logo-heading

ไม่ต้องไปลุ้นหนีตายในช่วงโค้งสุดท้าย เรียกว่าหายใจโล่งคอ มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน เลยด้วยซ้ำ

เหลืออีกเพียงแค่ 1 นัดก่อนปิดซีซั่น ซึ่ง บอร์นมัธ จะบุกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่ต้องตัดสินเรื่องชี้ชะตาหนีตาย ดังนั้นก่อนทุกอย่างจะปิดตัวลง จะพาไปดูสุดยอดสถิติของ เดอะ เชอร์รี่ส์ ที่น่าสนใจ กับการฟาดแข้งบนลีกสูงสุดในซีซั่นนี้กัน

- ดาวซัลโวสูงสุดของทีม

ถึงแม้ บอร์นมัธ จะมาอยู่โซนล่างของตาราง แต่กระนั้นสถิติการยิงประตูของพวกเขาในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ก็ไม่ขี้เหร่แต่อย่างใด โดยซัดไปแล้ว 37 ลูก มากกว่า เชลซี ยักษ์ใหญ่ของลีก อยู่ 1 ตุง เสียอีก

บอร์นมัธ เป็นสโมสรที่กระจัดกระจายกันยิง สถิติการทำประตู ก็เฉลี่ยๆกันไปทั้งทีม ไม่ได้ฝากผีฝากไข้ไว้ที่ใครแค่คนเดียว โดยนักเตะที่กำลังนำเป็นดาวซัลโวของทีม ณ ตอนนี้ ไม่ใช่ตำแหน่งกองหน้า แต่เป็น ฟิลิป บิลลิ่ง มิดฟิลด์เจ้าของความสูง 193 เซนติเมตร เป็นหัวใจสำคัญในแผงกองกลางของทีม

ก่อนนัดปิดซีซั่น บิลลิ่ง ยิงให้กับ บอร์นมัธ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ไปแล้ว 7 ประตู แบบไม่มีจุดโทษเข้ามาเกี่ยวข้อง โดย 5 จาก 7 ประตู ที่เขายิงประตูแรกให้กับทีมเมื่อไหร่ ทีมไม่เคยแพ้ โดยมีทั้งชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 และ เสมอกับ นิวคาสเซิ่ล 1-1 มาแล้ว

ส่วนนักเตะที่ทำประตูไล่ตามหลังมา ก็คือ โดมินิค โซลันกี้ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ชุดแชมป์โลก รุ่นยู-17 โดยซัดไปแล้ว 6 ตุง เป็นรอง บิลลิ่ง แค่ 1 ลูก ดังนั้นมันอาจเป็นชาลเลนจ์ภายในทีมก็ได้ว่า เมื่อจบซีซั่นแล้ว ใครจะเป็นดาวซัลโวของทีมกันแน่

- แอสซิสต์มากสุดของทีม

เมื่อมีคนซัดตุงตาข่าย ก็ต้องมีคนแอสซิสต์ให้เช่นกัน ซึ่งดาวซัลโวของทีม เป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่พอเป็นชาร์จแอสซิสต์ กลับกลายเป็นกองหน้า ที่ป้อนให้เพื่อนทำประตูได้มากที่สุด และ คนๆนั้นก็คือ โดมินิค โซลันกี้ หัวหอกของทีม ที่จำนวน 7 ครั้ง

ดังนั้นการที่ โซลันกี้ ทำผลงานได้ดีขนาดนี้ เป็นการตอกกลับเหล่านักวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี เพราะเขามักโดนดูถูกว่าเก่งแต่ในลีกรอง พอขึ้นมาอยู่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ทำผลงานไม่เข้าตา เนื่องจาก 2 ซีซั่นแรกกับ บอร์นมัธ ยิงรวมกันได้แค่ 3 ประตู เท่านั้น ไปเก่งกลับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ที่เคยยิงถึง 29 ประตู เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

แต่อย่างที่บอกครับ ผลงานของ โซลันกี้ ไม่ได้เหมือน 2 ซีซั่นแรกกับทีมอีกแล้ว จากการยิง 29 ประตู ในศึก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ มันต่อยอดความมั่นใจในเวทีลีกสูงสุด โดยยิงไป 6 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ เป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมทำประตูให้กับ บอร์นมัธ มากสุด เมื่อฟอร์มเป็นเช่นนี้ ก็คงยึดตัวหลักได้แบบยาวๆในฤดูกาลหน้า

- เปอร์เซ็นต์จ่ายบอลแม่นยำมากสุดของทีม

ด้วยความที่วงการฟุตบอลเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ก็ต้องมีปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก ยุคนี้ แทบไม่มีสโมสรไหนที่เน้นการโยนยาวมั่วๆ วางบอลครอสด้านข้างไปลุ้นในกรอบเขตโทษอย่างเดียว ฟุตบอลอังกฤษสไตล์โบราณ แทบไม่มีให้เห็นแล้ว เรียกว่าใช้จังหวะต่อบอลแบบเท้าสู่เท้าด้วยความแม่นยำมากกว่า

บอร์นมัธ ไม่ได้เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ .. เวลาเจอกับคู่แข่งที่เหนือกว่า มักจะโดนบุกเข้าใส่อยู่แล้ว แต่ทีเด็ดของ บอร์นมัธ ก็คือรับแล้วโต้อย่างเฉียบคม การต่อบอลขึ้นเกม จากแดนหลังสู่แดนหน้า ก็ทำได้ยอดเยี่ยมในหลายๆจังหวะ

ซึ่งนักเตะที่เป็นหัวใจ ทำให้การโต้กลับของ บอร์นมัธ หรือ ตัดบอลแล้วเซ็ตจากหลังสู่หน้าขึ้นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ คริส เมฟาม เซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักของทีม โดยในรายผู้เล่น บอร์นมัธ ที่ลงสนามเกิน 20 นัด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ .. คริส เมฟาม มีสถิติการจ่ายบอลแม่นยำมากที่สุดของทีม อยู่ที่ 83.7 % จากการลงเล่นทั้งหมด 26 นัด พร้อมมีค่าเฉลี่ยผ่านบอลต่อเกมอยู่ที่ 39.31 ครั้ง นับว่าเป็นสถิติที่สูงมากทีเดียว

- เล่นเกมรับดีที่สุดของทีม

พูดถึงสถิติตัวรุกไปแล้ว ทั้งเรื่องการยิงประตู และ ทำแอสซิสต์ คราวนี้มาถึงฝั่งเกมรับกันบ้าง แน่นอนว่าพวกกองหลัง ย่อมมีผลงานที่โดดเด่นมากกว่าตำแหน่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัดเกม, สกัดจังหวะอันตราย หรือ ชนะการดวลกลางอากาศ

ซึ่งนักเตะตัวจริงของ บอร์นมัธ ที่ทำได้ดีที่สุดในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ยังเป็น คริส เมฟาม เซ็นเตอร์แบ็กตัวเก่ง คนดีคนเดิม โดยเขาได้ค่าเฉลี่ยเรตติ้งจากเว็บไซต์ "Whoscored" สูงถึง 6.58 คะแนน เบียดๆกับ อดัม สมิธ คู่หูในแผงกองหลัง มาเลย

แต่กระนั้น คริส เมฟาม ทำได้น่าประทับใจ ในการช่วยเกมรับตลอดซีซั่นนี้ ต่อให้จะเคยทำเข้าประตูตัวเองไป 2 ครั้ง แต่เขาก็เอาสถิติเกมรับเข้ามาช่วย ทั้งเข้าแท็คเกิ้ลสำเร็จ 49 ครั้ง, ตัดบอลคู่แข่ง 30 ครั้ง, ชนะการดวลลูกกลางอากาศ 108 ครั้ง, เก็บตกบอลจังหวะสองได้ 85 ครั้ง และ ที่สำคัญช่วยทีมเก็บคลีนชีตได้ 5 ครั้งเช่นกัน

ซึ่ง 2 เกมในเดือนพฤษภาคม .. บอร์นมัธ ไม่มีชื่อของ คริส เมฟาม ลงสนามเป็นตัวจริง ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ ต่อทั้ง เชลซี 1-3 และ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1 ดังนั้นมันหมายความว่า คริส เมฟาม คือหัวใจในแนวรับ การไม่มีเขาอยู่ในทีม นับว่าเป็นผลเสีย เพราะจากสถิติที่เปิดเผยขึ้น เขาช่วยทีมได้เยอะเลยทีเดียว

- แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากสุดของทีม

หนึ่งในคีย์แมนเกมรุกของ บอร์นมัธ จะขาด มาร์คัส ทาเวอร์เนียร์ ไปไม่ได้เลย เพราะเขาเป็นคนที่คอยสร้างสรรค์โอกาส ใช้ความเร็วปั่นป่วนคู่แข่งได้อยู่เสมอ ถึงแม้เขาจะไม่ใช่ดาวซัลโวของทีม แต่ก็ยิงไปแล้ว 5 ประตู ต่อให้ไม่ใช่อันดับ 1 ในเรื่องแอสซิสต์ แต่ก็จ่ายให้เพื่อนซัดถึง 4 ครั้ง ด้วยกัน นับว่ามีส่วนร่วมกับทีมมากถึง 9 ลูก

ซีซั่นแรกกับ บอร์นมัธ หลังย้ายมาจาก มิดเดิ้ลส์โบรช์ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ดีเกินคาด ทั้งๆที่เพิ่งมาเจอประสบการณ์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นครั้งแรก โดยเขาลงสนามให้ต้นสังกัดในซีซั่นนี้ 24 นัด ถือว่าไม่เยอะมากนัก เนื่องจากยังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้ถาวร

แต่กระนั้น ทาเวอร์เนียร์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะ ที่คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้ ที่จำนวน 3 นัด เทียบเท่ากับ โดมินิค โซลันกี้ และ ฟิลิป บิลลิ่ง 2 แนวรุกคนสำคัญของทีม ที่คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เท่ากัน ซึ่งครั้งล่าสุดที่ ทาเวอร์เนียร์ ทำได้ ก็คือนัดยิงประตูชัย บุกไปเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 1-0 เมื่อปลายเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline