logo-heading

ทำให้ อารอน แรมส์เดล กลายเป็นทางเลือกสำรองในตอนนี้ พร้อมคำวิจารณ์ที่แตกต่างกันออกไปของเคสนี้ถึงสาเหตที่ มิเกล อาร์เตต้า มอบความไว้ใจให้กับนายด่านชาวสเปนก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ในตอนนี้

ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราในวันนี้จะพาไปเจาะกันว่า เพราะเหตุใด ราย่า ถึงเหมาะสมกับการขึ้นมาเป็นนายด่านตัวเลือก มีดีตรงไหน โดดเด่นในเรื่องใดบ้าง 

ย้อนกลับไป ดาบิด ราย่า ถูกดึงเข้ามาร่วมงานในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แบบเซอร์ไพรส์พอสมควร เพราะถ้ามองกันจริงๆ นี่คือตำแหน่งที่ อาร์เซน่อล ไม่ได้ขาดหาย และต้องการดึงใครสักคนเข้ามาในช่วงตลาดซัมเมอร์ครั้งล่าสุด

เพราะการที่มี แรมส์เดล อยู่แล้ว มันแทบจะหาเหตุผลไม่ได้เลยว่าทำไม อาร์เตต้า ถึงต้องอยากได้ตัวผู้รักษาประตูคนนี้เข้ามา ทั้งที่นายด่านทีมชาติอังกฤษก็ไม่ได้ก่อความผิดพลาดแบบเข้าตามากนัก อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่สามารถคาดหวังถึงเรื่องของอนาคตได้อีกด้วย ด้วยวัยที่เพิ่งเพียง 25 ปี เท่านั้น

แต่หนึ่งในสาเหตุที่มีการวิเคราะห์กันคือ อาร์เตต้า ต้องการตัวเลือกผู้รักษาประตูไที่ไว้ใจ ได้ตอบโจทย์ต่อแผนงานของเขามากกว่า 1 ราย

แน่นอนว่าในตำแหน่งผู้รักษาประตูต่อ 1 นัด สามารถใช้งานได้เพียง 1 คน และใน 1 ทีม ต้องมีนายด่านมือ 1 เพียงคนเดียวเท่านั้น

ซึ่งในเคสของ ราย่า เขาพิสูจน์ตัวเองกับ เบรนท์ฟอร์ด แล้วว่าคือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มาตรฐาน และผลงานสม่ำเสมอมากที่สุดของศึกพรีเมียร์ลีกในช่วงที่ผ่านๆ มา

ฤดูกาล 2022-23 ราย่า ลงเล่นในเกมลีกให้ เบรนท์ฟอร์ด ไปทั้งหมด 38 เกม เก็บไปได้ 12 คลีนชีต และงัดฟอร์มเซฟประตูไปได้ถึง 154 ครั้ง เฉลี่ยง่ายๆ ต่อ 1 เกม เจ้าตัวต้องมีช็อตเซฟอย่างน้อยๆ 4 ครั้งให้ได้เห็น

อีกทั้งตัวเลขดังกล่าว ราย่า คือคนการเซฟมากที่สุดของพรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แน่นอนมันบ่งบอกถึงความยอดเยี่ยมเมื่อได้ยืนเฝ้าหว่างเสาของเขา

อีกจุดเด่นของ ราย่า คือการเล่นบอลด้วยเท้า การออกบอลที่สามารถคาดหวังผลได้ การวางบอลยาวเปิดเกมรุกจากแดนหลัง คือจุดที่ทำให้ทีมได้เปรียบในหลายๆ จังหวะเมื่อครั้งสวมยูนิฟอร์มของ เบรนท์ฟอร์ด

ตัวอย่างชัดเจนของเรื่องคืออย่างในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ อาร์เซน่อล พบกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น สถิติบ่งบอกว่า ราย่า จ่ายบอลในระยะ 840 เมตรได้แม่นยำที่สุด เข้าเป้า 33 จาก 40 ครั้ง มากที่สุดเหนือนักเตะทุกคนที่ลงเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดแรก

หรืออย่างซีซั่นก่อน ราย่า มีเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลสำเร็จอยู่ที่ 61% แม้จะน้อยกว่า แรมส์เดล 2% แต่ถ้าวัดกันที่ตัวเลข อดีตนายด่าน เบรนท์ฟอร์ด จัดการจ่ายบอลไปมากถึง 1,475 ครั้ง มากกว่า แรมส์เดล ที่ทำไป 934 ครั้ง

ราย่า เคยเล่าว่าสิ่งที่ทำให้เขาพัฒนาเรื่องของการใช้เท้าคือการฝึกซ้อมอย่างหนัก ทั้งออกบอลด้วยเท้าซ้าย และขวา เพื่อพัฒนาจนกลายเป็นออปชั่นเสริมที่โค้ชส่วนใหญ่ในตอนนี้เลือกใช้งาน

ซึ่งด้วยงจุดเด่นตรงนี้ อินญากี้ กาย่า โค้ชผู้รักษาประตูของ อาร์เซน่อล คงมองเห็นความยอดเยี่ยมในการใช้เท้าเล่นกับฟุตบอลได้เป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งเคยทำงานร่วมกับ ราย่า สมัยอยู่ เบรนท์ฟอร์ด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ฝึกสอน แต่คงเห็นแววที่สามารถพัฒนา และมันเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จากเกมที่ได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ 

แน่นอนจุดนี้เมื่อได้มาพูดคุยกับ อาร์เตต้า อาจทำให้เกิดมุมมอง และเห็นโอกาสที่จะยกระดับผู้เล่นในตำแหน่งนี้มากยิ่งขึ้น

ส่วนทางฝั่ง เธียร์รี่ อองรี เองก็มองไปในเชิงบวกเช่นกันว่า ราย่า จะเป็นผู้ที่เข้ามาเติมเต็ม อาร์เซน่อล และ อาร์เตต้า เองก็เชื่อมั่นใสตัวนายด่านคนนี้ว่าจะเข้ามาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญพาทีมพุ่งชนกับความสำเร็จได้

โดย อองรี ได้กล่าวไว้แบบน่าสนใจว่า “ประเด็นมันไม่ใช่ว่าใครถูกหรือผิด มิเกล อาร์เตต้า มองว่า ดาบิด ราย่า คือคนที่จะช่วยให้เขามีโอกาสคว้าแชมป์ลีก เหมือนตอนที่เขาขาย แบร์นด์ เลโน่ ออกไป เพราะเขามองว่า แรมส์เดล คือคนที่จะช่วยทำให้เขาติดท็อปโฟร์ได้”

จากคำพูดของ อองรี มันถอดความออกมาได้ชัดเจนว่า อาร์เตต้า มองเห็นถึงจุดแตกต่างระหว่าง ราย่า กับ แรมส์เดล ไม่ใช่เพียงแค่จังหวะการเซฟประตู แต่รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่เอื้อผลประโยชน์ต่อทีมด้วย

ส่วนความเห็นของ อาร์เตต้า ผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ได้ออกมาพูดว่า “ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรมากนักในตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่ผมสามารถทำแบบนั้นกับตำแหน่งปีก, กองหน้า, เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ หรือดร็อปนักเตะสัก 5 คนแล้วรักษาผลการแข่งขันไว้ได้”

“ตอนนี้ผมคิดว่า ทำไมจะเปลี่ยนผู้รักษาประตูไม่ได้ล่ะ เรามีผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคน และเมื่อคุณต้องการเปลี่ยนโมเมนตัมของทีม คุณก็ควรทำมัน ตอนนี้ความรู้สึกของผมคือ ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในทีมของเรา”

ณ ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ราย่า ตอบโจทย์กับความต้องการของ อาร์เตต้า เป็นอย่างมาก การออกบอลจากเท้าที่กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกลูกหนัง ตรงนี้นายด่านเลือดกระทิงดุทำได้อย่างชัดเจนกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสกิลติดตัวมาตั้งแต่เล่นฟุตซอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ต้องใช้เท้าเยอะเป็นพิเศษ

ส่วนทางฝั่ง แรมส์เดล ถามว่าเขาทำอะไรผิดพลาดไหม ? คงตอบว่า ไม่เลย เพียงแต่เป็นเรื่องของแท็คติกที่ทีมนำมาใช้ แต่มันเพียงส่งผลกระทบแบบเต็มๆ ไปถึงเขาต่อการเป็นเพียงตัวสำรองในช่วงที่ผ่านมา

แน่นอนถ้าความคาดหวังของ แรมส์เดล คือการติดทีมไปลุยศึกยูโรในช่วงปีหน้า เขาจำเป็นต้องเร่งสปีดตัวเอง หรืออีกแนวทางหนึ่งก็คือการย้ายออกไปหาโอกาสให้กับตัวเอง เพื่อได้โชว์ผลงาน และเป็นแคนดิเดตลุ้นติดทีมชาติอังกฤษให้ได้

แต่จุดหนึ่งที่เป็นเรื่องในแง่ดีของ อาร์เซน่อล คือทั้งคู่ยังคงให้การซัพพอร์ตกันอย่างเต็มที่ อย่างในช็อตที่ ราย่า เซฟประตูได้ แรมส์เดล ถึงขั้นปรบมือให้ได้ในความยอดเยี่ยม ซึ่งจากภาษากายมันแน่นอนว่าเขาชื่นชมในการผลงานของคู่แข่งที่เป็นเพื่อนร่วมทีมคนนี้

ส่วนทางฝั่ง ราย่า ก็เคยออกมายกย่องว่า แรมส์เดล คือผู้รักษาประตูระดับท็อป เพียงแต่ว่าการตัดสินใจในการเลือกใช้งานอยู่กับ มิเกล อาร์เตต้า ตอนนี้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่เพียงเท่านั้นเอง

บทสรุปเรื่องนี้ไม่ได้มีใครดี หรือใครเด่นไปกว่าใคร เพียงแต่เป็นเรื่องเหตุผลทางฟุตบอลแบบเพียวๆ 

ราย่า ทำเต็มที่เมื่อได้โอกาสลงสนาม ส่วน แรมส์เดล ก้มหน้าทำงานของเขาต่อไป รอคอยวันที่ได้โชว์ผลงานอีกครั้ง

สุดท้ายมันก็วนกลับไปหาจุดเดิมคือตำแหน่งผู้รักษาประตูต่อให้มีมือดีอยู่ในทีม 2 ราย แต่พอลงสนามก็มีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้ครอบครอง

ซึ่งตอนนี้มันคือโอกาสของ ดาบิด ราย่า เพียงเท่านั้นเอง

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline