logo-heading

โดยแหล่งข่าวที่ยืนยันเรื่องนี้คือ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ บวกกับ เดวิด ออร์นสตีล ที่บอกว่า “พอช” จะเข้ามาคุมทัพ เชลซี และเริ่มต้นทำงานในช่วงเดือนมิถุนายน พร้อมกับจะดึงทีมงานมาประสานความคิดกัน 4 ราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือลูกชายอย่าง เซบาสเตียน โปเช็ตติโน่

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราจะพาไปส่องการบ้านที่ โปเช็ตติโน่ จะต้องเข้ามาสะสางในแคมป์ “สิงห์บลูส์” กันว่ามีประเด็น และเรื่องไหนที่ต้องจัดการเพื่อดึงสิงโตตัวนี้ให้กลับมาผงาดยิ่งใหญ่อีกครั้ง

สิ่งที่ “โปเช็ตติโน่” ต้องเข้ามาปรับ และสะสางกับ “เชลซี”

ซื้อ-ขาย นักเตะ

เริ่มต้นกันที่ประเด็นแรกก่อนเลยคือการกำหนดทิศทางตลาดนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ว่าจะซื้อใครเข้ามาเสริมบ้าง ต้องการผู้เล่นในตำแหน่ง แก้จุดอ่อนส่วนใด และใครบ้างที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีม และต้องการปล่อยออกไปเพื่อเปิดพื้นที่แก่คนใหม่ที่จะเข้ามา

เมื่อชายตามองไปแล้วเรียกได้ว่า เชลซี ในตอนนี้แทบจะต้องปรับปรุงในทุกตำแหน่งไล่ตั้งแต่หน้าประตู ไปจนถึงแผนกกองหน้า

เรื่องของผู้รักษาประตูต้องชัดเจนแล้วว่าอนาคตของ เอดูอาร์ เมนดี้ จะเก็บไว้ หรือปล่อยออกไป เพราะจากผลงานที่แสดงออกมาน่าจะกลายเป็นมือ 2 ถาวร ส่วนในเคสของ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า จะเก็บไว้ใช้งานต่อหรือไม่

ขยับมาที่แผงหลังที่แน่ๆ คือบทบาทเซ็นเตอร์ฮาร์ฟข่าวดีคือ ติอาโก้ ซิลวา จะยังคงยืนยันอยู่กับทีมต่อไปจากการยืนยันของเมียนักเตะ ส่วนในรายอื่นๆ ที่เป็นเครื่องหมายคำถามอย่าง คาลิดู คูลิบารี่ จะปล่อยออกไป หรือใช้งานในซีซั่นหน้า

แผงกองกลางแน่นอนว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในบางรายอย่าเช่น เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่กำลังจะหมดสัญญากับทีม ส่วนในรายของ เมสัน เมาท์ กับ มันเตโอ โควาซิช กระแสย้ายทีมในช่วงที่ผ่านมาแรงเหลือเกิน ซึ่ง “พอช” ก็ต้องเร่งสะสางเพื่อที่จะวางโครงสร้าง และหาใครมาทดแทน

ปิดท้ายที่ตำแหน่งกองหน้าน่าจะเป็นบทบาทที่แทบการันตีได้เลยว่า เชลซี จะมีการดึงแข้งหน้าใหม่เข้ามาอย่างแน่นอน เพราะที่มีอยู่ถือว่าไม่อาจฝากความหวังไว้ได้ และตัวเลือกใช้งานจำกัดมากเหลือเกิน

ทั้งหมดคืองานแรกๆ ที่ โปเช็ตติโน่ ต้องรีบเร่งในการเจรขากับทั้งนักเตะ และบอร์ดบริหาร เพื่อเคลียร์ทีม และใช้นักเตะที่เขาต้องการ สร้างทีมขึ้นมาใหม่ ภายใต้แท็คติก และแผลงานในแบบฉบับของตนเอง

โครงสร้างทีม

หนึ่งในโครงสร้างที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ หยิบยกมาพูดถึงมากที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาบริหารงาน เชลซี คือเรื่องของการสร้างทีมในระยะยาว มุ่งเน้นไปที่นักเตะดาวรุ่ง ที่สามารถคาดหวังได้ถึงอนาคตของทีม ซึ่งมันค่อนข้างชัดเจนในเรื่องของการซื้อนักเตะเข้าสู่ทีม

“มุมมองของเราคือมันเป็นโครงการระยะยาว และเรามุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนั้น และเราเชื่ออย่างแท้จริงว่าเราจะดำเนินการได้ เรามีลีกที่ดีที่สุดในโลก และสโมสรในเมืองที่ดีที่สุดในโลก”

ในช่วงตลาดเดือนกมกราคมที่ผ่านมาทีมทุ่มเงินมากกว่า 300 ล้านปอนด์ ในการเริ่มปรับโครงสร้าง และดึงนักเตะอายุน้อยเข้ามาสู่ทีมทั้ง ดาวิด เดโทร โฟฟาน่า, โนนี มาดูเอเก้, เบอนัวต์ บาเดียชิล หรือ อันเดรย์ ซานโต๊ส ที่เซ็นล่วงหน้ามาจาก วาสโก ดา กาม่า

ทว่าคราวนี้ฝั่ง โปเช็ตติโน่ ต้องมาบริหารจัดการกับนักเตะกลุ่มนี้ด้วยว่าจะจัดสรรอย่างไร เพราะมันต้องผสมผสานกับกลุ่มนักเตะระดับซีเนียร์ และแข้งที่มีประสบการณ์ เพื่อคอยประคองทีมเดินไปข้างหน้า

