logo-heading

นี่คือสโมสรที่ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับยุโรป เป็นทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นมาเมื่อปี 2017 แต่พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการสร้าง และกลายเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง คู่ต่อกรที่ยากลำบากของเหล่าคู่แข่งบนลีกสูงสุด

ย้อนกลับไปทัพ “นกนางนวล” ไม่ได้อยู่ในสายตาของเหล่านักวิจารณ์ หรือแฟนบอลมากนัก แต่ด้วยวิธีการที่ชัดเจน แนวทางที่เป็นของตัวเองคือการปลุกปั้น และสร้างมูลค่าของนักเตะคนกลายเป็นทีมส่งออกนักเตะชื่อดังหลายราย

ช่วงแรกบนเวทีลีกสูงสุดพวกเขายังคงเป็นทีมหนีชั้นจบอันดับ 15, 17 และ 15 ในห้วงเวลา 3 ปีแรกในพรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นกลายเป็น ไบรท์ตัน ที่แข็งแกร่งมากขึ้น จากการเข้ามาของ แกรแฮม พ็อตเตอร์ ที่วางระบบไว้ได้เป็นอย่างดี

แม้ใครจะวิจารณ์ผลงานของ พ็อตเตอร์ เมื่อตอนคุมทัพ เชลซี แต่ถ้ามองย้อนกลับเขาคือคนที่เข้ามาตั้งไข่ และพยุงให้ ไบรท์ตัน กลายเป็นทีมที่มีแนวทางชัดเจน ฟุตบอลสวยงาม พร้อมยกระดับคุณภาพนักเตะได้อย่างยอดเยี่ยม 

เราจึงสังเกตเห็นว่า ไบรท์ตัน สามารถสร้างนักเตะโนเนมให้กลายเป็นยอดแข้งคุณภาพ พร้อมโกยเงินเข้าคลังสโมสรได้อย่างมากมาย 

ไบรท์ตัน : ระบบที่ยั่งยืน มากกว่าสตาร์ค่าตัวแพง

ลองไล่เรียงดูว่าพวกเขาคว้านักเตะแต่ละคนเข้ามาไม่ใช่สตาร์เกรด A  หรือบิ๊กเนม แต่สามารถทำให้นักเตะเหล่านี้กลายเป็นหัวกะทิเบอร์ต้นของพรีเมียร์ลีก

เบน ไวท์ แข้งที่ดึงมาสู่ทีมตั้งแต่เป็นเยาวชน ก่อนปล่อยออกไปให้ อาร์เซน่อล พร้อมเงิน 50 ล้านปอนด์ หรือ มอสเซย ไกเซโด้ ค่าตัวราวๆ 25 ล้านปอนด์ ที่ไปดึงมาจากทีมใน เอกวาดอร์ เวลาเพียง 2 ปี สามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่า 100 ล้านปอนด์ เป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนั้นยังรวมไปถึงในเคสของ มาร์ค คูคูเรย่า, อีฟส์ บิสซูม่า, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ หรือ เลอันโดร ทรอสซาร์

แน่นอนหากเป็นทีมอื่นๆ การปล่อยนักเตะตัวหลักออกไปอยู่เรื่อยๆ ทุกตลาดนักเตะ ย่อมมีทรุด และผลงานคงดร็อปลงตามคุณภาพที่ขายเหล่าแข้งพวกนี้ไป ทว่ามันใช้ไม่ได้กับ ไบรท์ตัน

หากนิยามง่ายๆ ก็ประมาณว่า “ขายได้ ก็หาใหม่ได้” และเป็นการหาใหม่ที่คุณภาพสามารถทดแทนได้อย่างไร้รอยต่อ

ซึ่งประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงกับนักเตะ แต่รวมไปถึงตำแหน่งกุนซือด้วย การโบกมือลาไปของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เป็นที่มาของความคิดเห็นต่างๆ ว่า ไบรท์ตัน ต้องระส่ำเป็นแน่ เพราะอย่างที่กล่าวไปเขาคือคนที่ปลุกปั้น และวางระบบทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว

อีกทั้งชื่อของ โรแบร์โต้ เด แชร์บี้  ก็เป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะดีพอไหมในการสืบสานต่อจาก พ็อตเตอร์ เพราะชื่อเสียงที่ผ่านมาเมื่อกางสถิติมาดูไม่ใช่กุนซือที่ผลงานเพอร์เฟ็คสวยงามเสียทีเดียว

แต่แล้วเพียงเวลาไม่นานนายใหญ่ที่อิมพ็อตมาจากอิตาลีแสดง ให้เห็นแล้วว่าคือของจริง จับงานสานต่อได้ทันที พร้อมยกระดับกลายเป็น ไบรท์ตัน ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่หลังยันหน้า พร้อมฟุตบอลที่สวยงาม เกมรุกสุดเร้าใจ

ไบรท์ตัน : ระบบที่ยั่งยืน มากกว่าสตาร์ค่าตัวแพง

อีกส่วนที่ เด แชร์บี้ เข้ามานอกจากสานต่องานจาก พ็อตเตอร์ คือสร้างทีมของตัวเอง อย่างที่กล่าวไปว่า ไบรท์ตัน คือทีมที่สร้าง และขายด้วยเม็ดเงินมหาศาล แน่นอนเขาเข้าใจถึงจุดนี้เป็นอย่างดี 

ฉะนั้นการหาใครเข้ามาคือต้องเข้ากับโครงสร้าง ไม่ได้ต้องเน้นที่ราคาแพง แต่เน้นคุณภาพที่สามารถเติมเต็มทีมได้

ครั้งหนึ่ง เด แชร์บี้ ได้กล่าวไว้ว่า “เหล่าทีมใหญ่สามารถซื้อนักเตะคนไหนของเราไปร่วมทีมก็ได้ แต่ไม่อาจซื้อจิตวิญญาณของสโมสรแห่งนี้ไปได้”

เราจึงได้เห็นนักเตะโนเนมที่เริ่มยกระดับตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการดึงเข้ามาของ เด แชร์บี้ ทั้ง ฮูลิโอ เอ็นซิโช่, เปร์วิส เอสตูปินญาน, ซิมอน เอดินกร้า หรือจะรวมไปถึง คาโอรุ มิโตมะ ที่เขาคือคนเปิดโอกาสในช่วงที่ผ่านมา

รวมไปถึงนักเตะฟรีเอเยนต์ที่ดึงเข้ามาเพื่อสร้างประโยชน์อย่าง เจมส์ มิลเนอร์ หรือ มาห์มูด ดาฮูด ไหนจะเด็กปั้นที่ฉายแววแล้วอย่าง อีแวน เฟอร์กูสัน กลายเป็นทีมยิ่งขาย ยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากการเลือกนักเตะแล้ว อีกสิ่งที่ เด แชร์บี้ ทำคือการให้โอกาส และเวลา กับทีมของเขา

กลุ่มนักเตะเหล่านี้คืออยู่ในเรดาห์ของทีมงานมาตลอด ทีมงานคอยเฝ้าสังเกตอยู่แล้วว่าคนนี้สามารถเข้ากับระบบได้ และดีพอในการเข้ามาเติมเต็มทีม 

จนเป็นที่มาของการที่ ถ้าเมื่อไหร่ฉันเสียคนนี้ คนนั้นคือตัวแทนที่เข้ามา

เมื่อฉันเสีย ไกเซโด้ ฉันได้ ดาฮูด เข้ามา, เมื่อฉันเสีย แม็ค อัลลิสเตอร์ ฉันมี กิลมอร์ คอยทดแทน 

และไม่แน่ในอนาคตอันใกล้นักเตะกลุ่มนี้อาจทำเงินให้สโมสรโกยเข้าคลังอีกมากกว่า 100 ล้านปอนด์ ก็เป็นได้

สิ่งที่เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่า ไบรท์ตัน กลายเป็นสโมสรที่น่าสนใจ และสะท้อนถึงดึงความน่าดึงดูดคือการคว้าตัว อัตซู ฟาติ มาร่วมทีม ทั้งที่นักเตะมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจ แต่ ไบรท์ตัน เหมาะสมแล้วในการช่วยเรียกความมั่นใจ และดึงศักยภาพของเขาให้ออกมาอีกครั้ง

แน่นอนสิ่งเหล่านี้มีเงินซื้อไม่ได้ แต่ทุกอย่างต้องแสดงออกมาให้เห็นในสนาม และการบริหารงานอันยอดเยี่ยม ไม่ได้ยึดนักเตะคนใดคนหนึ่งจนมากเกินไป

ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เราจึงได้เห็น 11 ตัวจริงในเกมล่าสุดที่บุกไปทุบ แมนฯ ยูไนเต็ด มีมูลค่ารวมกันไม่ถึง 25 ล้านปอนด์ด้วยซ้ำ อีกทั้งมีนักเตะที่ดึงมารวมทีมแบบฟรีเอเยนต์ถึง 5 ราย

เพราะด้วยระบบที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นของนักเตะ ความกระหาย และรู้ว่าควรต้องเล่นอย่างไรเพื่อชัยชนะ โอเคแหละครับว่ามันยังไม่ยอดเยี่ยมในทุกเกม แต่ทิศทางมันพุ่งไปทางบวกอยู่เรื่อยๆ

ตอนนี้ ไบรท์ตัน ไม่ได้มองแค่ว่าจะเอาตัวรอดในพรีเมียร์ลีกอย่างไร แต่มองการณ์ไกลไปถึงว่าจะพาตัวเองไปอยู่ในจุดสูงสุดมากขนาดไหนมากกว่า

พร้อมกันนั้นมันพิสูจน์แล้วว่าระบบที่ทีมวางเอาไว้ตั้งแต่ประธานสโมสรอย่าง โทนี่ บลูม เรื่อยมาจนถึงตัวของสต๊าฟฟ์ และนักเตะ มันออกดอกออกผลมากขึ้นเรื่อยๆ

ใช้เงินให้เป็น ใช้คนให้ตรงกับความต้องการ และผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา

ง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรซับซ้อนตามแบบฉบับ ไบรท์ตัน แต่ยากนักที่ใครจะทำตามได้ 

เคล็ดไม่ลับในการวางโครงสร้าง โดยที่ไม่ต้องลงทุนให้มากนัก แต่สามารถยกระดับต่อกรกับเหล่าเสือ สิงห์ หรือกระทิง ในลีกได้อย่างไม่เป็นรอง

อีกบทพิสูจน์ว่าระบบที่ยั่งยืน ย่อมดีกว่าการโกยสตาร์ราคาแพงเข้าสู่ทีม

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline