logo-heading

ทว่าในอีกแง่มุมหนึ่งพวกเขาไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนกับการซื้อแข้งสตาร์เข้าสู่ทีมเพียงอย่างเดียว แต่มองไปถึงโครงสร้างของอคาเดมี่ของสโมสร ด้วยการลงทุนไปกว่า 200 ล้านปอนด์ สร้างสนามทั้งในร่ม และกลางแจ้ง โรงยิม และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน

ซึ่งจุดเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นนักเตะจากศูนย์ฝึกเยาวชนก้าวขึ้นมาประดับทีมในช่วงหลังทั้ง ฟิล โฟเด้น, ริโก้ ลูอิส หรือที่เพิ่งปล่อยออกไปอย่าง โคล พาร์เมอร์

ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนามอินไซต์ จะพาไปดูว่ามีนักเตะคนไหนบ้างที่เติบโตมากับทัพ เรือใบสีฟ้า ก่อนถูกสโมสรปล่อยออกไป และกวาดรายได้เข้าทีมไปแล้วกว่า 260 ล้านปอนด์ ในช่วงระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา

เคเลชี่ อิเฮนาโช่

ดาวเตะทีมชาติไนจีเรียย้ายมาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อช่วงปี 2014 ก่อนจะใช้เวลาไม่นานก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทีมในยุคของ มานูเอล เปเลกรินิ 

ซึ่งในซีซั่นเปิดตัวในปี 2015-16 เจ้าตัวมีผลงานที่โดดเด่นซัดไป 14 ประตู จากการลงสนาม 35 เกม ส่วนฤดูกาลถัดมายังคงเป็นหนึ่งในขุมกำลังหลักของทีมทำไปได้ 7 ตุง จาก 29 นัด

ทว่าท้ายที่สุดด้วยโอกาสลงสนามที่ค่อนข้างจำกัด บทบาทในทีมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากนัก ทำให้ช่วงซัมเมอร์ 2017 ทีมได้ปล่อยตัวไปร่วมทัพ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยมูลค่า 25 ล้านปอนด์ ก่อนกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทัพ “สุนัขจิ้งจอก” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมเป็นส่วนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2020-21 ด้วย

ปัจจุบัน อิเฮนาโช่ ในวัย 26 ปี ยังคงค้าแข้งกับ เลสเตอร์ ในศึก แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ พร้อมเป็นกองหน้าตัวเลือกแรกของทีม

บราฮิม ดิอ๊าซ

แข้งชาวสเปนที่ย้ายมาเติบโตในอังกฤษกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทว่าโอากาสกับทีมชุดใหญ่ไม่ได้มากมายนัก ได้ลงสนามในทุกรายการไปเพียง 15 เกม เท่านั้น ทำได้ 2 ประตู โดยเกิดขึ้นในศึกคาราบาว คัพ เกมที่พบกับ ฟูแล่ม 

แต่นั้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ เรอัล มาดริด ลงทุนทุ่มงบ 22.5 ล้านปอนด์ ดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคม 2019

ทว่า ดิอ๊าซ ไม่สามารถสอดแทรกหาโอกาสกับทัพ “ราชันชุดขาว” ได้ จนเป็นที่มาของการถูกปล่อยตัวไปให้ เอซี มิลาน ยืมตัวใช้งานแบบรวดเดียว 3 ฤดูกาล พร้อมทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จน เรอัล มาดริด ดึงตัวกลับมาใช้งานเองในซีซั่นนี้

 เจดอน ซานโช่ 

เด็กจากอคาเดมี่ “เรือใบสีฟ้า” รุ่นเดียวกับ ฟิล โฟเด้น แต่ทว่ามีเส้นทางที่แตกต่างออกไป จุดที่ทำให้ ซานโช่ ขอแยกทางกับ แมนฯ ซิตี้ คือเขาไม่ได้ติดทีมไปร่วมปรีซีซั่นด้วยในช่วงซัมเมอร์ 2017 ก่อนย้ายไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าวด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ 

ซึ่งชีวิตของ ซานโช่ ในเยอรมันต้องบอกว่ารุ่งเรืองแบบสุดๆ ได้แสดงผลงานของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ กลายเป็นปีกระดับท็อปเบอร์ต้นๆ ของบุนเดสลีกา โดดเด่นทั้งเรื่องของการลากเลี้อย, แอสซิสต์ และทำประตู จนตกเป็นข่าวกับหลายสโมสรใหญ่ในยุโรป

สุดท้ายแล้ว ซานโช่ เลือกย้ายกลับมาอังกฤษค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมค่าตัว 73 ล้าน แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 3 ปี แล้วที่ฟอร์มของเขาหายเข้ากลีบเมฆไป ไม่ได้แสดงพิษสงเหมือนครั้งสวมเครื่องแบบของ ดอร์ทมุนด์ พร้อมกับสถานะตอนนี้ที่ไม่แน่นอนแล้วกับทัพ “ปีศาจแดง”

แซม เอโดซี่

แข้งวัย 20 ปี ที่ตอนแรกเหมือนอนาคตกับ แมนฯ ซิตี้ จะสวยงาม เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปิดโอกาสให้โชว์ผลงานในช่วงปรีซีซั่นปี 2021 ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบสนองด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ทำประตูได้ในเกมกระชับมิตรทุกนัดของสโมสร

จากนั้นก็ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทว่าหลังจากนั้นชื่อของเขาก็เริ่มๆ หลายไปจากทีมชุดใหญ่ ก่อนเป็นข่าวว่าได้ย้ายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ 2022 ไปร่วมทัพ เซาแธมป์ตัน ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ 

ปัจจุบัน เอโดซี่ ยังคงเล่นอยู่กับทัพ “นักบุญ” แต่สถิติการทำประตูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ทั้งที่เล่นในบทบาทแนวรุกตัวริมเส้น ภายหลังทำไปได้เพียงประตูเดียว และแอสซิสต์ยังไม่ได้เลย

เชีย ชาร์ลส์

มิดฟิลด์ที่เติบโตขึ้นมาจากอดคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างแท้จริง ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมชุดยู-18, ยู-21 ทว่าน่าเสียดายที่ไม่สามารถไต่เต้าขึ้นไปเป็นทีมชุดแรกของทีมได้ โดยได้โอกาสกับทีมไปเพียงเกมเดียวเท่านั้น ซึ้งเกิดขึ้นในนัดสุดท้ายเมื่อซีซั่นก่อนในเกมที่พบกับ เบรนท์ฟอร์ด

จนกระทั่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ชาร์ลส์ ถูก เซาแธมป์ตัน ดึงตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 10.5 ล้านปอนด์ พร้อมมี add ons อีก 4 ล้านปอนด์ 

โดยในฤดูกาลนี้ในศึก แชมเปี้ยนชิพ เจ้าตัวลงสนามไปแล้ว 4 เกม บวกกับในรายการคาราบาว คัพ อีก 1 นัด เรียกได้ว่าเป็นขุมกำลังหลักของทัพ “นักบุญ” สำหรับภารกิจเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง

กาวิน บาซูนู

นายด่านจากไอร์แลนด์เข้าร่วมอคาเดมี่ของ แมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่อายุเพีย 16 ปี ภายหลังย้ายมาจาก แชมร็อค โรเวอร์ ในบ้านเกิด ทว่าเจ้าตัวไม่เคยได้รับโอกาสลงสนามในทีมชุดใหญ่ของสโมสรเลย ก่อนย้ายไปร่วมทัพ เซาแธมป์ตัน เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อนด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์

ขวบปีแรกกับการลงเล่นพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อทัพ “นักบุญ” ต้องบอกว่าไม่ค่อยสวยงามนัก เพราะมีอันต้องตกชั้นสู่ แชมเปี้ยนชิพ แต่อย่างไรก็ตามในซีซั่นนี้ บาซูนู ยังคงเป็นตัวแรกของทีมเหมือนเช่นเคย

คาร์ลอส บอร์เกส

แนวรุกที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีมสำรองเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ภายหลังซัดไป 21 ประตู จาก 24 เกม พร้อมได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลเมื่อทีมของเขาคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน

แต่อย่างไรก็ตามเจ้าตัวไม่เคยได้สัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่เลย ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทัพ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาด้วยค่าตัว 17.3 ล้านปอนด์ แม้จะได้รับความสนใจจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมในอังกฤษก็ตาม

โรมิโอ ลาเวีย 

อีกหนึ่งนักเตะที่ เซาแธมป์ตัน ดึงตัวไปร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน โดย ลาเวีย ย้ายมาเป็นสมาชิกในอคาเดมี่ของ ซิตี้ เมื่อปี 2020 จาก อันเดอร์เลชท์ ทีมในลีกบ้านเกิดอย่างเบลเยี่ยม

โดยกับทีมชุดเล็ก ลาเวีย สอยแชมป์ทั้งชุดยู-18 และ ยู-21 มาครอง ถือว่าเป็นเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองของทีม ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวได้ถูกส่งลงสนามกับทีมชุดใหญ่ไป 2 เกม เป็นการเกิดขึ้นในบอลถ้วย เอฟเอ คัพ กับ คาราวบาว คัพ อย่างละนัด

ก่อนที่จะย้ายไปร่วมทีม เซาแธมป์ตัน เมื่อปีก่อนด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ พร้อม ซิตี้ ได้รับเงินเพิ่มเติมจากสัญญาอีก 4.5 ล้านปอนด์ นอกจากนั้นเมื่อ ลาเวีย ย้ายมาร่วมทัพ เชลซี ในตลาดครั้งล่าสุดทัพ “เรือใบ” ได้เงินเพิ่มตามเงื่อนไขอีก 10 ล้านปอนด์

เท่ากับว่า ลาเวีย ทำเงินให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้มากถึง 24 ล้านปอนด์ ด้วยกัน

เจมส์ แทรฟฟอร์ด

นายด่านที่สร้างชื่อจากลีลาการเซฟในศึกยูโร ยู-21 ครั้งล่าสุด จนสามารถพาทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ

ส่วนในนามสโมสรแม้จะเข้ามาร่วมทีมตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี แต่ไม่เคยได้รับโอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่เลย แถมถูกปล่อยยืมตัวถึง 3 ครั้ง กับ 2 สโมสรอย่าง แอคคริงตัน และ โบลตัน

จนกระทั่งช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาได้ย้ายทีมแบบถาวรไปร่วมทัพ เบิร์นลี่ย์ ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ พร้อมยึดเป็นมือ 1 ของทีมได้สำเร็จ

โคล พาร์เมอร์

 ปิดท้ายกันที่นักเตะลูกหม้อขนานแท้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้ามาสู่ทีมตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น อย่าง โคล พาร์เมอร์

ว่ากันตามตรงนี้คือนักเตะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้โอกาสมากพอสมควรในทีมชุดใหญ่ โดยลงเล่นครั้งแรกเมื่อซีซั่น 2021-22 ก่อนที่บทบาทจะเริ่มเยอะขึ้นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา อีกทั้งในขวบปีนี้เจ้าตัวออกสตาร์ทกับ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยมทำประตูได้ทั้งในรายการ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ รวมไปถึง ซูปเปอร์ คัพ

ทว่าการเข้ามาของ เณเรมี โดคู ทำให้โอกาสลงสนามของเขาอาจน้อยลง บวกกับ เชลซี ยื่นข้อเสนอเข้ามาทำให้ทุกอย่างบรรลุข้อตกลงกันด้วยดีด้วยที่มูลค่า 42.5 ล้านปอนด์ ในวันสุดท้ายของตลาดเมื่อช่วงที่ผ่านมา

และนี้คือทั้งหมดของนักเตะจากอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ปล่อยออกไปในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา พร้อมโกยเงินเข้าสโมสรไปมากกว่า 200 ล้านปอนด์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline