logo-heading

ทว่าหลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา สิ่งที่ถูกพูดถึงที่สุดในเกมนี้ กลีบไม่ใช่เรื่องผลแข่งขัน หรือการลุ้นแชมป์, ลุ้นท็อปโฟร์แต่อย่างใด 

เพราะมันมีอะไรอย่างอื่นมาแย่งซีน ดังนั้นว่าแล้วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้ ขอบสนาม จะพามาเก็บตกประเด็นจากเกมนี้กันครับ

1. กรรมการแย่งซีน

สิ่งที่แย่งซีนทุกประเด็นหลังจบเกมนี้ก็คือ ‘กรรมการ’ เพราะ คริส คาวานาห์ ทำหน้าที่ตัดสินได้แบบโคตรปล่อยเกม มีการปะทะหนัก ๆ ถึงขั้นติดดาบ ติดแถมอยู่หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในครึ่งแรก

แต่ทว่า กว่ากรรมการจะแจกใบเหลืองแรกนั้น ปาไปตั้งนาทีที่ 73 มันทำให้เกมนั้นดูเดือดดาลส่งต่อไปยันอารมณ์คนดู ไม่แปลกที่บางคนจะบอก ว่าดูเกมนี้บางที นึกว่าดู WWE

สิ่งที่ดีคืออย่างน้อย คงมีแค่ไม่มีใครบาดเจ็บหนัก ๆ แต่มันก็ทำให้เราเห็นได้ชัด ว่ากรรมการเป็นตัวแปรที่สำคัญมาก สำหรับการควบคุมความเดือดของเกม หากมีการเตะหรือหวดกัน แล้วกรรมการไม่เป่า ไม่ปกป้องนักเตะ  แบบนี้คนทำก็ได้ใจ และมาฟาวล์หนัก ๆ ซ้ำได้อีกถูกไหมล่ะครับ ?

2. ปืน ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์

มาต่อกันด้วยเรื่องสำคัญ ๆ ที่ต้องพูดถึงกันบ้าง กับการยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ของ อาร์เซน่อล หลังชนะแล้วเก็บเพิ่มเป็น 81 คะแนน ไล่จี้ แมนฯ ซิตี้ เหลือแต้มเดียว แต่ซิตี้นั้นยังแข่งน้อยกว่า 1 นัด

แน่นอนถ้าถามว่ามีโอกาสไหม มี แต่ก็ยาก! เพราะนอกจาก อาร์เซน่อล จำเป็นต้องชนะทั้ง 3 เกมสุดท้ายแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องแช่งให้  แมนฯ ซิตี้ พลาดถึง 2 เกมจาก 4 นัดที่เหลือ

ซึ่ง ซิตี้ จะเจอกับ เอฟเวอร์ตัน, เชลซี, ไบรท์ตัน และ เบรนท์ฟอร์ด การที่ลูกทีมของ เป๊ป จะพลาดในช่วงท้ายถึง 2 นัดต้องบอกว่าเป็นเรื่องยากมาก ๆ บางทีมันก็เหมือนจะจบไปตั้งแต่เกมที่ อาร์เซน่อล แพ้ แมนฯ ซิตี้ 4-1 หรือการสะดุดเสมอ เวสต์แฮม กับ เซาธ์แฮมป์ตัน แล้ว

แต่อย่างไรก็ดี ชัยชนะเกมที่ยากในนัดล่าสุด ก็ยังถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจแห่งความหวังเล็ก ๆ ของแฟน ๆ อาร์เซน่อล ครับ

3. นิวฯ ยังไม่ชัวร์เรื่องท็อปโฟร์

เมื่อแพ้นัดนี้ ก็แปลว่าเส้นทางจบท็อปโฟร์ของ นิวคาสเซิ่ล ยังไม่สดใสแวบวับ เพราะตอนนี้ ลิเวอร์พูล ทีมที่ไล่ตามมา มีแต้มน้อยกว่าพวกเขาเพียง 3 คะแนน แต่ยังดีที่ นิวคาสเซิ่ล ยังมีเกมในมือหรือแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด และมีลูกได้เสียที่ดีกว่า ลิเวอร์พูล ถึง 7 ประตู

แปลว่า นิวคาสเซิ่ล น่าจะยังสามารถสะดุดเสมอกับแพ้ได้อีกอย่างละนัดเป็นอย่างต่ำ แถมยังดีที่ทีมอันดับข้างล่างพวกเขาอย่าง แมนยู ยังมีแต้มน้อยกว่า นิวคาสเซิ่ล อยู่ 2 แต้ม โดยที่จำนวนเกมแข่งขันนั้นเท่ากัน

โดยโปรแกรมอีก 4 นัดสุดท้ายของ นิวคาสเซิ่ล คือจะเจอกับ ลีดส์, ไบรท์ตัน, เลสเตอร์ และ เชลซี หากพวกเขาชนะได้อย่างต่ำอีก 2 นัด ก็น่าจะสามารถคว้าตั๋วไปเล่น UCL ครั้งแรกในรอบหลายปีได้แล้ว ดูแล้วโอกาสพลาดยังน้อยครับ

สองแข้งตลาดหน้าหนาวทดแทนได้ดี

ย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องตัวเกมกันบ้าง หนึ่งในสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน อาร์เซน่อล คงหนีไม่พ้นนักเตะตัวอะไหล่ ที่ลงมาทำหน้าที่ทดแทนตัวจริงได้ดีอย่าง จอร์จินโญ่ กับ ยาคุบ คิวิออร์ สองแข้งที่ทีมซื้อมาตอนตลาดหน้าหนาวทั้งคู่

ซึ่งในฝั่งกองกลางทีมชาติอิตาลี ก็โชว์ความเก๋าเกม คุมเกมแบบเนียนกริ๊บ ทดแทน ปาร์เตย์ ที่ไม่เต็มร้อยได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนกองหลังทีมชาติโปแลนด์ ก็เล่นเกมรับได้น่าอุ่นใจกว่า โฮลดิ้ง และช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดแรกในรอบ 9 เกมด้วย

4. โอเดการ์ด ยิง สร้างสถิติประวัติศาสตร์สโมสร

ในเกมล่าสุด ยังได้มีการสร้างสถิติใหม่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร อาร์เซน่อล หลังทีมมีผู้เล่นยิงแตะ 15 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลเดียวถึง 2 คนเป็นครั้งแรก

นั่นก็คือ มาร์ติน โอเดการ์ด ชายผู้เล่นได้ดีที่สุดในเกมนี้ และเป็นคนซัลโวประตูเบิกร่องให้ทีมจากการยิงไกล และอีกคน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ที่แม้วันนี้ไม่ยิง แต่ก็มีส่วนในประตูที่สอง ที่กดยัดเข้ากลางไปจน ฟาเบียน แชร์ สกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง

แถม อาร์เซน่อล ยังมีลุ้นทำลายสถิติแบบขั้นต่อ เนื่องจาก บูกาโย่ ซาก้า ก็มีโอกาสยิงไปถึง 15 ประตูเช่นกัน หลังตอนนี้ซัดไป 13 เม็ดแล้ว

ก็แบบนี้แหละนะครับ ทีมจะลุ้นแชมป์ได้ ก็ควรจะมีนักเตะที่ช่วยกันทำผลงานได้หลายคน และอย่างน้อยในวันที่ยังมี อาร์เซน่อล ยังมีทั้ง ซาก้า, โอเดการ์ด, มาร์ติเนลลี่ และแข้งหนุ่มเก่ง ๆ อีกหลายคน พวกเขาก็ยังมีก็มีโอกาสพัฒนา และลุ้นแชมป์ไปเรื่อย ๆ ครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline