logo-heading

นอกจากมีเรื่องประตูชัยนาที 90+6 แล้วนั้น ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดคือการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมนี้ ทั้งที่อยู่ในสนาม และ คนที่ทำหน้าที่เป็นทีมงาน VAR เพราะมันมีการยอมรับหลังจบเกมว่า มีส่วนทำผิดพลาดส่งให้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายแพ้ ซึ่งเกมนี้มีประเด็นอะไรร้อนแรงต้องพูดถึง มาติดตามกันได้เลยครับ

- ใบแดงจุดเปลี่ยนของเกม

ลิเวอร์พูล คงต้องไปทำบุญครั้งใหญ่แล้วล่ะ เพราะนัดนี้เป็นอีกครั้ง ที่พวกเขาต้องเหลือแค่ 10 คน อีกแล้ว จากจังหวะที่ เคอร์ติส โจนส์ โชว์ขยันไปวิ่งไล่แย่งบอลกลับคืนมา แต่ว่ามันกลายไปเหยียบบอลแล้วปลิ้น กลายเป็นเปิดปุ่มไปเหยียบใส่ข้อเท้า อีฟส์ บิสซูม่า เต็มๆ

ตอนแรกผู้ตัดสินให้แค่ใบเหลือง แต่ทีมงาน VAR แจ้งว่า เป็นการเข้าสกัดแบบอันตราย ก่อนที่ผู้ตัดสิน จะเดินไปดูจอที่ข้างสนาม พร้อมเปลี่ยนคำตัดสิน แจกใบแดงไล่ เคอร์ติส โจนส์ ออกจากสนามทันที ทำให้รูปเกมเปลี่ยนไปเลย เพราะตอน 11 คน เท่ากัน ลิเวอร์พูล ดูดีกว่าหน่อยๆด้วยซ้ำ

ใบแดงของ เคอร์ติส โจนส์ นี่เป็นใบแดง ใบที่ 3 ของนักเตะ ลิเวอร์พูล แล้วในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นนี้ ต่อจาก เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ 

ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ เพราะ ดิโอโก้ โชต้า ที่ลงสนามมาเป็นสำรอง ก็โดนใบเหลือง 2 ใบ เป็นใบแดงไล่ออกอีกเช่นกัน ทำให้ ลิเวอร์พูล เหลือเพียงแค่ 9 คน และ สุดท้ายก็ต้านไม่อยู่จริงๆ

- การตัดสินของ พรีเมียร์ลีก มีปัญหาทุกสัปดาห์

ในตอนที่ ลิเวอร์พูล เหลือ 10 คน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเสียเปรียบสุดๆ แต่เปล่าเลย มันกลายเป็นว่าได้สร้างสรรค์โอกาสยิงประตู จากช็อตที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลไปให้กับ หลุยส์ ดิอาซ เบียดชนะกองหลัง สเปอร์ส ยิงผ่านมือ กูเยลโม่ วิคาริโอ นายทวาร ไก่เดือยทอง เข้าไปซุกตาข่ายแล้ว

ลูกนี้ ไลน์แมนยกธงล้ำหน้าไปก่อน ดังนั้นต้องไปวัดกันที่ VAR อีกครั้ง เพราะจากภาพช้า ดูเหมือนว่า ดิอาซ ยังยืนอยู่ในไลน์ ไม่น่าจะล้ำหน้าแต่อย่างใด ดังนั้นทีมงานผู้ตัดสิน จำเป็นต้องตีเส้น เพื่อทำให้เห็นว่าล้ำหน้าจริงๆ

แต่เปล่าเลย ทีมงาน VAR ตัดจบไปแบบดื้อๆ ไม่มีการตีเส้นให้เห็นเลยว่า จังหวะนี้มันล้ำหน้าอย่างไร ทำเอาสาวก เดอะ ค็อป ทั่วโลก ข้องใจเหลือเกิน เพราะจากภาพช้าที่มองด้วยตาเปล่า มันไม่น่าจะล้ำ กลายเป็นดราม่าที่ผู้คนถกเถียงว่า ทำไมถึงไม่ยอมตีเส้น และ ปล่อยผ่านเร็วเหลือเกิน เรียกว่าการตัดสินของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีปัญหาทุกสัปดาห์จริงๆ

- สเปอร์ส ขึ้นนำ แต่ ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ

แค่ไม่กี่อึดใจ หลังจากที่มีปัญหาดราม่าเรื่อง VAR ของ ลิเวอร์พูล จากนั้นราวๆสัก 10 นาที สเปอร์ส ได้ประตูขึ้นนำ จากการแทงทะลุช่อง ตัดแนวรับ ลิเวอร์พูล ของ เจมส์ แม็ดดิสัน ไปให้กับ ริชาร์ลิซอน ก่อนจะปาดมาให้กับ ซน ฮึง-มิน วิ่งเข้ามาชาร์ต เข้าไป

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ซีซั่นนี้ ไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆจริงๆ เพราะช่วงท้ายครึ่งแรก พวกเขามายิงตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ จาก โคดี้ กัคโป ซึ่งเชื่อว่า สาวก เดอะ ค็อป คงมีความเชื่อมั่นเล็กๆว่าทีมจะไม่แพ้กลับไป เพราะมันเคยมีภาพตัวอย่างที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ 2-1 ตอนเหลือ 10 คน เช่นกัน

- โคตรดราม่า ประตูชัย สเปอร์ส เกิดขึ้นนาที 90+6

ลิเวอร์พูล ที่เล่น 9 คน เกือบๆ 20 นาทีสุดท้ายของเกม นักเตะทุกคนที่เหลืออยู่ในสนาม วิ่งสู้สุดชีวิต วิ่งจนหมดเหมือนว่าเป็นวันสุดท้ายของชีวิต ขุนพล หงส์แดง ทำอย่างเต็มที่ และ กำลังจะเก็บ 1 คะแนนล้ำค่าออกไปอยู่แล้ว

แต่กระนั้นนาที 90+6 เป็นช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย ก็เกิดดราม่าขึ้น เมื่อ เปโดร ปอร์โร่ ได้บอลจากด้านขวา ก่อนจะเปิดยัดเต็มแรงเข้าไปในกรอบเขตโทษ ทันใดนั้น โจเอล มาติป ปราการหลัง ลิเวอร์พูล พยายามจะเตะสกัดทิ้ง แต่มันผิดเหลี่ยม กลายเป็นเข้าประตูตัวเอง ส่งให้ ไก่เดือยทอง เอาชนะไป 2-1

ประตูนี้ จะเห็นเลยว่า มาติป ผิดหวังตัวเองสุดๆ ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และ มันเป็นจังหวะของเกม แต่ก็ต้องชมความพยายามของนักเตะ สเปอร์ส ด้วย ที่บุกจนถึงวินาทีสุดท้าย และ ได้ 3 คะแนนอันล้ำค่าในที่สุด

- ความผิดพลาดของ ทีมงานผู้ตัดสิน

นับตั้งแต่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ออกสตาร์ทฤดูกาลมา ยังไม่มีสัปดาห์ไหนเลย ที่แฟนบอลจะไม่พูดถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน หรือ แม้กระทั่ง VAR ตัวช่วยที่จะทำให้ทุกอย่างโปร่งใส แต่กลับกลายเป็นว่าหลายๆครั้ง ก็สร้างความเคลือบแคลงใจมากเหลือเกิน

หลังจบเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือใหญ่ ลิเวอร์พูล ยอมรับเลยว่านี่คือ เกมที่โคตรไม่แฟร์ เขาไม่เคยเห็นเกมไหนที่มีการตัดสินไม่ยุติธรรมเท่านี้มาก่อนในชีวิตกุนซือ มันเป็นการตัดสินที่บ้ามากๆ 

ซึ่งเรื่องใบแดงที่ ลิเวอร์พูล โดนไป 2 ใบแดงนั้น ก็สมควรแล้วครับ มันเป็นจังหวะการเข้าปะทะอันตราย และ การตัดเกม แต่ถ้าใครได้ดูตลอด 90 นาที มาตรฐานผู้ตัดสิน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็นมากเหลือเกิน ทั้งคนที่ทำหน้าที่ในสนาม และ ทีมงาน ซึ่งมันมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก แต่ไม่ขอไปแตะต้อง เพราะต่างคน ก็ต่างความคิด

แต่หลังจบเกมได้ไม่นาน สมาคมผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PGMOL) ได้แถลงการณ์ยอมรับว่า ประตูของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ส่งบอลเข้าไปซุกตาข่ายนั้น เป็นความผิดพลาดของทีมงานผู้ตัดสิน

แถลงการณ์จาก พีจีเอ็มโอแอล ระบุไว้ว่า "พวกเราเล็งเห็นว่าความผิดพลาดของมนุษย์ ซึ่งมันเกิดขึ้นในครึ่งแรกของเกมระหว่าง สเปอร์ส กับ ลิเวอร์พูล .. ประตูของ หลุยส์ ดิอาซ ถูกปฏิเสธจากทีมงานผู้ตัดสิน ซึ่งมันเป็นที่ชัดเจนเลยว่า มันคือความผิดพลาด และ ประตูนี้ VAR ควรต้องเข้ามาแทรกแซง แต่ VAR ก็ล้มเหลว ที่จะโต้แย้ง"

นั่นแหละครับ สุดท้ายผู้ตัดสิน ก็ต้องรับผิดชอบ ด้วยการถูกสั่งพักงาน ถูกลดชั้นไปตัดสิน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หรือ จะอะไรก็ตามแต่ ทว่า ลิเวอร์พูล คือทีมที่เสียหาย และ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว 

ทั้งนี้ ขอชื่นชมบอส อังเก้ ปอสเตโคกลู กุนซือใหญ่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ทำทีมได้อย่างสุดยอด ถึงแม้จะไร้ แฮร์รี่ เคน ไปแล้ว และ ก็ขอชื่นชมนักเตะ ลิเวอร์พูล ที่สู้สุดใจขาดดิ้น แม้จะเหลือแค่ 9 คน ก็ตาม

ฮาย ฮาวดี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline