ซึ่งต้องบอกว่าผลงานของ อัมราบัต ราวๆ 60 นาที พอได้มองเห็นการเข้ามาช่วยทีมได้มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของเกมรับ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าพื้นที่กลางสนามของทัพ “ปีศาจแดง” ดูอ่อนแรง และยวบลงไปมากพอสมควร
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมากองกลางทีมชาติโมร็อกโก คือหนึ่งในทางเลือกที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หนาหูมากเหลือเกิน ด้วยบทบาทในสนาม และขุมกำลังที่ทีมมีทำให้ อัมราบัต เหมือนเป็นจิ๊กซอว์อีกชิ้นที่ เอริค เทน ฮาก ควรมีอยู่ในมือ
ในเรื่องของปริมาณแดนกลางของ ยูไนเต็ด ก่อนหน้านี้ถือว่ามีหลากหลาย แต่ถ้าโฟกัสไปเพียงแค่เรื่องของคุณภาพต้องยอมรับว่ายังหาความสม่ำเสมอไม่ได้มากนัก
ในรายของ กาเซมิโร่ นี่คือนักเตะที่เข้ามาเติมเต็ม และยกระดับทัพ “ปีศาจแดง” อย่างแท้จริง ด้วยสไตล์เป็นตัวตัดเกม ที่ระดับเวิลด์คลาสไม่มีใครสงสัยในเรื่องฝีเท้า ทว่าในอีกแง่มุมถ้าวันใดแข้งรายนี้เจ็บ, แบน หรือฟอร์มตก ในทีมยังไม่สามารถหาใครเข้ามาทดแทนได้เลย
สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มาตรฐานไม่ค่อยมีเท่าไหร่นัก ดี 1 นัด แย่ 3 เกม วันไหนหลุดฟอร์มก็กู่ไม่กลับ หรือ คริสเตียน อิริคเซ่น ก็ไม่ใช่นักเตะในจำพวกตัวตัดเกมแบบจ๋าๆ แต่เหมาะกับสไตล์ที่เป็นจำพวกเชื่อมเกม และสร้างสรรค์เกมมากกว่า
ฉะนั้นการหาใครสักคนเข้ามาในบทบาทตัวตัดเกมแบบอาชีพจริงๆ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น และ อัมราบัต ถือว่าตอบโจทย์ทั้งในแง่ของตำแหน่ง และเรื่องการเงินที่ แมนฯ ยูไนเต็ดอ ต้องควบคุมด้วย
จุดเด่นของ อัมราบัต ที่ชัดเจนคือเป็นมิดฟิลด์ตัวสไตล์ตัดเกมแบบจ๋าๆ ยืนต่ำสุดในบรรดาแผงมิดฟิลด์ทั้งหลาย แถมมีลูกประสบการณ์ที่ผ่านเวทีระดับสูงมาพอสมคว
ด้วยรูปร่างที่แข็งแกร่ง การเข้าบอลในจังหวะสำคัญที่แม่นยำ บ้าพลัง จุดนี้คือจิ๊กซอว์ที่แดนกลางของ ยูไนเต็ด ขาดหายไปเหมือนกันในช่วงนี้ และที่สำคัญคือเป็นกองกลางระดับมันสมองคนหนึ่งซึ่งเขาพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา
การตัดบอลของ อัมราบัต ใน กัลโช่ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลก่อน เจ้าตัวมีอัตราค่าเฉลี่ยต่อเกมที่สามารถแท็คเคิลในกรอบเขตโทษได้อยู่ที่ราว 0.74 ครั้ง ถือว่าอยู่ในระดับสูงของฟุตบอลลีกอิตาลีเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการจ่ายบอลที่อัตราความสำเร็จค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างซีซั่นที่ผ่านมากับ ฟิออเรนติน่า ตัวเลขการจ่ายบอลสำเร็จเข้าเป้าถึง 1,304 ครั้ง จากทั้งหมด 1,452 ครั้ง ซึ่งคิดเป็น 90% เลยทีเดียว
ซึ่งภาพรวมมันไม่ใช่เพียงแค่การจ่ายบอลสั้นๆ แต่คือการลำเลียงบอลจากแดนหลังสู่แดนหน้า หรือแม้กระทั่งจ่ายบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ อีกทั้งได้ทั้งบอลสั้น และบอลยาว กลายเป็นอีกอาวุธที่สามารถช่วยทีมในการเพิ่มประตู
ฉะนั้นจากสไตล์ที่ผ่านๆ มา อัมราบัต สามารถเข้ามาเป็นตัวแทน หรือทดแทน กาเซมิโร่ ได้แน่ๆ แม้ดีกรีจะแตกต่าง ความสำเร็จอาจไม่เทียบเท่า แต่ผลงาน สถิติต่างๆ มันบ่งบอกว่าสามารถเข้ามาช่วย แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากกว่าเดิมแน่
ส่วนอีกออปชั่นที่น่าสนใจคือตำแหน่งการเล่นที่ยืดหยุ่นไม่ใช่เป็นเพียงมิดฟิลด์ที่คอยตัดเกมเพียงเท่านั้น แต่สามารถขยับถอยลงไปเล่นเป็นฟูลแบ็คได้อีกต่างหาก
ซึ่งเรื่องนี้แฟนบอลพอได้เห็นแล้วว่า อัมราบัต สามารถแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะในอดีตเจ้าตัวเคยลงเล่นในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว ก่อนแสดงออกมาให้เห็นว่าเรื่องของความแข็งแกร่ง สปีดในการวัดกับคู่แข่ง สามารถต่อกรได้แบบไม่เกรงกลัว
แน่นอนว่าราว 60 กว่านาทีในสนามยังไม่อาจตอบได้ทั้งหมดว่า อัมราบัต จะเข้ามายกระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้มากขนาดไหน เพราะยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองได้มากนัก และเกมกับ คริสตัล พาเลซ ก็ยังไม่ใช่ภาพที่สามารถบ่งบอกอะไรได้มากนัก
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ชั้นยอดว่าการมาของ อัมราบัต จะช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นอย่างไร และจะเป็นจิ๊กซอว์แดนกลางที่ตามหาหรือไม่นั่นคือเรื่องของอนาคต
แต่ถ้าวัดจากปัจจุบันคงต้องบอกว่าเหล่าแฟนๆ เรด เดวิลล์ คงประทับใจกับผลงานแข้งรายนี้ไม่ใช่น้อย
- Paolinho -