logo-heading

เกมนี้อาจจะมีตื่นเต้นเล็กๆที่ หงส์แดง โดนนำไปตั้งแต่ต้นเกม ชนิดที่แฟนบอลคงยังไม่ทันตั้งตัว และ ไม่สามารถตีเสมอได้ในช่วงครึ่งแรก ก่อนจะมารัวครึ่งหลังรวดเดียว 3 ประตู โดยในเกมนี้มีประเด็นอะไรให้พูดถึงกันบ้าง มาติดตามกันได้เลยครับ

- ลิเวอร์พูล เสียเร็วตั้งแต่ไก่โห่

หนึ่งในลายเซ็นต์ของ ลิเวอร์พูล ที่เป็นปัญหายังแก้ไม่ตก นั่นก็คือ "เสียประตู" ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งหน้าไหน จะยาก หรือ จะง่าย พวกเขามักตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อนอยู่เสมอ และ ในเกมที่เปิดบ้านเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังคงไว้ลายสิ่งนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

เพราะเริ่้มเกมมาแค่ 3 นาทีเท่านั้น กลายเป็นทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ทำเซอร์ไพรส์ ด้วยการบุกมานำ ลิเวอร์พูล ถึงถิ่น 1-0 จากจังหวะที่ หงส์แดง ได้ฟรีคิก แต่โดนโต้กลับเร็ว ในจังหวะที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ โดนตัดบอล ก่อนจะเป็น เคซี่ย์ แม็คเอเทียร์ ยิงผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ เข้าประตูไป

นั่นหมายความ นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ลิเวอร์พูล ลงเล่นไปแล้ว 8 นัดทุกรายการ พวกเขาเสียไปประตูไปถึง 7 เกม และ เก็บคลีนชีตได้เพียงแค่ 1 นัด เท่านั้น และ เป็นเกมที่ 5 ที่ ลิเวอร์พูล ตกเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งไปก่อนอีกครั้ง

หลังจากนั้นในช่วงครึ่งแรก ลิเวอร์พูล พยายามจะบุกเพื่อทำประตูตามตีเสมอให้ได้ แต่มันก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ใกล้เคียงที่สุด คงเป็นจะเป็นช็อตยิงซ้ำจ่อๆของ เบน โด๊ค ที่ซัดไปชนคานดังสนั่น ทำให้จบ 45 นาที ด้วยผลที่ หงส์แดง ตามหลัง จิ้งจอกสีน้ำเงิน 0-1

- เนเธอร์แลนด์ คอนเนคชั่น

ครึ่งแรกทำประตูไม่ได้ ไม่เป็นไร เพราะเริ่มครึ่งหลังมาไม่นาน ลิเวอร์พูล ก็สามารถทำประตูตามตีเสมอได้สำเร็จ 1-1 ในนาทีที่ 48 ซึ่งลูกนี้เป็นการประสานงานกันของ เนเธอร์แลนด์ คอนเนคชั่น ระหว่าง ไรอัน กราเฟนแบร์ค กับ โคดี้ กัคโป

โดยเป็นช็อตที่ กราเฟนแบร์ค ไหลไปให้กับ กัคโป กลับตัวยิงซัดเสียบมุมเข้าไปอย่างเฉียบคม ซึ่งลูกนี้มันมีสถิติที่น่าสนใจตามมา นั่นคือ ไรอัน กราเฟนแบร์ค มิดฟิลด์ตัวใหม่ ที่ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ ลิเวอร์พูล นัดที่ 2 และ สามารถทำแอสซิสต์ที่ 2 ในสีเสื้อ หงส์แดง ได้เช่นกัน

ขณะที่ โคดี้ กัคโป ซึ่งช่วงหลังเสียตำแหน่งตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับ ดาร์วิน นูนเญซ ก็ยิงเรียกความมั่นใจ เป็นประตูที่ 2 ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ เช่นเดียวกัน ถ้าปรับเรื่องความคมขึ้นอีกหน่อย บอกเลยว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ ปวดหัวแน่นอนในการเลือกตำแหน่งกองหน้าตัวจริง

- โซบอสไล ร่างเงา สตีเว่น เจอร์ราร์ด ???

นี่คงเป็นนักเตะหมายเลข 8 ที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า เขาจะเป็นทายาทคนต่อไปของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีม ของสโมสร เพราะ โดมินิค โซบอสไล เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ไร้ที่ติ เป็นคนสำคัญในการขับเคลื่อนเกม หลังจากก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับเบอร์ 8 เจ้าของ ผอ.โรงพยาบาล อย่าง นาบี เกอิต้า ที่เจ็บแล้วเจ็บอีก ได้ลงสนามเพียงน้อยนิดเท่านั้น

แต่พอซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ได้ โซบอสไล เข้ามาในราคา 70 ล้านปอนด์ เขาตอบแทนทุกบาททุกสตางค์ได้อย่างคุ้มค่าเหลือเกิน เป็นเบอร์ 8 ที่คอยขับเคลื่อนเกมรุก, วิ่งบ้าคลั่ง ไล่ทุกจังหวะแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย, มีส่วนร่วมกับการทำประตูให้กับทีม และ ที่สำคัญด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา จึงเข้าไปนั่งในใจแม่ยก เดอะ ค็อป ได้ไม่ยากเลย

ในเกมที่เจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ นั้่น โซบอสไล ลงมาเป็นตัวสำรอง แทนที่ กราเฟนแบร์ค นาที 65 ซึ่งมิดฟิลด์ทีมชาติฮังการี อยู่ในสนามเพียงแค่ 5 นาที ก็ทำเอาแฟนๆต้องกรี๊ดแตก เมื่อ วาตารุ เอ็นโด ไหลบอลไปให้กับ โซบอสไล ก่อนที่เขาจะยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเป็นลูกไฟเข้าซุกตุงตาข่ายอย่างสวยงาม เป็นประตูที่ทำให้ ลิเวอร์พูล พลิกขึ้นนำ 2-1

ซึ่งประตูนี้ มีแฟนบอล ลิเวอร์พูล จับสังเกตุได้เลยว่า โซบอสไล นี่มันร่างเงาของ เจอร์ราร์ด ชัดๆ ไม่ใช่เพียงแค่ใส่เบอร์ 8 ให้กับทีม เท่านั้น แต่ท่าทางจังหวะการยิงประตู และ เฉลิมฉลองท่าดีใจ มันช่างคล้ายคลึงกันเหลือเกิน แต่มันต้องรอดูกันยาวๆครับ เพราะ เจอร์ราร์ด ถูกวางอยู่บนหิ้ง ส่วน โซบอสไล ก็เพิ่งย้ายมา มีเวลาพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะ

หลังเกม หงส์แดง โชว์สกอร์ยอดฮิต พลิกแซงจิก จิ้งจอก

- สกอร์ 3-1 ยอดฮิตสำหรับ ลิเวอร์พูล

หรือว่าหวยงวดนี้ มันจะออกที่เลข 31 เพราะมันเป็นสกอร์ที่ ลิเวอร์พูล ชื่นชอบเหลือเกิน ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ เพราะ 4 นัดหลังสุดที่ หงส์แดง ลงสนาม พวกเขาสามารถเอาชนะคู่แข่งไปได้ด้วยสกอร์เดียวกันทั้งหมด 3-1

เริ่มตั้งแต่บุกไปชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน, พลิกแซง แอลเอเอสเค ลินซ์ ในศึก ยูโรปา ลีก, กลับมาเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และ ล่าสุดคือตบ เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์เดียวกันทั้งหมด 3-1 .. ถึงแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเสียประตูเกือบทุกนัด แต่ความรู้สึกเหล่านั้น ก็ถูกกลับไปด้วยการยิงประตูคืน 3 ลูก

จากชัยชนะนัดนี้ที่ยิงปิดท้ายด้วย ดิโอโก้ โชต้า ส่งให้ ลิเวอร์พูล ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายของ คาราบาว คัพ เรียบร้อย โดยรอบต่อไปพวกเขาจะเป็นฝ่ายบุกไปเยือน บอร์นมัธ ทีมจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหมือนกัน โดยจะโม่แข้งกันในช่วงปลายเดือนตุลาคม นี้

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline