logo-heading

ย้อนกลับไป เนย์มาร์ แจ้งเกิดในเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพตั้งแต่อายุ 17 ปี ก่อนค่อยๆ พัฒนายกระดับตัวเองทำสถิติต่างๆ กับ ซานโต๊ส โดยเฉพาะในขวบปี 2010 ที่กระหน่ำไปมากถึง 42 ประตู  จากการลงสนาม 60 เกม 

ด้วยพรสวรรค์ที่ติดตัวมา บวกกับการฝึกซ้อมอย่างหนักทำให้เขากลายเป็นเพชรอีกเม็ดที่เจิดจรัสในห้วงเวลาดังกล่าว พร้อมกับการเรียกร้องของแฟนบอลบราซิล รวมไปถึงตำนานของชาติอย่าง เปเล่ และ โรมาริโอ้ ต่างเรียกร้องว่าให้เจ้าเด็กคนนี้ติดทีมชาติ และไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ด้วย

ซึ่งในช่วงเวลานั้นทัพ “แซมบ้า” มี คาร์ลอส ดุงก้า กุมบังเหียน แน่นอนนายใหญ่รายนี้ย่อมมอง เนย์มาร์ อยู่ในเรดาห์เรียกติดทีมไปลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ด้วย 

สตอรี่ "เนย์มาร์" จากคำวิจารณ์ สู่ดาวซัลโวสูงสุดของ "บราซิล"

ทว่าท้ายที่สุดเขาเลือกที่จะตัดชื่อเด็กคนนี้ออกจากทีม แม้จะเคยให้คำชื่นชมว่าเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ แต่เหตุผลที่ยังเมินใช้งานเด็กไว้ 18 ปี ในวันนั้น ก็เพราะด้วยประสบการณ์ในเวทีระดับชาติที่ยังไม่มากนัก 

โดยกองหน้าของทัพ  “แซมบ้า” ในฟุตบอลโลก 2010 ดุงก้า ได้ใช้บริการของ โรบินโญ่, หลุยส์ ฟาเบียโน่, กราฟิเต้ และ นิลมาร์

ทว่าหลังจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวไป เนย์มาร์ ก็ถูกเรียกตัวไปติดทีมในทันที ซึ่งทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือมาใช้บริการของ มาโน่ เมเนเซส พร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันทีในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดซิงตุงแรกได้ทันที พร้อมทีมเก็บชัยชนะ

แน่นอนนี้คือก้าวเดินแรกกับทีมชาติบราซิลที่สวยงาม และเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าต่อจากนี้เขากำลังจะกลายเป็นคนสำคัญ และกำลังหลักของทีมในอีกหลาย 10 ปี ข้างหน้า เป็นอย่างน้อย

จากนั้น เนย์มาร์ กลายเป็นแข้งตัวหลักของ บราซิล มาตลอด ประเดิมรายการใหญ่ครั้งแรกคือทัวร์นาเมนต์ โคปา อเมริกา 2011 ซึ่งเขาลงสนามเป็นตัวจริงทั้งหมด ทว่าก็ไปไม่ถึงฝัน ต้องพ่าย อุรุกวัย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

แต่แล้วหลังจากนั้นอีกราว 2 ปี เนย์มาร์ ก็ประสบความสำเร็จแรกกับทีมสำเร็จด้วยการพา บราซิล คว้าแชมป์ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 ด้วยการเก็บชัยชนะรวดเหนือ ญี่ปุ่น, เม็กซิโก, อิตาลี, อุรุกวัย และ สเปน ซึ่งมีเพียงเกมเดียวที่เจ้าตัวทำประตูไม่ได้คือเกมที่พบกับ อุรุกวัย เท่านั้น 

สตอรี่ "เนย์มาร์" จากคำวิจารณ์ สู่ดาวซัลโวสูงสุดของ "บราซิล"

ซึ่งด้วยเวลาที่ผ่านไป เนย์มาร์ ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในแดนหน้าของทีม ในปี 2014 กับฟุตบอลโลกครั้งแรกก็คว้าอันดับ 4 มาครอง

แม้เส้นทางกับทีมชาติบราซิลจะดูสดใส แต่กับความสำเร็จเหมือนเป็นเส้นคู่ขนาน เพราะนอกจากแชมป์ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ตัวของ เนย์มาร์ ไม่เคยประสบความสำเร็จกับทีมในรายการระดับเมเจอร์ใหญ่ๆ อีกเลย จะมีก็คือเหรียญทองโอลิมปิก เมื่อปี 2016 เท่านั้น 

อย่างในรายการ โคปา อเมริกา รายการที่แฟนบอลคิดว่าอย่างน้อยๆ เนย์มาร์ ต้องเอื้อมมือไปสัมผัสสักครั้ง ทว่าจนถึงตอนนี้เขายังไม่อาจคว้ามาครอง บ้างก็ตกรอบแบ่งกลุ่ม บ้างก็จอดป้ายรอบน็อคเอาท์ หรือพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ

ส่วนเมื่อครั้งล่าสุดที่ บราซิล คว้าแชมป์มาครองได้คือ 2019 ความโชคร้ายของ เนย์มาร์ คือได้รับบาดเจ็บจนไม่มีชื่อติดอยู่ในทีมชุดดังกล่าว โฉมหน้าแนวรุกเซตเมื่อครั้งนั้นคือ ดาวิด เนเรส, เอเวอร์ตัน, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, กาเบรียล เชซุส และ ริชาร์ลิซอน

ส่วนกับเวทีฟุตบอลโลก เนย์มาร์ ผ่านการแข่งขันมาแล้ว 3 ครั้ง ไปไกลสุดคือรอบรองชนะเลิศ ก่อนพ่าย เยอรมัน เละ 1-7 ส่วนอีก 2 ครั้งจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทั้งคู่

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่า เนย์มาร์ แทบจะอยู่ในทุกเหตุการณ์ของ บราซิล เพียงแต่ว่ายังไม่ค่อยภาพประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่นัก แถมมีช่วงที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักทั้งเรื่องผลงาน และมีมที่ดังไปทั่วโลกเกี่ยวกับช็อตตบตาผู้ตัดสินที่กลิ้งบาดเจ็บหลายตลบ

จะด้วยการเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่น หรืออย่างไรก็แล้วแต่ เหล่าบรรดาคนรอบข้าง เนย์มาร์ จะรับรู้ที่สุดว่าสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่นักเตะคนนี้ทำ และพรสวรรค์ที่นำมาช่วยบ้านเกิดนั้นมันไม่ใช่ใครก็สามารถสร้างอิมแพ็คขนาดนี้ได้

ครั้งหนึ่งตำนานแห่งทัพ “แซมบ้า” อย่าง เปเล่ ได้กล่าวยกย่องรุ่นน้องคนนี้ว่าคือนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม เป็นนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และ เนย์มาร์ เป็นอัจฉริยะลูกหนังคนหนึ่ง

ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปี ที่ยืนหยัดเป็นหนึ่งในขุมกำลังของ บราซิล หลักฐานถึงความยอดเยี่ยม และคนสำคัญของทีมสำหรับ เนย์มาร์ อาจไม่ใช่ถ้วยรางวัล หรือเหรียญทองแห่งชัยชนะ แต่เป็นจำนวนประตูที่เปรียบเหมือนอาวุธสำคัญของทีมมาตลอด

การก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของทัพ “แซมบ้า” ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครจะทำได้ ไม่เช่นนั้นสถิติของ เปเล่ จะยืนยงคงกระพันถึงขนาดนี้หรือ

79 ประตู เป็นตัวเลขที่ขึ้นแท่นดาวซัลโวตลอดกาลของทีม และยังคงเดินหน้าเพิ่มสถิติไปเรื่อยๆ และเขาคงยืนอยู่บนแท่นนี้อีกนานกว่าจะหาใครจะคนมาโค่นล้มลงได้ เพราะไม่ใช่เพียงจะต้องใช้เวลา แต่ความสม่ำเสมอในการรับใช้ชาติคือสิ่งสำคัญ

“ผมอธิบายไม่ถูก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะทำร้ายสถิตินี้ได้”

ภาพลักษณ์ร้ายๆ ที่หลายกลุ่มคนมอง ลีลาการเล่นที่หลายคนหมั่นไส้ในเทคนิคที่โชว์ออกมา นักเตะที่ชอบปาร์ตี้ จนมีข่าวเสียหายออกมาอยู่บ่อยๆ

แต่ไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่า เนย์มาร์​ คือคนสำคัญของบราซิลมาตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จากดาวรุ่งในวันนั้น กลายเป็นซีเนียร์ที่รุ่นน้องหลายคนยกย่องเป็นต้นแบบ

ถ้า เปเล่, โรนัลโด้ (R9), ริวัลโด้, โรนัลดินโญ่ หรือ กาก้า คือไอคอนของแฟนบอลบราซิลในยุคอดีต เนย์มาร์ ก็คือหนึ่งในไอดอลของเด็กๆ ในบราซิลอยากจะเดินตามรอย สู่การเป็นตำนานแห่งทีมชาติบราซิล

ใครจะว่าเขายังไง แต่สถิติมันบ่งบอกว่าเขาคือที่สุดของวงการฟุตบอลบราซิลในตอนนี้

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline