logo-heading

กลายเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจกันไม่น้อยเลยสำหรับ "เดเล่ อัลลี" ที่ล่าสุดได้ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟเปิดใจถึงเรื่องราวในอดีตที่เป็นบาดแผลทางจิตใจซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบัน จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นไปดูกัน

บาดแผลทางจิตใจในอดีตของ \"เดเล่ อัลลี\"

[ โดนลวนลามทางเพศ ]

ในช่วงวัยเด็กน่าจะเป็นช่วงวัยที่มีความสุขมากที่สุดสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ ไม่มีเรื่องหรือปัญหาอะไรที่ต้องคิดมากจนหนักใจ และก็เป็นช่วงที่น่าจะได้รับความอบอุ่นจากสถาบันที่ชื่อว่าครอบครัวมากที่สุด

แต่สำหรับ เดเล่ อัลลี สิ่งที่เขาต้องเจอในวัยนั้นกลับตรงกันข้ามกับเด็กคนอื่นๆ ได้รับบาดแผลทางจิตใจจากการเลี้ยงดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพ่อแม่แยกทางกัน ส่วนคนเป็นแม่ก็ติดเหล้าสุราแบบหนักมากๆ มิหนำซ้ำยังมีเรื่องโดนคุกคามทางเพศอีกด้วย

"ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้มากนักหรอก พูดตรงๆ เลย ผมหมายถึง ผมคิดว่ามันมีอยู่บางเหตุการณ์ที่ผมพอจะทำให้คุณเข้าใจได้บ้าง"

"ตอนอายุ 6 ขวบผมโดนเพื่อนของคุณแม่ลวนลามบ่อยมากๆ ซึ่งเป็นคนที่มาหาที่บ้านบ่อยๆ คุณแม่ของผมติดเหล้าหนักมาก และเรื่องตอนนั้นก็เกิดขึ้นตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมถูกส่งไปแอฟริกาเพื่อเรียนรู้เรื่องระเบียบวินัยและจากนั้นก็ถูกส่งตัวกลับมา"

[ ยาเสพติด ]

ปัญหาเรื่องยาเสพติดก็ถือเป็นภัยร้ายแรงระดับชาติ แน่นอนว่าเรื่องของบทลงโทษนั้นก็อาจทำให้คนๆ หนึ่งจบชีวิตและหมดอนาคตได้เลย ซึ่งตัวของ เดเล่ อัลลี เองก็เคยเข้ามาคลุกคลีและพัวพันกับเส้นทางที่ผิดๆ นี้ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกัน

"ตอนอายุได้ 7 ขวบผมเริ่มสูบบุหรี่ พออายุ 8 ขวบผมก็เริ่มค้ายาเสพติด คนที่แก่กว่าผมคนหนึ่งบอกว่าพวกเขาจะไม่หยุดตรวจค้นเด็กที่ปั่นจักรยานหรอก ผมก็เลยปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ พร้อมกับลูกฟุตบอลของผมโดยมียาเสพติดอยู่ในตัว นั่นคือตอนที่ผมอายุ 8 ขวบ และตอนอายุ 11 ปีผมก็โดนจับแขวนคอไว้ที่สะพาน (ว่ากันว่าเป็นฝีมือของแก๊งค์เด็กอันธพาล)"

[ ลูกบุญธรรม ]

ด้วยความที่คุณแม่แท้ๆ นั้นติดสุราอยู่ในขั้นเรื้อรังทำให้ เดเล่ อัลลี โดนส่งตัวไปอยู่กับพ่อที่แอฟริกา แต่เขาก็เล่าให้ฟังว่าเจ้าตัวนั้นจงใจที่ประพฤติตัวไม่ดีเพื่อที่จะได้ถูกส่งตัวกลับมายังอังกฤษ

อัลลี กลับมายัง อังกฤษหลังจากนั้นปีต่อมา ตอนอายุได้ 12 ปีคนเป็นแม่ก็อยากให้ลูกชายตัวเองได้รับการดูแลที่ดีและพบเจอแต่สิ่งดีๆ เพื่ออนาคตที่ดี ก็เลยเปิดโอกาสให้เขาไปเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวอื่น และนั่นก็คือหนึ่งในจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต

"ผมได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวหนึ่งที่น่าทึ่ง ผมไม่อาจขอให้คนที่ดีกว่ามาทำให้สิ่งที่พวกเขามอบให้กับผม ถ้าพระเจ้าเป็นคนสร้างคนขึ้นมามันก็น่าจะเป็นพวกเขานี่แหละ"

"ครอบครัวนี้น่าทึ่งจริงๆ พวกเขาช่วยเหลือผมเอาไว้มากมาย คุณรู้ไหม ตอนที่ผมเริ่มอาศัยอยู่กับพวกเขา มันเป็นเรื่องยากสำหรับผมที่จะเปิดใจกับพวกเขาจริงๆ เพราะตอนนั้นผมรู้สึกอยู่ข้างในว่า มันคงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าถ้าจะกำจัดผมทิ้งไปอีกครั้ง"

"ผมพยายามเป็นเด็กที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา ผมอยู่กับพวกเขาตั้งแต่อายุ 12 ปี จากนั้นผมก็เริ่มได้โอกาสเล่นฟุตบอลกับทีมชุดใหญ่อย่างมืออาชีพตอนอายุ 16 ปี ทุกๆ สิ่งมันเริ่มต้นจากจุดๆ นั้นจริงๆ"

หลังจากนั้น เดเล่ อัลลี ก็ได้ก้าวขึ้นไปเป็นนักฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัวกับ มิลตัน คีนส์ ดอนส์ และก็แจ้งเกิดด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจนไปเตะตาเหล่าบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ก่อนจะย้ายมาอยู่กับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในปี 2015 ได้รับคำชื่นชมมากมายเรื่องพรสวรรค์ ตลอดจนรางวัล ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ อีก 2 สมัยด้วยกัน

[ คิดถึงเรื่องรีไทร์ ]

ชีวิตของ เดเล่ อัลลี เป็นเหมือนพลุที่จุดขึ้นฟ้า เพราะไม่นานแสงสว่างนั้นก็ได้จางหายไป เมื่อวันที่กุนซือคู่ใจอย่าง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ต้องไปจาก สเปอร์ส และการมาของ โชเซ่ มูรินโญ่ กับความพยายามในการเค้นฟอร์มให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เส้นทางค้าแข้งของ เดเล่ อัลลี พังไม่เป็นท่าก็มาจากเรื่องราวนอกสนาม หลงระเริงไปกับชื่อเสียงและความสำเร็จ ชอบเที่ยวปาร์ตี้ และไม่ตั้งใจในการฝึกซ้อม จนครั้งหนึ่งพี่แกโดน มูรินโญ่ ตราหน้าว่าเป็น "นักเตะจอมขี้เกียจ"

และนั่นก็คือหนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาเรื่องของการแขวนสตั๊ด

"ช่วงเวลาที่น่าเศร้าที่สุดของผมน่าจะเป็นตอนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีม ตอนนั้นผมอายุ 24 ปี ผมจำได้ว่ามีอยู่เช้าวันหนึ่งผมต้องตื่นมาซ้อม นั่นคือช่วงที่เขาไม่ได้ส่งผมลงสนาม"

"ผมอยู่ในจุดที่ย่ำแย่ และผมจำได้ว่าผมมองตัวเองในกระจกแล้วก็คิด มันอาจจะฟังดูดราม่า แต่จริงๆ แล้วผมก็ถามตัวเองในกระจกว่า "เลิกเล่นตอนนี้เลยดีไหม ? ตอนอายุ 24 ปีผมกำลังทำในสิ่งที่ผมรัก ความคิดในตอนนั้นมันทำให้ผมใจสลาย มันทำให้ผมเจ็บปวดใจมากๆ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผมต้องแบกรับเอาไว้"

"ช่วงนั้นผมปาร์ตี้หนักมากก็จริง ความจริงที่พวกสื่อรายงานออกมานั้นไม่ใช่ความจริง พวกเขาบอกว่าผมเป็น 'หนุ่มสายปาร์ตี้' ผมคิดว่าการรับรู้ของผู้คนที่มีต่อผมนั้นต่างไปจากความจริงที่ผมเป็นอยู่มากๆ และจากนั้นผมก็เลยมาอยู่ในจุดที่่ย่ำแย่" 

[ สถานบำบัด ]

จากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็กจนโตและเดินบนเส้นทางค้าแข้ง นั่นคือสิ่งที่ เดเล่ อัลลี ต้องแบกรับไว้เพียงลำพัง และต้องหันไปพึ่งการใช้ยานอนหลับจนเกิดการเสพติด ซึ่งนี่คือเรื่องที่เขาไม่เคยบอกกับใครที่ไหนมาก่อน

"ผมตัดสินใจที่จะไปสถานบำบัดที่เกี่ยวกับการจัดการกับการเสพติด, สุขภาพจิต และบาดแผลทางจิตใจ ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วจริงๆ ไม่มีใครสามารถบอกให้คุณไปที่นั่นได้ คุณต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง"

"ผมอยู่ในวงจรที่เลวร้าย ผมดันพึ่งพาสิ่งที่มันทำร้ายผม ทุกๆ วันที่ผมตื่นขึ้นมาผมเอาชนะมันได้ ไปซ้อมทุกวันด้วยรอยยิ้ม และแสดงให้เห็นว่าผมมีความสุข แต่ลึกๆ ข้างในผมยังรู้สึกว่าพ่ายแพ้ ดังนั้นมันถึงเวลาต้องเปลี่ยน"

"ผมจึงไปที่นั่นเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ทาง เอฟเวอร์ตัน ก็ให้การสนับสนุนที่ดี ผมขอบคุณพวกเขาจริงๆ ผมคงไม่ขออะไรไปมากกว่านี้ในช่วงเวลาที่ผมได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ได้ทำในสิ่งที่ผมกลัวจะทำ และผมก็มีความสุขมากๆ กับสิ่งที่ทำอยู่"

ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของ เดเล่ อัลลี อาจจะถูกมองไปในทิศทางด้านลบจากสิ่งที่ถูกแพร่ออกมาทั้งบนหน้าหนังสือพิมพ์และโลกออนไลน์ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตก็เป็นคำตอบให้กับสิ่งที่เขาเป็นอยู่ในหลายๆ เรื่อง หลักๆ เลยก็คือ "บาดแผลทางจิตใจ" เป็นนักสะสมความทุกข์ความเศร้าไว้เพียงลำพังโดยที่ไม่มีใครรับรู้

เห็นเจ้าตัวบอกว่าตอนนี้เริ่มกลับมามีแพสชั่นกับ "ฟุตบอล" อีกครั้ง และพยายามทำให้ทุกๆ สิ่งให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง ซึ่งเราในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งถึงไม่ใช่แฟนบอง สเปอร์ส หรือ เอฟเวอร์ตัน แต่ก็อยากเห็น เดเล่ อัลลี กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอีกครั้งเหมือนกับตอนที่เขาได้รับคำชื่นชมมากมายเป็นเด็กที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง

HaMu Dos Santos

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline