logo-heading

ดังนั้นว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเรา จะขอพามาสรุปให้เห็นภาพรวมกันสักหน่อย สำหรับการไล่ไทม์ไลน์สุดอลวน ในดีลของกองกลางเนื้อหอม ไบรท์ตัน กับ ลิเวอร์พูล และ เชลซี ในช่วงที่ผ่านมาครับ

 

โดยเริ่มต้นจากการย้อนความสักหน่อย ทีแรกเราจะเห็นว่าตลอดเวลาส่วนใหญ่ ในซัมเมอร์นี้ เชลซี ดูเป็นทีมเต็งแบบแทบจะเดี่ยว ๆ ที่จะได้ลายเซ็น ไกเซโด้ ไปครอบครอง

เนื่องจากพวกเขามีข่าวกับนักเตะมาตั้งแต่ยังไม่ปิดฤดูกาล และมีการโฟกัสดีลนี้อย่างจริงจังไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแล้ว พร้อมวาง ไกเซโด้ เป็นเป้าหมายหลักอันดับ 1 และคอยขายขนมจีบให้นักเตะ จนบรรลุเงื่อนไขส่วนตัวกับ ไกเซโด้ ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ตามการรายงานของ ฟาบริซิโอ โรมาโน่

แต่ปัญหาหลักอย่างเดียวที่ทำให้ดีลนี้ยืดเยื้อ เนื่องจาก เชลซี ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงค่าตัว ไกเซโด้ กับ ไบรท์ตัน ได้สักที ยื่น 70 ล้านปอนด์ไปก็โดนปัด, ยื่น 80 ล้านปอนด์ไปก็โดนปัด เพราะ ไบรท์ตัน ยังยืนกรานว่าต้องการที่ 100 ล้าน

แต่ภาพที่แฟนบอลส่วนใหญ่มองในตอนนั้น ก็ยังคิดกันว่าท้ายที่สุด น่าจะตกลงกันได้ และ เชลซี น่าจะได้ตัวไป เพราะพวกเขาไม่มีคู่แข่งในดีลนี้ และคงแทบไม่มีใครคิดเรื่องโดนปาด เพราะราคามันสูงมาก มีเพียงไม่กี่ทีมที่จ่ายได้ และตอนแรกดูไม่มีทีมไหน พร้อมจะทุ่มและจริงจังเท่ากับ เชลซี แล้วด้วย
 

แต่เหตุการณ์ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อ ลิเวอร์พูล ที่กำลังมุ่งกับดีล โรเมโอ ลาเวีย อยู่ดี ๆ เกิดดูจะไม่พอใจ ไม่อยากจ่ายค่าตัว 50 ล้านปอนด์ กับเด็กอายุ 19 ปี ตามที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ได้ตั้งไว้

พวกเขาจึงหันเห มาที่ตัวที่มีประสบการณ์มากกว่า, พิสูจน์ผลงานมาเรียบร้อย แต่มีราคาแพงกว่า ลาเวีย เป็นเท่าตัว และเขาคนนั้นก็คือ ไกเซโด้ นักเตะที่ตอนแรก ดูแล้วน่าจะได้ย้ายไป เชลซี นั่นเอง

โดยกระแสข่าว “การปาด” ถูกกระพือขึ้น ตั้งแต่ตอนเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จาก แมตต์ ลอว์ กูรูข่าวสายตรง เชลซี ที่รายงานว่า ลิเวอร์พูล จะทุ่มข้อเสนอขอซื้อ ไกเซโด้ เกทับ เชลซี

ทีแรกแฟนบอลหลายคน โดยเฉพาะแฟน ลิเวอร์พูล เองฟังแล้วก็ไม่เชื่อ ว่า FSG เนี่ยนะ จะมาทุ่มเงินซื้อนักเตะที่ถูกตั้งราคาไว้เป็น 100 ล้าน แม้จะมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ข่าวลวง เพราะมีข่าวตามมาทันทีจากนักข่าวสายหงส์ ว่า ลิเวอร์พูล ติดต่อไปจริง แม้จะมีทำทรงบอกว่าทีมยังไม่ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการเข้าไปให้ ไบรท์ตัน

แต่ไม่นานนักช่วงดึกคืนนั้น โรมาโน่ ยืนยันว่า ลิเวอร์พูล จะยื่นข้อเสนอขอซื้อ ไกเซโด้ 100% พร้อมกับหลายสื่อที่รายงานตรงกัน

ก่อนที่ช่วงเช้าของวันศุกร์จะมีการยืนยันว่า ลิเวอร์พูล ได้ยื่นข้อเสนอไปจริง ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 110 ล้านปอนด์ เป็นสถิติของเกาะอังกฤษ ก่อนจะตามมาด้วยการตอบรับ ไฟเขียว จาก ไบรท์ตัน เหลือแค่เพียง ลิเวอร์พูล หาข้อตกลงเงื่อนไขส่วนตัวกับนักเตะให้ได้ ก็จะปิดดีลกันได้ทันที

ยิ่งไปกว่านั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่มีต้องออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนเกมพอดี ยังออกมายืนยัน ว่าระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ไบรท์ตัน ตกลงกันได้แล้วจริง ๆ เหลือแค่หาข้อตกลงกับนักเตะ ทำเอาแฟนหงส์ใจฟู แทบตลอดช่วงเช้าไปเย็นของวันศุกร์ที่ผ่านมา

และตอนแรกเรื่องสัญญาส่วนตัวนั้น ก็ดูเหมือนไม่น่าเป็นปัญหา หรือแปลว่าจากตอนแรกที่ทั้งตลาด เชลซี ดูเป็นเต็งจ๋า กลับน่าจะถูก หงส์แดง คาบไปแดกซะแล้วล่ะ


แต่อนิจจัง เมื่อดีลยังไม่ 100% มันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ช่วงประมาณ 4 โมงครึ่งของวันศุกร์ กลับมีรายงานจาก นิซาร์ คินเซล่า กูรูข่าวสายตรง เชลซี ว่า เชลซี จะยังไม่ยอมแพ้ในดีล ไกเซโด้

จากนั้นก็มีรายงานจากสื่ออื่น ๆ ยืนยันตามมาเรื่อย ๆ หลายที่ก็บอกว่า สิงห์บลูส์ จะยื่นให้มากกว่า 110 ล้านปอนด์ที่ ลิเวอร์พูล เกทับมาก่อนด้วย

แต่ประเด็นหลักที่เปลี่ยนเกมนี้จริง ๆ อาจไม่ใช่ท่าของที เชลซี แต่อาจเป็นของฝั่ง ไกเซโด้ ที่เริ่มมีรายงานว่าจากทีแรกเขาเปิดใจ โอเคกับ ลิเวอร์พูล แล้ว กลับเปลี่ยนใจจะไป เชลซี แบบที่ใจอยากในตอนแรก

พร้อมกับรายงานใหญ่ ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจาก โรมาโน่ ที่ระบุว่า ไกเซโด้ ได้บอกปฏิเสธ ลิเวอร์พูล เพราะต้องการย้ายไปอยู่กับ เชลซี ทีมเดียวเท่านั้น และต้องการที่จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับ เชลซี หลังตกลงเรื่องเงื่อนไขส่วนตัวกันได้ก่อนแล้ว

ตอนนี้สถานการณ์จึงกลับตาลปัตรอีกครั้ง ข่าวกลับโหมมาทางด้าน เชลซี ว่าพวกเขาเตรียมที่จะยื่นข้อเสนอใหม่ให้มากกว่า ลิเวอร์พูล เพื่อจะปิดดีลกับ ไบรท์ตัน และจบมหากาพย์นี้ให้ได้ ทำให้ เชลซี กลับกลายมาเป็นตัวเต็งได้อีกครั้ง อย่างน่าเหลือเชื่อ


แต่ ๆ ดีลนี้ก็ยังไม่จบ สถานการณ์คือ ลิเวอร์พูล ยังไม่ถอนข้อเสนอ 110 ล้านปอนด์ ที่ได้รับการตอบรับจาก ไบรท์ตัน ไปแล้ว

นั่นหมายความว่า เชลซี ต้องยื่นข้อเสนอใหม่เข้าไปให้มากกว่าตัวเลขนี้ของ ลิเวอร์พูล หากจะปิดดีล ไกเซโด้ ให้สำเร็จแบบทันที 

ซึ่ง คำถามคือ สิงห์บลูส์ จะทุ่มขนาดนั้นไหม เพราะว่าอาจเสี่ยงต่อกฎ FFP? หรือถ้าจะทุ่มเกทับจริง ๆ จะทำให้มันจบ ได้เมื่อไหร่ ? คงต้องมารอติดตามกันอีกทีครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline