ส่วนฝั่ง อาร์เซน่อล จากเป็นฝ่ายโดนนำไปก่อน แต่ก็สามารถกลับมาคว้าชัยชนะได้อีกครั้ง และเป็นคะแนนสำคัญที่คว้ามาครอง
ว่าแล้ว ขอบสนาม เราเลยจัดการคัดประเด็นน่าสนใจจากเกมสุดดราม่านี้มาพูดคุยกันว่ามีอะไรที่น่าติดตามกันบ้าง
เทน ฮาก รับชัดเจน
เกมนี้แนวทางของ เอริค เทน ฮาก นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาถือว่าชัดเจน เน้นไปที่การตั้งรับอย่างเหนียวแน่น และรอเล่นงาน อาร์เซน่อล ด้วยจังหวะโต้กลับ ซึ่งถือว่าเกือบสอบผ่านต้านได้อยู่เกิน 90 นาที
แท็คติกคือบีบตรงกลางสนามให้แน่น บังคับให้ อาร์เซน่อล ต้องจ่ายบอลออกด้านข้างเพียงสถานเดียว พร้อมกับการที่ เทน ฮาก กำชับลูกทีมทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ อันโตนี ให้ขยับลงมาช่วยฟูลแบ็คทุกครั้งที่เป็นฝ่ายตั้งรับ
ซึ่งถือว่าเป็นแบบแผนที่ได้ผลพอสมควร ทว่าทุกอย่างมันก็ไม่ตลอดรอดฝั่ง หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเสีย ลิซานโดร มาร์ติเนซ จากอาการบาดเจ็บ บวกกับเปลี่ยน วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ออกจากสนาม
จุดนี้เราจะเห็นได้ว่าทีมแทบจะไม่เซตบอลจากแดนหลังเลยนับตั้งแต่ที่แนวรับชาวอาร์เจนติน่าถูกเปลี่ยนตัวออกไป ทำได้เพียงสาดยาวขึ้นไปวัดกันแดนหน้า
จาก 1 คะแนนที่ได้กลับบ้านไปเป็นอย่างน้อย กลายเป็นความพ่ายแพ้ที่มาโดนรัว 2 ประตูช่วงท้ายเกม และมันจะกลายเป็นงานที่ช้ำไปกว่าเดิมไหมคงต้องดูว่า มาร์ติเนซ จะเจ็บมาก หรือน้อยขนาดไหนด้วย
มาร์กซิยาล น่าผิดหวัง
พลันที่รายชื่อ 11 ตัวจริงออกมาเผยสู่สาธารณชนเชื่อว่าแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วนใหญ่คงตั้งคำถามกับการที่มี อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยืนค้ำในแดนหน้าอย่างแน่นอน
เพราะในช่วงที่ผ่านมา มาร์กซิยาล ไม่เคยแสดงพิษสงอะไรออกมาที่น่าเกรงขาม และรู้สึกว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อแนวรับของคู่แข่งได้เลย เช่นเดียวกับ 67 นาทีในสนามเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
จับบอลลั่น, แพชชั่นน้อยนิด, แรงกระหายเหมือนไฟที่ใกล้มอด ภาพรวมที่ออกมา มาร์กซิยาล ว่ากันตามตรงแทบไม่มีส่วนร่วมกับเกมเลย นอกจากจังหวะที่หลุดไปยิงติดเซฟ อารอน แรมส์เดลล์ ในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งนั้นน่าจะเป็นประโยชน์เดียวที่มีเขาอยู่ในสนาม
ตลอดเวลาในสนามหัวหอกชาวฝรั่งเศสได้สัมผัสบอลทั้งหมด 18 ครั้ง ซึ่งเป็นการจ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่เทียบเท่ากับการเสียบอล
ตัดภาพมาที่ ฮอยลุนด์ โอเคแหละว่าเวลาราว 30 นาทีในสนามยังไม่อาจชี้ชัดว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต แต่มันมองเห็นถึงความแตกต่างที่แจ่มแจ้งว่าดีกว่า “พี่หมาก” หลายเท่า ทั้งการเป็นตัวพักบอล วิ่งไล่บีบพื้นที่ หรือปั่นป่วนเกมรับคู่แข่งให้เล่นยากขึ้น
ฉะนั้นกับสถานะ ณ ปัจจุบันของ มาร์กซิยาล มันชัดเจนแล้วว่าม้านั่งสำรองคือพื้นที่สำหรับเขาในตอนนี้
ฮาแวตซ์ ยังต้องปรับ
ถ้าจะถามหานักเตะของ อาร์เซน่อล ที่ผลงานเกมนี้น่าผิดหวังสักคนคงเลือกชี้นิ้วไปที่ ไค ฮาแวตซ์ นี่แหละครับ
ช็อตเข้าทางกรรมการเหลือเกินในช่วงต้นเกมที่ยิงวืดในระยะเพียงไม่กี่หลาน่าจะเป็นภาพจำที่สร้างคอนเทนต์ได้อย่างมากมายในโลกโซเชียล และเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าการจบสกอร์ของเขายังคงต้องพัฒนาต่อไป
อีกทั้งการเล่นร่วมกับพื้นยังคงต้องปรับจูนกันยกใหญ่ ด้วยบทบาทที่ มิเกล อาร์เตต้า มอบให้เขาคือเป็นกองกลางคอยสร้างสรรค์เกมทางฝั่งซ้าย ยอมรับตามผลงานยังไม่มีอะไรที่น่าจดจำมากนัก อีกทั้งยังมีช็อตจ่ายบอลพลาดจนโดนคู่แข่งตัดได้ก่อนลงเอยด้วยการเสียประตู
77 นาทีในสนามเจ้าตัวมีโอกาสยิงประตู 2 ครั้ง ซึ่งไม่ตรงกรอบเลย แต่สิ่งที่พอจะนำมาหักล้างได้ก็คือลูกขยันวิ่งสู้ฟัด พร้อมการจ่ายบอลอย่างแม่นยำที่มากถึง 88%
จากนี้คงต้องมาตามกันต่อว่า ฮาแวตซ์ จะยกระดับตัวเอง และต่อกับเพื่อนร่วมทีมให้ติดได้มากขนาดไหน แน่นอนด้วยค่าตัวที่ย้ายมามูลค่า 65 ล้านปอนด์ ย่อมมีความคาดหวังที่สูงตามไปด้วย
VAR ตัดสิน 2 จังหวะสำคัญ
เกมนี้นอกจากอัตราความมันส์ที่ดุเดือดแล้ว ก็ได้มี 2 จังหวะจาก VAR เข้ามาตัดสินเกมด้วย ซึ่งถือว่าสำคัญ และพลิกโฉมหน้าของเกมไปเลย
จังหวะแรกคือจุดโทษที่ ฮาแวตซ์ โดน อารอน วาน-บิสซาก้า เข้ามาปะทะ แน่นอนว่าเมื่อมองภาพเร็วๆ ทำให้ แอนโธนี เทย์เลอร์ เป่าจุดโทษในทันที ทว่าหลังเจ้าตัววิ่งไปเช็ค VAR ก็กลับคำตัดสิน
ซึ่งภาพที่ออกมา วาน-บิสซาก้า เข้าปะทะไม่โดนตัวของ ฮาแวตซ์ ในจังหวะแรก ถือว่าโชคดีไป ส่วนช็อตที่มีขากระแทกเข้าหากันเป็นเพียงจังหวะตามน้ำที่ต่อเนื่องทำให้ “ปีศาจแดง” รอดตัวไป
ส่วนอีกช็อตคือประตูของ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่หลุดเข้าไปซัดช่วงท้ายเกม ซึ่งเหมือนหมัดน็อคเจ้าถิ่นอย่างไงอย่างงั้น แต่เมื่อมีการตีเส้น VAR กลายเป็นจังหวะล้ำหน้า จังหวะนี้ต้องยกเครดิต กาเบรียล มากัลเญส ด้วยที่โก่งตัวจนทำให้คู่แข่งถลําไปข้างหน้า
ปืนใหญ่ บดจนคว้าชัย
90 นาทีที่ อาร์เซน่อล พยายามเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ เจาะตรงกลางไม่ได้ก็ขยับออกไปทางริมเส้น ลูกเปิดจากด้านข้างพยายามมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ก่อนมาประสบความสำเร็จเอาในช่วงนาที 90+6
ดีแคลน ไรซ์ กับประตูแรกในสีเสื้อของ อาร์เซน่อล พร้อมเป็นประตูที่โคตรสำคัญพาทีมเก็บชัยชนะ จาก 1 กลายเป็น 3 คะแนน อันล้ำค่า
แม้จะยังมีจุดที่ให้ อาร์เตต้า ต้องคอยปรับ คอยแก้ โดยเฉพาะการจบสกอร์ในพื้นที่สุดท้าย แต่อย่างน้อยประตูนี้น่าจะพอบ่งบอกได้ว่า อาร์เซน่อล มีเลือดนักสู้อยู่เต็มร่างกาย เวลาไม่หมด ยังมีโอกาสอยู่เสมอ
ถ้าทีมจะก้าวขึ้นไปลุ้นความสำเร็จ มันย่อมต้องมีเกมแบบนี้มาให้ชุ่มฉ่ำหัวใจกันบ้าง
- Paolinho -

