ซึ่งนักเตะเหล่านี้ถ้ามองในเรื่องของฝีเท้าถือว่าสอบผ่าน แต่ในระยะยาวต้องมาตัดเกรดกันอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งกลุ่มแข้งที่เป็นเติบโตขึ้นมาจากศูนย์ฝึกของทีมทั้ง คอเนอร์ กัลลาเกอร์, อาร์มันโด้ โบรย่า หรือ ลูอิส ฮอลล์

ฉะนั้นถ้าจะให้มันสอดคล้องกับแนวทางของเจ้าของทีม มันต้องหาตรงกลาง และบาลานซ์ที่จัดการในการสร้าง และลงมือทำไปพร้อมๆ กัน

สิ่งที่ “โปเช็ตติโน่” ต้องเข้ามาปรับ และสะสางกับ “เชลซี”

สไตล์การเล่นชัดเจน

เป็นอีกประเด็นที่แฟนบอล เชลซี เองอยากจะเห็นทีมรักมีรูปแบบทรงบอลที่ชัดเจนเสียที หลังจากที่ซีซั่นนี้นับตั้งแต่ โธมัส ทูเคิ่ล โบกมือลาทีมไปก็สะเปะสะปะไม่มีหางเสืออีกเลย

จุดเด่นของ โปเช็ตติโน่ สมัยที่ทำ สเปอร์ส คือเกมรุกที่โจมตีจากริมเส้น ฟูลแบ็คทั้งสองฝั่งเติมเกมกันแบบสนุกสนาน ทั้ง ไคล์ วอร์คเกอร์, คีแรน ทริปเปียร์ หรือ ดาเนียล โรส ซึ่งถือว่าสอบโจทย์พอสมควรเพราะทรัพยากรที่มีอยู่ในตอนนี้ครบเครื่องไม่ต่างกันทั้ง รีซ เจมส์ หรือ เบน ชิลเวลล์

ส่วนเกมรุกคงถ้าเปรียบเทียบคงจะเป็น เดเลี่ อัลลี ในสมัยนั้น ซึ่งถ้ากวาดสายตามองในตอนนี้ ไค ฮาเวิรตซ์ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทว่าก็ต้องลงตลาดเพื่อหากองหน้าสายจบสกอร์คมๆ มาสู่ทีม

อีกประเด็นนอกจากแท็คติกในสนามคือการปลุกเร้า และกระตุ้นลูกทีมให้ลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 9 เดือนนี้ไปให้หมด รีเซ็ต และสร้างใหม่ไปพร้อมๆ กัน

แน่นอนที่กล่าวมาเหมือนจะง่าย แต่ในสนามจริงถือว่าหินมากพอสมควรในการปรับเปลี่ยน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเหล่านักเตะภายในทีม

จุดหมายที่ชัดเจน

ประเด็นนี้ค่อนข้างเชื่อมโยงกับ 2 ข้อมากพอสมควร เพราะด้วยยี่ห้อความเป็น เชลซี หนึ่งในภาพจำที่เราสัมผัสได้มาตลอดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาคือเรื่องความสำเร็จ ไม่ว่าจะถ้วยเล็ก ถ้วยใหญ่ ก็มักจะมีตรา “สิงห์บลูส์” เข้าไปมีเอี่ยวอยู่ด้วยเสมอ

ฉะนั้นในเมื่อซีซั่นนี้ความล้มเหลวมันพุ่งชนเข้าอย่างจัง สิ่งเดียวที่ต้องทำคือหันหัวกลับไปยืนในจุดที่พวกเขาเคยเป็นให้ได้อีกครั้ง 

เข้าใจว่าการสร้างทีมมันย่อมต้องใช้เวลาจะเร็วหรือช้า ส่วนเกี่ยวข้องสำคัญคือตัวบุคลากร แต่ทว่ากับประเด็นนี้แฟน เชลซี อาจไม่ค่อยคุ้นเคยนักเพราะตลอดการบริหารทีมของ โรมัน อบราโมวิช สโมสรไม่เคยต้องมาสร้าง หรือใช้เวลาเป็นเครื่องมือต่างๆ

จุดไหนมันแย่ก็ปรับเปลี่ยน จุดไหนเป็นปัญหาก็แก้ไขทันที ซึ่งภาพมันค่อนข้างขัดแย้งกับสิ่งที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ย ต้องการกับสโมสรฝนยุคปัจจุบันเหลือเกิน

ถ้าถามว่าจุดหมายของ เชลซี ในยุคของ โปเช็ตติโน่ ควรไปวางอยู่ตรงไหน ?

แน่นอนมันคือการคว้าแชมป์ หรืออย่างน้อยๆ พาทีมกลับไปรั้งพื้นที่ท็อปโฟร์อีกครั้งให้ได้ ซึ่งมันคงไม่ได้ยากจนเกินไปเมื่อมองไปสภาพแวดล้อม และความพร้อมในแง่ต่างๆ

ฉะนั้น “พอช” และบอร์ดบริการต้องชัดเจนว่าจุดหมายของทีมคืออะไร สร้างทีม? ติดท็อปโฟร์? หรือ คว้าความสำเร็จมาเชยชม

จากนี้เรื่องของการแต่งตั้งอย่างเป็นทางต้องรอเพียงเวลาเท่านั้นว่าจะประกาศแบบออฟฟิเชียลเมื่อไหร่

ซึ่งเมื่อถึงวันนั้นเราคงได้เห็นภาพที่ชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า เชลซี กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเป็นการเดินหน้า หรือย้ำเท้าเดินอยู่ที่เดิม

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline