logo-heading

เกมนี้ โดมินิค โซโบสไล ดาวเตะทีมชาติฮังการี ประเดิมลูกแรกในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ต่อหน้าสาวก เดอะ ค็อป ที่แอนฟิลด์ แถมยังโชว์พลังวิ่งเป็นม้าให้เห็นเหมือนเดิม แต่นอกจากผลงานของ โซโบสไล แล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องพูดถึงของ หงส์แดง จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลยครับ

- โม ซาลาห์ ยิงสยบข่าวลือ

ในเกมนี้ คนที่ถูกจับตามากที่สุด คงหนีไม่พ้น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่งของ ลิเวอร์พูล เพราะก่อนตลาด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิดตัวลง มีข้อเสนอระดับโลกจาก อัล อิตติฮัด ยื่นเข้ามาซื้อด้วยค่าตัวแตะระดับสถิติโลก แต่ทว่า หงส์แดง ใจแข็ง ปฏิเสธข้อเสนอตกโต๊ะไป

ซี่งความมุ่งมั่นของ บังโม กับ หงส์แดง ยังคงเหมือนเดิม เขาต้องการพาทีมคว้า 3 คะแนน ยังกระหายเรื่องการทำประตูอยู่เหมือนเดิม และ ในเกมนี้ก็มีชื่อบนสกอร์บอร์ด ซัดไป 1 ตุงให้กับ ลิเวอร์พูล หลังจบแมตช์การแข่งขัน ก็ไม่มีซีนอารมณ์ หรือ วี่แววเป็นลางบอกเหตุเลยว่า "นี่คือเกมสุดท้ายของเขาในถิ่นแอนฟิลด์"

ดังนั้นสำหรับสาวก ลิเวอร์พูล ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้วว่าอาจจะเสีย ซาลาห์ ไปให้กับทีมจากซาอุดิอาระเบีย โดย 1 ประตูในวันนี้ ก็เป็นสร้างสถิติกลายเป็นนักเตะคนแรก ที่ยิงประตู หรือ แอสซิสต์ บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 10 นัดติดต่อกัน ซึ่งคนสุดท้ายที่ทำได้ ก็คือ บังโม นี่แหละครับ โดยเคยทำได้ 15 นัดติดต่อกัน ช่วงเดือนสิงหาคม - ธันวาคม 2021

- ดาร์วิน นูนเญซ เวอร์ชั่นที่กำลังร้อนแรง

ถึงแม้ว่า ดาร์วิน นูนเญซ จะไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดในเกมถล่ม แอสตัน วิลล่า 3-0 แต่กระนั้นถือว่าเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นมากเหลือเกิน โดย 3 ประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้นั้น "เจ้าหนูน" ของสาวก เดอะ ค็อป มีส่วนร่วมถึง 2 ประตู ทั้งจังหวะที่ยิงชนเสา กระเด็นไปโดน แม็ตตี้ แคช ทำเข้าประตูตัวเอง และ อีกหนึ่งจังหวะคือโหม่งเช็ดจากลูกเตะมุม ไปให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ชาร์ตจ่อๆเข้าไป

นี่คือเกมแรกในซีซั่นนี้ ที่ ดาร์วิน นูนเญซ ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะก่อนหน้านี้มีสถานะเป็นแนวรุกลำดับที่ 5 เป็นรองทั้ง โม ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, โคดี้ กัคโป และ ดิโอโก้ โชต้า แต่ช็อตแจ้งเกิด คือการลงมาเป็นซูเปอร์ซัพ ยิง 2 ประตู ให้ ลิเวอร์พูล ที่เหลือ 10 คน พลิกนรกเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้อย่างเหลือเชื่อ 2-1

นั่นทำให้ นูนเญซ ได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง ทุกอย่างมันเกือบดีหมดแล้ว สิ่งที่เขาต้องพิสูจน์ให้เห็นคือความต่อเนื่อง เขามีโอกาสมากมาย แต่หลายครั้งก็ปรับเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ หากเขามีความสม่ำเสมอมากกว่านี้ เชื่อเถอะว่า นูนเญซ จะกลายมาเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆในใจของ เจอร์เก้น คล็อปป์

- แม็ค อัลลิสเตอร์ กับตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 6

หลายปากหลายเสียง ต่างเคยเฝ้าบอกกันไปแล้วว่า เหมือนเสียของ เมื่อต้องถอยเอา อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ไปเล่นมิดฟิลด์ตัดเกมในตำแหน่งหมายเลข 6 เพราะมิดฟิลด์แชมป์โลก ถนัดในการเล่นเป็นมิดฟิลด์หมายเลข 8 มากกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงอยากได้ตัวตัดเกมมาร่วมทีมนัก ซึ่งสุดท้ายก็ไปดึง วาตารุ เอ็นโด เข้ามา

แต่ทว่า เอ็นโด ยังต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความไว และ ความเข้มข้นของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดังนั้นเมื่อ เอ็นโด ไม่ได้ลงสนาม คนที่ต้องถอยมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับคือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ อย่างในเกมที่ถล่ม แอสตัน วิลล่า 3-0 เขาก็เล่นเป็นตัวต่ำสุด ส่วน เคอร์ติส โจนส์ กับ โดมินิค โซโบสไล จะขึ้นไปสูงมากกว่า

แต่กระนั้น แม็ค อัลลิสเตอร์ ก็ทำให้เห็นว่าทำไมเขาถึงชึ้นชื่อเป็น 11 ตัวจริง ชุดแชมป์โลกของ อาร์เจนติน่า เพราะเขานิ่งสงบ, ไม่กลัวการโดนเพรสซิ่ง และ จ่ายบอลให้เพื่อนเล่นง่ายอยู่เสมอ เขามีส่วนกับทีมอยู่ตลอดทั้งเกมรับ และ เกมรุก โดยมีสถิติ ผ่านบอลไปทั้งหมด 72 ครั้ง สําเร็จ 63 ครั้ง, จ่ายบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 6 ครั้ง พร้อมกับมีสถิติแท็คเกิ้ล 3 ครั้ง ชนะทั้ง 3 ครั้ง (มากที่สุดในเกม)

คือไม่ได้จะมาอวยสถิติของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แต่ทำให้เห็นว่าซีซั่นนี้ พวกเราจะได้เห็น แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์หมายเลข 6 บ่อยๆแน่นอน เพราะ เอ็นโด คงไม่ได้ยึดตัวจริงแบบถาวร โดยต้องรอดู ไรอัน กราเฟนแบร์ค มิดฟิลด์ป้ายแดง อีกคนว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ จะจับไปเล่นตำแหน่งไหนกันในแผงกองกลาง

- คลีนชีตแรก เวอร์ชั่นไม่มี ฟาน ไดค์

ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น แฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคนรู้สึกเป็นกังวลมากเกี่ยวกับเกมรับ โดยเฉพาะตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก เนื่องจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีม ติดโทษแบน ส่วนคู่ขาอย่าง อิบราฮิม่า โกนาเต้ ก็มาเจอโรคเดี้ยงเล่นงานเหมือนเดิม ดังนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นต้องเลือกใช้ โจเอล มาติป กับ โจ โกเมซ

แต่สิ่งที่หลายคนเป็นกังวล กลับกลายเป็นเรื่อง "เหลือจะเชื่อ" เพราะกลับกลายเป็นว่า 2 โจ คู่หูเซ็นเตอร์แบ็ก มีส่วนสำคัญช่วยพา หงส์แดง เก็บคลีนชีตได้เป็นครั้งแรกในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ถึงแม้ โจ โกเมซ เกือบมีช็อตคอนเทนต์ ที่ไปหวงบอลแล้วลื่นล้ม ยังดีที่ จอห์น แม็คกินน์ กองกลาง วิลล่า ยิงข้ามคานไป

ซึ่งคนที่ได้รับคำชมอย่างมาก คือ โจ โกเมซ ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดดเด่นทั้งเรื่องการปะทะ, การตัดบอล, การดวลลูกอากาศ และ การผ่านบอลก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าเอาช่วงเวลาแค่ โจ โกเมซ ได้ลงสนามในซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ยังไม่เสียประตูเลย ถ้าหากรักษามาตรฐานไว้ได้ บอกเลยว่ามีโอกาสที่จะยึดตำแหน่งกลับคืนมา

ฮาย ฮาวดี้-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline