเกินไป 

.. เพราะตั้งแต่ โบห์ลี่ เข้ามา ก็ได้ปรับโครงสร้าง แยกทางกับบอร์ดบริหารชุดเก่า ที่ทำงานในยุค เสี่ยหมี ไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ เช็ก ที่ปรึกษา, มาริน่า กรานอฟสกาย่า ผอ.สโมสร หรือ บรูซ บัค ในตำแหน่งประธานสโมสร

การรีบไล่ทีมงานเก่าๆออกไปหมด โดยไม่มีแผนสำรองวางเอาไว้ กว่าจะได้คนใหม่เข้ามาทำงานแทนทั้งหมด ก็ปาไปแล้วครั้งซีซั่น ซึ่งมันสร้างความหายนะให้กับทีมพอสมควร โดยเฉพาะการปลด โธมัส ทูเคิ่ล ออกจากตำแหน่งกุนซือ คนที่สามารถพา เชลซี กลับมายิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

และ เลือกไปแต่งตั้ง เกรแฮม พ็อตเตอร์ จาก ไบรท์ตัน มาแทน โดยเขาคงคิดว่าจะมายกระดับทีมให้กับทีมได้ ซึ่งตอนนั้น พ็อตเตอร์ ก็ผลงานดีกับ ไบรท์ตัน จริงๆ อันนี้ไม่เถียง

แต่การเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างแบบรวดเร็ว มันก็ทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นทวีคูณ โค้ชต้องมาเรียนรู้กับนักเตะ และ นักเตะก็ต้องมาเรียนรู้กับโค้ช ไหนจะความกดดันที่ต้องประสบพบเจอ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

เพราะ พ็อตเตอร์ กลับทำทีมได้แย่ยิ่งกว่า จากทีมที่ยังมีโอกาสลุ้นแชมป์ กลายมาเป็นทีมกลางตาราง แฟนบอลดูเกมการแข่งขันแบบห่อเหี่ยว เป็นโค้ชที่ไม่มี DNA ตรงกับ เชลซี เลยสักนิด นั่นอาจสืบเนื่องมาจาก โบห์ลี่ หุนหันพลันแล่น รีบไปปลด ทูเคิ่ล ไม่ให้โอกาสแก้ตัวเลยสักนิด และ เลือกไปตั้ง พ็อตเตอร์ ซึ่งพอมาเจอกับความกดดันแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก็กลายเป็นออกทะเล หาทางกลับฝั่งไม่เจอ

2. ใช้ตังค์แบบเน้นปริมาณ ไม่เน้นคุณภาพ

การที่ได้เจ้าของทีม พร้อมทุ่มเงินแบบแหลกลาญ เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับแฟนบอลมากๆครับ ซึ่ง โบห์ลี่ ลงทุนลงแรงเสริมทัพให้กับ เชลซี มากจริงๆ ในช่วงตลาดเดือนมกราคม แต่การเสริมทัพนั้น มันเน้นปริมาณเสียมากกว่า ซื้อมาแล้ว ทีมกลับแย่กว่าเดิม และ ที่สำคัญบอร์ดบริหารชุดนี้ มีส่วนทำให้ "ตลาดนักเตะ​วินาศ​"

เพราะ โบห์ลี่ ควักเงินในกระเป๋าแบบไม่มีทรง ทุ่มเงินแบบหน้ามืด ไม่ลืมหูลืมตา โดยตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ใช้เงินไปทั้งสิ้น 291.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 11,656 ล้านบาท หลายๆคนค่าตัวแพงแบบโอเว่อร์ ทั้งๆที่โปรไฟร์ยังไม่ได้ระดับโลกขนาดนั้น อย่าง มิไคโล มูดริค ก็สูงถึง 89 ล้านปอนด์ หรือ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ เจ้าของสถิติค่าตัวสูงสุดในเกาะอังกฤษ 106 ล้านปอนด์ 

ถึงขั้นที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยตั้งคำถามว่า ทำไม เชลซี ถึงสามารถทุ่มเงินได้มากมายขนาดนั้น แบบไม่ผิดกฎเรื่องไฟแนนเชี่ยล แฟร์ ได้อย่างไร จริงอยู่ที่ โบห์ลี่ย์ ศึกษาและซิกแซก กฎควบคุมการเงินมาเป็นอย่างดี

แต่คำถามต่อจากนี้คือ ต่อไป เชลซี อาจจะต้องซื้อนักเตะในราคาที่แพงขึ้น เพราะต่อให้โดนโก่งราคาขนาดไหน ทีมงาน ท็อดด์ โบห์ลี่ ก็พร้อมยอมจ่าย 

การเสริมทัพเยอะ เชื่อว่าเป็นวิธีการซื้อใจแฟนบอล เชลซี อย่างหนึ่งของ เสี่ยท็อดด์ แต่การซื้อมากมายขนาดนั้น เหมือนเป็นการเอานักเตะมายัดเยียดกองรวมกัน //  อย่างตำแหน่งกองหลังมีมากถึง 9 คน ส่วนมิดฟิลด์แทบจะขี่คอกันตายรวมแล้ว 12 คน ขณะที่กองหน้าก็ยอมเช่า เจา เฟลิกซ์ เกือบๆ 10 ล้านปอนด์ ทั้งๆที่ไม่มีสัญญาซื้อขาด

การเลือกผ่าตัดทีมช่วงกลางซีซั่น มันมีข้อเสียเต็มไปหมด เพราะความยากมันอยู่ที่การผสมผสานพวกนักเตะใหม่ ให้เข้าขากับที่มีอยู่ได้อย่างไร โดยต้องไม่ให้ บรรยากาศในทีม เสียไปด้วย เพราะมันจะต้องมีคนหลุดไปนั่งสำรองอย่างแน่นอน

จึงไม่แปลกที่มันมีข่าวเรื่องทีมแตก บรรยากาศในห้องแต่งตัว และ สปิริตของทีมแทบไม่เห็น ซึ่งการเสริมทัพแบบไม่ลืมหูลืมตา ก็จะส่งผลออกมาประมาณนี้ เมื่อทุกอย่างไม่เป็นใจ

3. การเลือกคนที่ใช่

อย่างที่บอกครับ ต่อให้ แลมพาร์ด จะผลงานย่ำแย่ แต่แฟนบอล เชลซี ก็แค่วิจารณ์ว่ามือไม่ถึง หรือ ไม่น่าเอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้ที่นี่อีกรอบ ไม่ได้ถึงขั้นขับไสไล่ส่ง เพราะชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครกล้ามารับเผือกร้อนอีกแล้ว 

แต่สาเหตุที่อยากหยุมหัว โบห์ลี่ ก็คือการตัดสินใจเลือก แลมพาร์ด เข้ามานั่งแท่นกุนซือ มากกว่า ทั้งๆที่มีข่าวกับ ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ หรือ หลุยส์ เอ็นริเก้ เข้าใจดีว่าทั้ง 2 คน อาจยังไม่อยากมารับงานในตอนนี้ 

แต่การตั้ง แลมพาร์ด เข้ามา ก็เป็นสิ่งที่ โบห์ลี่ ต้องรับผิดชอบ เพราะ แลมพาร์ด มือไม่ถึงจริงๆ เขาไม่ใช่โค้ชที่จะมากอบกู้ให้ เชลซี กลับมาผงาด แถมยังแย่กว่า พ็อตเตอร์ ด้วยซ้ำ

ตอนนี้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ทันแล้ว จากกลางตาราง กลายมาเป็นทีมเหนือโซนตกชั้นแค่ 9 คะแนน อาจไม่ถึงขั้นตกชั้น แต่คำถามที่แฟนบอล เชลซี ต้องการคำตอบว่า กุนซือคนต่อไปในซีซั่นหน้า จะใช่สำหรับ เชลซี หรือไม่ เพราะ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่มีข่าวโผล่ขึ้นมาอีกคน เริ่มมีกระแสแอนตี้แล้ว

ดังนั้นมันเป็นงานยากสำหรับ เสี่ยท็อดด์ ล่ะครับ ที่จะซื้อใจแฟนบอล เชลซี เพราะว่า เสี่ยหมี คนเก่า เขาทำไว้ดีจริงๆ

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline