อนาคตของ เจา คันเซโร่ ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต หลังกลายเป็นแข้งส่วนเกินที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เลือกใช้งานอีกต่อไป
ซึ่งว่ากันถึงฝีเท้าแบบเพียวๆ ของ คันเซโร่ เขาคือหนึ่งในฟูลแบ็คที่มีผลงานติดระดับท็อปของวงการ มีความยืดหยุ่นเรื่องของตำแหน่งค่อนข้างสูง และคาดหวังถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมได้
ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ กับตลาดนักเตะในลีกยุโรปใกล้จะปิดตัวลง ทำให้ตอนนี้ฝั่งของนักเตะต้องพยายามหาต้นสังกัดใหม่โดยเร็ว ที่ผ่านมา คันเซโร่ ตกเป็นเป้าหมายหลักๆ ของ อาร์เซน่อล และ บาร์เซโลน่า รวมไปถึงทีมใน ซาอุดิอาระเบีย ด้วย
ว่าแล้วในวันนี้เราจะโฟกัสไปที่ 2 ทีมใหญ่ของยุโรปว่าเพราะอะไรถึงต้องการตัวฟูลแบ็ครายนี้ และประโยชน์ที่ คันเซโร่ จะเข้าไปเติมเต็มนั้นมีอะไรบ้าง
ซ้ายก็ได้ - ขวาก็ดี
ตำแหน่งการแจ้งเกิดของ คันเซโร่ คือการลงเล่นในบทบาทแบ็คขวาที่เจ้าตัวโชว์ลวดลายมาตั้งแต่สมัยค้าแข้งอยู่กับ บาเลนเซีย ก่อนต่อยอดในการย้ายไปสู่ทีมต่างๆ ทว่าอีกหนึ่งออปชั่นที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขาไปแล้วคือความสารพัดประโยชน์
นอกจากแบ็คขวาแล้ว บางทีก็ถูกขยับขึ้นไปเล่นเป็นตัวรุกด้านบนด้วยความเป็นฟูลแบ็คที่มีความโดดเด่นเรื่องของเกมรุก ทำให้เหมือนเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมไปในตัวด้วยในยามที่ต้องการประตู
อีกทั้ง คันเซโร่ เป็นนักเตะประเภทที่ไว้ใจได้ทั้งเท้าซ้าย และขวา ฉะนั้นไม่แปลกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะปรับเปลี่ยนโยกมาเล่นทางฝั่งขวา และตัวนักเตะเองก็ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ได้ลดคุณภาพ พร้อมเติมเต็มทีมได้เป็นอย่างดี
อย่างในฤดูกาล 2021-22 คันเซโร่ ลงสนามให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปทั้งหมด 52 เกมในทุกรายการ กลายเป็นว่าเขาประจำการทางฝั่งซ้ายมากกว่าเสียอีกที่จำนวน 32 เกม และเล่นในบทบาทแจ้งเกิดอย่างฝั่งขวาเพียง 20 นัด เท่านั้น
ซึ่งด้วยความหลากหลายตรงนี้คือข้อดีที่กุนซือหลายคนอยากมีตัวเลือกแบบนี้ไว้ในทีม สามารถช่วยยืดหยุ่นได้ เติมเต็มได้ และเพิ่มมิติที่หลากหลายให้มากกว่าเดิม
ประสบการณ์เพียบ
ด้วยช่วงอายุ 29 ปี ของฟูลแบ็ครายนี้ต้องบอกว่าผ่านประสบการณ์เวทีลูกหนังระดับสูงมาอย่างครบถ้วนแล้ว โดยเฉพาะห้วงเวลาที่สวมใส่ยูนิฟอร์มของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อีกทั้งประสบความสำเร็จอย่างมากมาย
ย้อนกลับไป คันเซโร่ ลงเล่นในเวทีระดับสูงมากตลอดทั้งลาลีกา สเปน กับ บาเลนเซีย, เวที เซเรียอา กับทั้ง อินเตอร์ มิลาน และ ยูเวนตุส หรือทัพ “เรือใบสีฟ้า” อีกทั้งผ่านศึก แชมเปี้ยนส์ลีก มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมพิสูจน์แล้วว่าเขาคือหนึ่งในฟูลแบ็คที่ผลงานยอดเยี่ยมติดระดับท็อปของวงการ
หรือในนามทีมชาติกับ โปรตุเกส ติดธงลงสนามไปแล้วทั้งหมด 44 เกม และยังคงเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมในการเดินหน้าลุยในทัวร์นาเมนต์ถัดไป
แน่นอนว่าหากทีมใดได้ตัวไปครองนอกจากฝีเท้าที่โดดเด่น มีความหลากหลาย คุณกำลังจะได้หนึ่งในนักเตะที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ตอบสนองต่อแท็คติกของโคได้อย่างดีเยี่ยม และคาดหวังถึงมาตรฐานระดับสูงได้อีกด้วย
จุดเด่นของ คันเซโร่
คราวนี้ดูจุดแข็งของ คันเซโร่ กันบ้าง นอกจากเกมรับที่ต้องรับภาระในฐานะฟูลแบ็คแล้ว แนวรับรายนี้ถือว่าเป็นแข้งที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูงเอามากๆ โดยเฉพาะการเลี้ยงบอลที่สามารถเอาชนะคู่แข่งในการดวลตัวต่อตัวได้แบบไม่ยาก
นอกจากนั้นเรื่องของการจ่ายบอลก็เป็นอีกจุดเด่นที่ไม่ค่อยถูกหยิบมาพูดถึงมากเท่าไหร่นัก อย่างเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา คันเซโร่ ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น แต่มีสถิติการจ่ายบอลเข้าเป้าในพรีเมียร์ลีกไปมากถึง 87% หรือครึ่งฤดูกาลหลังกับ บาเยิร์น มิวนิค มีอัตราการจ่ายบอลเข้าเป้าแตะหลัก 92% เลยทีเดียว
อีกประเด็นคือการเป็นอีกในทางเลือกเกมรุกที่ยอดเยี่ยม นอกจากความแม่นยำในการจ่ายบอลแล้ว การเปิดบอลจากด้านข้าง คันเซโร่ เป็นหนึ่งในคนที่สามารถคาดหวังได้อยู่เสมอ บวกกับการเล่นได้ทั้ง 2 เท้า ยิ่งทำให้คู่แข่งจับตายากขึ้นเป็นเท่าตัว
โดยรวมแล้วจากสถิติ และผลงานที่ผ่านมา คันเซโร่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่สเป็คตรงกับความต้องการกุนซือ เพื่อยกระดับเกมของสโมสรไม่ใช่เพียงเกมรับเท่านั้น แต่เหมือนได้คนที่คอยสร้างสรรค์เกมรุกจากแดนหลังเพิ่มเข้าไปด้วย
โอกาสของ บาร์เซโลน่า
คันเซโร่ เป็นหนึ่งในนักเตะที่ ชาบี เอรนานเดซ นายใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ต้องการตัวมานานพอสมควรแล้ว ทว่าดีลนี้ยังไม่อาจเกิดขึ้น ก่อนวนเวียนกลับมามีข่าวเชื่อมโยงหากันอีกครั้ง
ซึ่งด้วยบทบาทฟูลแบ็คของ บาร์เซโลน่า ถ้าโฟกัสเพียงแบ็คขวาในตอนนี้ถือว่าเป็นช่องโหว่ให้ต้องแก้ไขเหมือนกัน อย่างในเกมล่าสุดใช้งาน โรนัลด์ อเราโฆ่ พร้อมมีตัวเลือกสำรองเป็น เซร์จี้ โรแบร์โต้ และ ฌูลส์ กุนเด้
เราจะเห็นได้ว่าทั้งสามทางเลือกไม่ใช่นักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็คขนานแท้ ฉะนั้นเลยเป็นที่มาของ ชาบี ที่อยากได้แบ็คขวาอาชีพจริงๆ มาร่วมทีม บวกกับสไตล์ของ คันเซโร่ เองก็ไม่น่าปรับตัวให้เข้ากับหมากของ บาร์เซโลน่า ได้ยากอะไรนัก
โดย คันเซโร่ คือคนที่ตอบโจทย์สำหรับ บาร์เซโลน่า เป็นอย่างมาก จังหวะทะลุทะลวงริมเส้น ประสานงานกับแนวรุก อารมณ์คงคล้ายกับยุคที่มี ดานี่ อัลเวส คอยขึ้นเกม
ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาเคยขายขนมจีบกับดีลของ คันเซโร่ รอบหนึ่ง เมื่อตลาดครั้งก่อนๆ แต่ดันได้แห้วกระป๋องกลับมา แต่คราวนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป และกระแสข่าวตอนนี้พวกเขายังคงเป็นหนึ่งในทีมเต็งได้ลายเซ็นของ คันเซโร่ ไปครองในช่วงซัมเมอร์นี้
ปืนใหญ่ ก็อยากได้ตัว
ข้ามมามองฝั่ง อาร์เซน่อล กันบ้างที่ตอนนี้เหมือนสถานการณ์บังคับให้ต้องลงตลาดนักเตะอีกครั้งเพื่อเสริมกำลังในบทบาทฟูลแบ็คที่กลายเป็นปัญหาตั้งแต่เกมแรกที่ออกสตาร์ทฤดูกาล
ในบทบาทแบ็คขวาเกมแรก มิเกล อาร์เตต้า ยังคงเลือกใช้งาน โธมัส ปาร์เตย์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง แม้จะมีทางเลือกอย่าง เบน ไวท์ หรือ ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ ก็ตาม ซึ่งต้องยอมรับกันตามตรงว่าเหมือนฝืนธรรมชาติไปหน่อย เพราะบทบาทของแข้งรายนี้คือมิดฟิลด์ตัวตัดเกม แม้จะมีการหมุนเวียนสลับตำแหน่งกันในเกม แต่ในระยะยาวคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
ส่วนทางฝั่งซ้าย โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ยังคงบาดเจ็บลงสนามไม่ได้ อีกทั้ง เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ก็ดวงแตกบาดเจ็บพักยาวไปอีกราย ส่วน คีแรน เทียร์นี่ย์ ก็มีข่าวว่ากำลังจะย้ายออกจากทีม
ฉะนั้นทางเลือกอย่าง คันเซโร่ ที่สามารถทดแทนได้ทั้งฝั่งซ้าย และขวา จึงกลายเป็นคนที่น่าสนใจ และน่าจะเข้ามาเติมเต็มแผงเกมรับให้มีความลงตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อย
ทว่าเหตุผลที่อาจดูยากหน่อยคือ แมนฯ ซิตี้ คงไม่ต้องการปล่อยออกมาให้กับคู่แข่งร่วมลีก และเป็นคู่ต่อสู้ในการแย่งชิงความสำเร็จด้วย ทำให้สถานการณ์ของ อาร์เซน่อล เลยเป็นรองในจุดนี้พอสมควร
ว่าแล้วกับห้วงเวลาอีกราวๆ 2 สัปดาห์ตลาดจะปิดตัวลง ต้องมาติดตามกันว่าฟูลแบ็ครายนี้จะได้ย้ายไปสวมยูนิฟอร์มทีมไหน
แต่เชื่อเลยว่าสโมสรไหนได้ไปย่อมเป็นการยกระดับทีมไปจากเดิมได้อย่างแน่นอน
- Paolinho-