logo-heading

โดยเฉพาะการเสียประตู ตั้งแต่นาทีที่ 3 ของเกม ไหนจะมีช็อตที่ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เกือบทำทีมเสียลูกที่ 2 ในการออกมาเล่นนอกกรอบเขตโทษ

ยังดีที่้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล กลับมายิงได้ 3 ประตูรวด พลิกกลับมาแซงเอาชนะ บอร์นมัธ ไปได้ 3-1 แต่กระนั้นมันเป็น 3 แต้ม ที่ หงส์แดง ต้องเจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งใบแดงของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ อาการบาดเจ็บของนักเตะ ดังนั้นมันมีประเด็นอะไรในเกมนี้ ต้องพูดถึง ไปติดตามกัน

- การยิงจุดโทษของ โม ซาลาห์

ช่วงหลัง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกตั้งคำถามบ่อยมากว่า ยังคู่ควรกับการเป็นมือ 1 ในการสังหารจุดโทษให้กับ ลิเวอร์พูล ต่อไปหรือเปล่า เพราะยิงพลาดบ่อยเหลือเกิน และ ในเกมที่ชนะ บอร์นมัธ ก็ต้องเป่าปากแบบโล่งอก

เนื่องจาก โม ซาลาห์ ยิงจุดโทษจังหวะแรกไปติดเซฟ เนโต้ ยังดีที่บอลมันเป็นใจ ตามซ้ำเข้าไปแบบจ่อๆ ซัดให้ หงส์แดง ขึ้นนำเป็น 2-1 ซึ่งถ้าใครเล่นแฟนตาซี และ เอา บังโม เป็นกัปตันทีม คงไม่ชอบเท่าไหร่นัก เพราะต่อให้ได้แต้มจากการยิงประตู แต่ก็โดนหักลบเรื่องยิงจุดโทษไม่เข้า เท่ากับว่า ซาลาห์ ยิงจุดโทษไม่เข้าถึง 3 ครั้ง จาก 5 ครั้งหลังสุด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ซัดพลาดที่บุกไปแพ้ บอร์นมัธ 0-1 เมื่อซีซั่นก่อน นี่แหละครับ

ยังดีที่ครั้งนี้ ตามไปซ้ำเป็นประตูได้ และ การซัดสกอร์นี้ให้กับ หงส์แดง ทำให้ ซาลาห์ ขึ้นมาเป็นดาวซัลโวอันดับ 5 ตลอดกาลของสโมสร ลิเวอร์พูล ที่จำนวน 187 ประตู แซงหน้า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานมิดฟิลด์ ไปแล้วเรียบร้อย

- ใบแดงดราม่าของ แม็ค อัลลิสเตอร์

ผู้ตัดสิน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยังคงมีเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ เหมือนเดิมทุกสัปดาห์ ว่า "มาตรฐาน" มันอยู่ตรงไหน หลังจาก โธมัส บรามอลล์ ผู้ตัดสินหน้าใหม่ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แจกใบแดงโดยตรงไล่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ มิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ออกจากสนาม หลังมองว่าไปเปิดปุ่มสตั๊ดย่ำใส่ ไรอัน คริสตี้ ผู้เล่น บอร์นมัธ

แต่จังหวะนี้ มันกลายเป็นดราม่า ที่ถกเถียงกันไฟแล่บ บนโลกโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค เพราะจากภาพช้า มันสามารถแย้งได้ว่า จังหวะนี้ที่แจกใบแดงให้กับ แม็ค อัลลิสเตอร์ มันรุนแรงเกินไป !! เนื่องจาก แม็คก้า ไม่ได้มีเจตจาจะย่ำทำร้ายคู่แข่ง หนำซ้ำไม่ได้เหยียดขาตรงเปิดปุ่มย่ำใส่ ไรอัน คริสตี้ แต่เหมือนเป็นการตวัดเท้าเฉียงมาจากด้านซ้าย แต่มันโชคร้ายไปเข้าหน้าแข้ง ไรอัน คริสตี้ ที่สะกิดถึงบอลก่อน

หลายคนมองว่า จังหวะควรเป็นใบเหลืองก็พอ ถึงขั้นที่ แม็ค อิลลิสเตอร์ ยังตกใจ ว่าเขาโดนใบแดงได้อย่างไร ขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังไม่พอใจ พร้อมกับเปิดใจประมาณว่า มันไม่ใช่การเล่นที่รุนแรงสักนิด มันเป็นแค่การอ่านจังหวะผิดพลาด และ ปุ่มไปโดนหน้าแข้งของคู่แข่ง

จริงๆแล้ว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีการปะทะกันหนักกว่านี้อีก แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้แจกใบแดงไล่ออกจากสนาม ฉะนั้นมันจึงมีคำถามตามมาว่า "มาตรฐานของผู้ตัดสิน" มันอยู่ตรงไหน ?? ซึ่งต้องรอดูว่า ลิเวอร์พูล จะมีการอุทธรณ์โทษใบแดงของ แม็ค อัลลิสเตอร์

- 3 แต้ม แต่เสียหายหนัก

ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะได้เฉลิมฉลองกับการเก็บ 3 คะแนนแรก ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ แต่กระนั้นมันเป็นชัยชนะที่้ต้องแลก กับการขาด 3 นักเตะคนสำคัญ ในเกมที่จะบุกไปเยือนถิ่น นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สัปดาห์หน้า

3 คนที่ว่านั้น เริ่มจาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งโดนใบแดงดราม่าไล่ออก ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะยื่นอุทธรณ์ ก็อาจจะโดนแบนอย่างน้อย 1 นัด ซึ่งถือว่าสำคัญจาก เพราะ แม็คก้า เป็นมิดฟิลด์ตัวหลักของ หงส์แดง เลยก็ว่าได้

คนที่ 2 เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แบ็กขวาจอมแอสซิสต์ ซึ่งเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บข้อเท้า ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 76 โดยหลังจบเกมมีภาพที่เจ้าตัวต้องใช้น้ำแข็งประคบเอาไว้ ถ้าหายไม่ทันล่ะก็งานเข้าแน่นอน เพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องส่ง โจ โกเมซ ลงไปแทนแน่นอน ดังนั้นมิติเกมรุกก็จะหายไป

คนที่ 3 ถือว่าสำคัญมาก นั่นคือ หลุยส์ ดิอาซ ปีกซ้ายตัวจี๊ด ที่กำลังโชว์ฟอร์มดีวัน ดีคืน ยิง 2 ประตู จาก 2 นัดที่ลงสนาม แต่ว่าดันมาเจ็บแฮมสตริง โรคยอดฮิต ซึ่งปัญหาเดี้ยงบริเวณนี้ อาจต้องพักอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าเกมเจอกับ นิวคาสเซิ่ล จะไม่พร้อมลงสนาม ต้องภาวนาว่าขออย่าให้เจ็บเยอะ

- การเปิดตัวของ วาตารุ เอ็นโด

สาวก เดอะ ค็อป หลายคน ตั้งตารอการ เดบิวต์ ของแข้งใหม่อย่าง วาตารุ เอ็นโด มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติญี่ปุ่น ที่ไปซื้อมาจาก สตุ๊ตการ์ท ด้วยราคา 19 ล้านปอนด์ ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้เพียงแค่ 1 วัน นักเตะเลือดซามูไร ก็มีชื่อเป็นตัวสำรอง ในเกมเจอกับ บอร์นมัธ ทันที

และแล้วแฟนๆ ก็ไม่ต้องคอยนาน เพราะ เอ็นโด ได้ลงสนามในฐานะตัวสำรอง นาทีที่ 63 แทน โคดี้ กัคโป โดย เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการให้ลงมาเก็บบอล และ ไล่ตัดเกมจากแดนกลาง หลังจาก แม็ค อัลลิสเตอร์ โดนไล่ออกจากสนาม

ซึ่งการเดบิวต์นัดแรกของ เอ็นโด ในฐานะนักเตะ ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจ พ่อยกแม่ยก ที่พร้อมซัพพอร์ทจริงๆ เขาไม่ได้ทำอะไรที่มันหวือหวา มันเป็นสิ่งที่เรียบง่าย แต่จำเป็นสำหรับทีม ทั้งการช่วยไล่บอล, การออกบอลที่เล่นง่าย หรือ ช็อตเอาตัวรอดจากการโดนเพรสซิ่ง แถมยังมีความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม กล้าสั่ง กล้ากระตุ้นเพื่อน

แต่กระนั้นเรื่องของสปีดเกม และ ความฟิต ก็ยังต้องปรับกันต่อไป เพราะมีบางจังหวะที่เจ้าตัวเข้าช้าจนเสียฟาวล์ และ มีเสียบอลจนโดนโต้กลับ ซึ่งก็ต้องให้เวลากับ เอ็นโด เพราะนี่เป็นเพียงแค่นัดแรกในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เท่านั้น เชื่อว่าให้เวลาหน่อย อร่อยแน่นอน

- โซบอสไล ขวัญใจคนใหม่ของ เดอะ ค็อป

ถึงแม้ว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล จะได้ หลุยส์ ดิอาซ, โม ซาลาห์ และ ดิโอโก โชต้า ช่วยกันทำคนละ 1 ประตู แต่กระนั้น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ต้องยกให้กับ โดมินิค โซบอสไล มิดฟิลด์ตัวรุกของทีม เพราะถึงแม้จะไม่มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ด แต่ผลงานในสนาม มันโดดเด่นเหนือกว่าใครๆ

ทั้งเหลี่ยมบอลในการเรียกจุดโทษให้กับทีม, ยิงไกล เป็นจุดเริ่มต้นของการได้ประตูที่ 3 และ ที่สำคัญคือพี่แก "โคตรจะวิ่ง" เพราะในตอนที่ ลิเวอร์พูล เหลือ 10 คน โซบอสไล ทำได้อย่างโดดเด่นเหลือเกิน มีช็อตกระชากหนีนักเตะ บอร์นมัธ ถึง 2 คน ในช็อตริมเส้นฝั่งขวา ทำเอาสาวๆฝั่ง เดอะ ค็อป กรี๊ดกันสนั่นหวั่นไหว

ถือเป็นการเปิดตัวที่ยอดเยี่ยม กับการเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ นัดแรกในเกมอย่างเป็นทางการ ของ โซบอสไล นี่เป็นเบอร์ 8 ที่แฟนๆตามหา หลังหมดยุคของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด เพราะ นาบี เกอิต้า เจ้าของสัมปทานเดิม กลายเป็น ผอ.โรงพยาบาล มีอาการบาดเจ็บอยู่ตลอด ก่อนจะถูกขายออกไป

ดังนั้นต้องรอติดตามฝีเท้าของ โซบอสไล ให้ดีๆเลยว่า จะสามารถพัฒนาฝีเท้าได้ดียิ่งขึ้นมากแค่ไหน และ เขาจะสามารถรักษาผลงานการเล่นให้สม่ำเสมอ เพื่อเป็นอีกคนที่ช่วยผลักดัน เครื่องจักรสีแดง ให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline