ในช่วงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาในเกมที่ ฟูแล่ม เปิดบ้านเอาชนะ เชฟฟิล์ด ยูไนเต็ดไปได้ 2-1 นักเตะของทีมดาบคู่ อย่าง คริส บาแชม ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหักอย่างรุนแรง มันเป็นภาพที่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน
จากที่ดูเหตุการณ์อันบาดหัวใจในค่ำคืนนี้แล้ว ทำให้นึกย้อนอดีตกลับไป ถึงนักเตะที่โดนอาการบาดเจ็บนี้เล่นงาน จากนักเตะที่มีแววจะเป็นนักเตะระดับท็อปได้ในอนาคต หรือนักเตะที่มีฟอร์มที่โดดเด่นในช่วงเวลาเหล่านั้น กลับโดนตัวร้ายตัวนี้ พรากอนาคตที่สดใส ลงไปสู่นรกอันมืดมิดในพริบตา
ถ้าจะบอกนักเตะที่ถูกอาการบาดเจ็บนี้เล่นงาน คงจะมีนับไม่ถ้วน เพราะฉนั้น วันนี้ทางขอบสนามจึงยกตัวอย่าง 5 นักเตะที่ถูกพรากอนาคตไป ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมเหล่านี้กันครับ
[ อารอน แรมซีย์ ]
กองกลางสายเลือดเวลส์ ของ พลพรรคเดอะกันเนอร์ส ที่ ย้ายมาจาก คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในวัย 18 ปี ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2008 หลังจากเล่นให้กับทีม ไปเพียงแค่ 28 นัดเท่านั้น
ณ เวลานั้น แรมซีย์ อายุเพียง 19 ปี แถมยังอยู่ในช่วงที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น โดยเขาถูกคาดหวังว่าในอนาคตถูกดันขึ้นมาเป็นกองกลางคนสำคัญคู่กับ แจ็ค วิลเชียร์ และ อาบู ดิยาบี้
แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2010 ในเกมที่ อาร์เซน่อล พบกับ สโต๊ค ซิตี้ เหตุการณ์มันได้เกิดขึ้นในนาทีที่ 65 จากจังหวะที่ ไรอัน ชอว์ครอสส์ ประการหลังของทีม ช่างปั้นหม้อ เข้าเสียบสกัดอย่างรุนแรง ส่งผลให้ แรมซี่ย์ กระดูกหักสองจุด ที่บริเวณกระดูกหน้าแข้ง และกระดูกน่อง ส่งผลให้เจ้าตัวต้องพักไปตลอดทั้งซีซั่น
ถึงนัดนั้นทีม ปืนใหญ่ จะจบลงไปด้วยการยัดเยียดความปราชัยให้กับ สโต๊ค ซิตี้ 3-1 แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอาการบาดเจ็บหนักของ แอรอน แรมซี่ย์ หนึ่งในเพชรเม็ดงามของทีม
ด้วยอาการบาดเจ็บนี้ทำให้แข้งเวลส์ต้องพักรักษาตัวนานถึง 9 เดือน หลังจากหายเจ็บกลับมาแล้ว อาร์เซน่อล ได้ส่งไปให้ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส และ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ยืมใช้งานจนจบฤดูกาลนั้น เพื่อเรียกความฟิต ก่อนที่จะกลับมายังถิ่น เอมิเรตส์ อีกครั้งในปี 2011
ก่อนเจ้าตัวจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2013 ปีนั้นคือปีที่ แรมซีย์ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ยิงเป็นเข้า จ่ายเป็นหลุด โดยเจ้าตัวลงสนามไปทั้งหมด 34 นัดยิงไป 16 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์
แต่ก็นั่นแหละครับ หลังจากฤดูกาลนั้นมา แรมซีย์ ก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มที่ดีแบบเดิมได้อีกเลย เนื่องจากเจ้าตัวมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด แถมยังไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นของตัวเองได้อย่างสม่ำเสมออีกด้วย ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ถูกปล่อยตัวไปแบบฟรีๆหลังหมดสัญญากับ อาร์เซน่อล ให้กับ ยูเวนตุส ในปี 2019
[ ฌิบริล ซิสเซ่ ]
ฌิบริบ ซิสเซ่ หนึ่งในนักเตะที่โชคร้ายที่สุด เพราะเขาต้องทนกับอาการบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า และที่หนักที่สุดคือ เจ้าตัวเคยขาหักทั้งสองข้าง ด้วยอาการบาดเจ็บนี้เองส่งผลให้อนาคต กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ณ เวลานั้น ฌิบริล ซิสเซ่ คือหนึ่งในดาวรุ่งชาว ฝรั่งเศส ที่น่าจับตามองมากที่สุด ด้วยความที่เร็วที่หาตัวจับได้ยาก สกิลการเลี้ยงบอลที่พริ้วไหวดั่งสายน้ำ การจบสกอร์เองก็ทำได้ยอดเยี่ยม เขาลงสนามให้กับ โอแชร์ ไป 128 นัด ยิงไป 70 ประตู ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม ทำให้ทีม หงส์แดง ต้องทุ่มซื้อมาด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์ ด้วยวัยเพียง 23 ปี
ว่า เจ้าตัว ได้ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ไปเพียง 19 นัดเท่านั้น เหตุการณ์ชวนฝันร้ายก็มาถึง ในเกมที่พบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ในเดือนตุลาคม ปี 2004 เหตุการณ์นั้นเป็นจังหวะที่ ซิสเซ่ กำลังแย่งบอลกับ เจย์ แม็คคอลลีย์ ขาของเขาได้ไปปักอยู่กับพื้นหญ้า ส่งผลให้กระดูกหน้าแข้งและน่องหักในทันที
ผลจากที่แพทย์รายงาน เขาอาจจะต้องพักรักษาตัวนานถึง 6-8 เดือน แต่ถ้าเลวร้ายที่สุดคือ 18 เดือน แต่ผลปรากฏว่าการรักษานั้นดีกว่าที่คิด เขาใช้เวลาในการพักและเรียกความฟิตเพียง 6 เดือนเท่านั้น ก่อนจะกลับมาลงสนามในนัดที่เจอกับ ยูเวนตุส ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ในเดือน เมษายนปี 2005 แต่ด้วยอาการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้ ซิสเซ่ ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาได้อีกเลย
ความโชคร้ายยังไม่จบลงเพียงเท่านั้น ในเดือนมิถุนายนปี 2006 เกมที่ ฝรั่งเศส ต้องอุ่นเครื่องกับ จีน หลังจากเล่นไปได้เพียง 10 นาที ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสรายนี้ ได้ถูกเข้าสะกัดอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้เจ้าตัวต้องขาหัก และต้องพบกับฝันร้ายอีกครั้ง
แต่การบาดครั้งนี้ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ซิสเซ่ กลับมาลงสนามได้ในเดือนธันวาคมในปีเดียวกัน แต่ฟอร์มการเล่นของเขากลับตกลงไปอย่างน่าใจหาย และได้เป็นแข้งพเนจรในท้ายที่สุด
[ อลัน สมิธ ]
อลัน สมิธ เคยถูกยกย่องให้เป็นศูนย์หน้าที่น่าจับตามองที่สุดในสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด เขากลายเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งกองหน้าของ ทีมยูงทอง โดยยิงไป 38 ประตู จาก 172 เกม ก่อนที่ทีมจะตกชั้นไปในปี 2004
หลังจากที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตกชั้นไป อลัน สมิธ ได้ย้ายมายังทีมคู่อริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไรเต็ด ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ เขาจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในแข้งที่อาภัพที่สุดในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เลยก็ว่าได้ โดยมีสถิติใบเหลืองใบแดงเทียบเท่ากับจำนวนประตู
การย้ายมาของ สุกรโลกันต์ เวนย์ รูนีย์ ทำให้ตำแหน่งศูนย์หน้าในทีมของ อลัน สมิธ ไม่มีที่ว่างอีกต่อไป แต่ด้วยความที่เจ้าตัว มีสไตล์การเล่นที่ มุทะลุดุดัน บวกเป็นบวก เตะเป็นเตะ ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเปลี่ยนตำแหน่งจากศูนย์หน้า มาเป็นกองกลางตัวตัดเกม โดยหวังว่าให้เขามาเป็นตำแหน่งของ รอย คีน ที่กำลังอยู่ในช่วงโรยรา
ในปี 2006 เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ ลิเวอร์พูล ในศึก เอฟ เอ คัพ รอบที่ 5 พระเจ้าได้กลั่นแกล้ง อลัน สมิธ อีกครั้ง หลังเจ้าตัวถูกส่งลงสนามมาแทน ดาเรน เฟรตเชอร์ ในนาทีที่ 77 ก่อนที่จะโดนลูกยิงฟรีคิกของ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ แบ็กซ้ายตีนระเบิด ของ ทัพ หงส์แดง ทำให้เจ้าตัวขาหักและข้อเท้าหลุด ส่งผลให้ต้องถูกพักรักษาตัวนานกว่า 15 เดือน เขาได้กล่าวหลังจบเกมว่า “มันเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก และเชื่อว่าอาการบาดเจ็บครั้งนี้จะไม่มีทางให้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก”
อย่างที่เขาว่าเลยครับ นับตั้งแต่อาการบาดเจ็บครั้งนั้น อลัน สมิธ ก็ไม่สามารถกลับมาโชวฟอร์มเก่งได้อีกเลย และถูกปล่อยให้กับ นิวคาสเซิ่ล ในปี 2008
[ เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา ]
เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา หรือ ดูดู้ เขาคือหนึ่งในศูนย์หน้าพรสวรรค์สูงที่สุดของ โครเอเชีย ณ เวลานั้น เขาได้ทำประตูไปถึง 73 ประตู จากการลงเล่นไปทั้งหมด 109 กับ ดินาโม ซาเกร็ป ดึงดูดความสนใจให้ อาร์เซน่อล มาดึงตัวเขาไปในปี 2007 ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์
หลังจาก ดูดู้ ย้ายมายังถิ่น เอมิเรตส์ ได้ในปีแรก เจ้าตัวก็กลายมาเป็นขวัญใจคนใหม่ของเหล่า เดอะกูนเนอร์ส ทันที โดย ยิงไป 15 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 35 นัด และถูกยกให้เป็นกองหน้าตัวความหวังใหม่คู่กับ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
แต่หารู้ไม่ว่าในเกมที่ อาร์เซน่อล พบกับ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2008 จะเป็นจุดจบของ ศูนย์หน้าทีมชาติ โครเอเชีย ผู้นี้ เมื่อ มาร์ติน เทย์เลอร์ กองหลังทีมลูกโลก เปิดปุ่มเข้าไปที่ขาของ ดูดู้ แบบเต็มๆ ทำให้กระดูกน่องซ้ายหักและข้อเท้าเคลื่อน ส่งผลให้เจ้าตัวต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บกว่า 1 ปี
จากอาการบาดเจ็บของ เอดูอาร์โด้ ดาซิลวา ส่งผลให้ อาร์เซน่อล ที่กำลังลุ้นแชมป์อยู่ ณ ขณะนั้นสปิริตทีมเสียทันที โดยหลังจากเกมที่พบกับ เบอร์มิ่งแฮม ทีมปืนโต ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย 4 เกมติด แบ่งเป็น เสมอ 3 แพ้ 1 ทำให้ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ จบอันดับ 3 ของลีก ตามหลังทีมแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด อยู่ 4 คะแนน
หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บเจ้าตัวก็ไม่สามารถเรียกฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองกลับมาได้อีกเลย แถมยังมีอาการบาดเจ็บอื่นๆคอยรบกวนเขาอยู่ตลอด ทำให้ในปี 2010 อาร์เซน่อล ได้ตัดสินใจปล่อยตัว ดูดู้ ให้กับ ชัคตาร์ โดเน็ตสค์ ที่ดังจากลีก ยูเครน
[ ลุค ชอว์ ]
มาถึงคนสุดท้ายอย่าง ลุค ชอว์ หนึ่งในนักเตะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถกลับมาเล่น และโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นให้กับต้นสังกัดจนถึงปัจจุบัน โดยมีอาการขาหักมาก่อนหน้านี้
ลุค ชอว์ แบ็กซ้ายจอมบุก ทีมชาติ อังกฤษ เขาเติบโตมากับ ทีมนักบุญ อย่าง เซาแธมป์ตัน โดยเป็นตัวหลักของทีมอยู่สองฤดูกาล ก่อนที่จะย้ายมาสวมเครื่องแบบปีศาจแดงในปี 2014 ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเยอะมากๆถ้าเทียบกับค่าเงินตอนนั้น ในผู้เล่นตำแหน่งแผงหลัง
ในฤดูกาล 2015/2016 วันที่ 15 กันยายน เกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบกับ พีเอสวี ไฮโอเฟ่น ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ลุค ชอว์ ต้องมาพบกับฝันร้าย หลังจากที่เกมผ่านไปไม่ถึง 15 นาที เจ้าตัวได้ถูกเสียบสองขา โดย เฮคเตอร์ โมเรโน่ ประการหลังทีมชาติ เม็กซิโก ของพีเอสวี ทำให้ แบ็กซ้ายผู้นี้ ขาหักถึงสองท่อน เกิดเป็นภาพสยดสยองเกิดขึ้นในสนาม แต่ทุกคนเชื่อไหมครับว่า นิโคลา ริซโซลี่ ผู้ตัดสินชาวอิตาเลี่ยน ไม่ได้เป่าฟาวล์ หรือแม้กระทั่งแจกใบเหลือง ในจังหวะที่โดนเสียบเลย
ด้วยเหตุการณ์ในวันนั้นส่งผลให้ ลุค ชอว์ ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บถึง 6 เดือนกว่าจะกลับมาซ้อมได้ และต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มกว่าเจ้าตัวจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ในเกมที่ คอมมูนิตี้ชิลด์ ที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2016
ถึงแม้ช่วงแรกๆที่หายจากอาการบาดเจ็บ ลุค ชอว์ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ และยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่พอสมควร แถมยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บคอยรบกวนอยู่ตลอด แต่ปีสองปีหลังมานี้เจ้าตัวสามารถเรียกฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง จนเป็นตัวหลักของทั้ง ทีมชาติอังกฤษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด