logo-heading

ทีมชาติไทย ประเดิมการอุ่นเครื่องฉบับทัวร์ยุโรปด้วยการบุกไปพ่ายให้กับ จอร์เจียร์ แบบเละเทะ 8-0 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (12 ต.ค.66) เรื่องผลการแข่งขันที่แพ้ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายอะไร แต่กับสกอร์ที่ออกมาถือว่าโดนเยอะกว่าที่คิดไว้ แค่ครึ่งแรกครึ่งเดียวก็โดนไปครึ่งโหล แต่ถ้าใครที่ดูเกมเมื่อคืนนี้ก็จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะโดนเยอะแบบนี้ เพราะมาตรฐานมันต่างกัน

มีถามเกิดขึ้นมากมายว่าถ้าเกิดเราได้นักเตะชุดที่ดีที่สุด ได้ตัวหลักมาแบบฟูลทีมเราจะโดนแบบนี้ไหม ผมมั่นใจว่ารูปเกมเราจะดีกว่านี้ และไม่น่าจะแพ้แบบหมดรูปขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะพอสู้ได้บ้าง แต่ก็เชื่อว่าสุดท้ายก็คงจะแพ้อยู่ดี

แต่ประเด็นมันไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะชุดไหนก็แพ้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำไมคุณไม่ส่งชุดที่ดีที่สุดมา นี่คือเกมฟีฟ่าเดย์ อย่างน้อยก็ควรจะให้เกียรติชาติเจ้าภาพที่เขาอุตส่าห์เชิญทีมรองบอลอย่างเราให้ไปร่วมลงแข่งขันด้วย

แล้วถามว่าทำไมเราถึงส่งนักเตะชุดนี้ไปแข่งขัน ก็จะขอเล่าที่มาที่ไปพอสังเขปเพื่อให้คนที่ไม่ได้ติดตามข่าวได้รู้ที่ไปที่มาว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จริงๆ แล้วเราทราบโปรแกรมอุ่นเครื่องที่ยุโรปครั้งนี้มาตั้งแต่ช่วงต้นปี ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ว่าเราจะได้ไปเยือนจอร์เจีย และเอสโตเนีย ในเดือนตุลาคม ซึ่งสมาคมฯ ก็ไปดีลมาได้ ตอนนั้นทุกคนดีใจ แฟนบอลก็ดีใจที่จะได้เห็นทีมชาติไทยได้โกอินเตอร์ ไปเตะอุ่นเครื่องเป็นทีมเยือน แถมได้ไปยุโรปกับเขาบ้าง ทุกคนก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ดูเกมอุ่นเครื่องที่ได้วัดฝีเท้าของทีมชาติไทย แถมเป็นการลองทีมก่อนลงเตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รวมทั้งเอเชี่ยน คัพ ช่วงต้นปีหน้าด้วย

แต่พอหลังจากจบคิงส์ คัพ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีการประชุมร่วมกันของไทยลีก และสโมสรไทยลีก ถึงโปรแกรมทีมชาติในเดือนตุลาคม ซึ่งมีทางสโมสรส่วนนึงที่ไม่เห็นด้วยกับโปรแกรมอุ่นเครื่องที่จะต้องเดินทางไปที่ยุโรป ทั้งๆ ที่โปรแกรมมันออกมาตั้งนานแล้ว ซึ่งสโมสรที่ไม่เห็นด้วยนั้นก็บอกด้วยว่าจะไม่ปล่อยตัวนักเตะให้ไปเล่นทีมชาติครั้งนี้ เพราะว่าพวกเขามีโปรแกรมต้องลงเตะเอซีแอล ซึ่งอาจจะกระทบต่อโปรแกรมไทยลีกที่ต้องเตะหลังจากทีมชาติไทยเดินทางกลับมาไม่กี่วัน และมันก็จะกระทบต่อแผนการเดินทาง หรือโปรแกรมที่จะต้องลงเตะถ้วยเอเชียด้วย

สุดท้ายคนที่ปวดหัวก็คือ มาโน่ โพลกิ้ง ที่ไม่รู้จะทำยังไง ลิสต์รายชื่อเอาไว้ 50 คน ที่อยู่ในข่ายจะเรียกใช้ในงานเกมอุ่นเครื่องรวมทั้งฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่เป็นแผนงานต่อเนื่อง แต่เมื่อไม่ได้ตัวที่ต้องการ ก็เลยต้องไปดูว่านักเตะในข่ายที่เหลือ มีใครที่สโมสรพร้อมปล่อยมาบ้าง

ซึ่งก็มีตัวหลักที่สโมสรพร้อมปล่อยมา 4-5 คน อย่าง กฤษดา กาแมน, เอเลียส ดอเลาะ, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล บดินทร์ ผาลา และรวมถึง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่แม้ไม่ใช่ตัวหลักชุดใหญ่ แต่ก็เป็นนักเตะที่อยู่ในแผนเตรียมทีมของ มาโน่ อยู่แล้ว นอกนั้นก็จะเป็นดาวรุ่ง ตัวสำรอง และตัวเก่าๆ อย่าง ทริสตอง โด ที่เหมือนหลุดทีมชาติไปแล้ว

จริงๆ ทุกคนที่มาก็ต้องชื่นชม และพวกเขาก็สู้อย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่ามาตรฐานมันสู้กันไม่ได้ ฟุตบอลระดับยุโรป แล้วจอร์เจียเขาก็มาแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ ไอ้เราเอาทีมสำรองไปเตะกับเขาแบบนี้ ไม่โดน 10-0, 12-0 มาก็ถือว่าบุญแล้ว

สุดท้ายก็อยากจะฝากคำถามไปถึงบรรดาสโมสรที่ไม่ยอมปล่อยตัวนักเตะมาให้ทีมชาติครั้งนี้ ว่าคุณโอเคไหมกับผลการแข่งขันของทีมชาติไทย มันคือสิ่งที่คุณอยากให้เป็นแบบนี้เหรอ

แล้วตอนนั้นที่มานั่งแถลงข่าวบอกว่าทีมชาติไทย ต้องมาก่อน ทีมชาติไทยต้องเป็นอันดับนึง แล้วทำไมปล่อยให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้น ปัญหาลึกๆ มันคืออะไร ผมไม่รู้หรอกที่ไม่ยอมปล่อยนักเตะมา แต่จงรู้ไว้ว่านี่คือทีมชาติไทย ไปเล่นให้ประเทศชาติ ทุกคนควรร่วมมือกัน ทำเพื่อชาติไม่ใช่เหรอ 

โอเคละว่าตอนซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ หรืออาเซียน คัพ มันไม่ใช่ฟีฟ่าเดย์ ก็มีข้ออ้างกันที่จะไม่ปล่อยนักเตะมา แต่นี่มันฟีฟ่าเดย์ คุณก็ยังหาข้ออ้างมาอีกจนได้ เนื่องด้วยเพราะประโยชน์ของสโมสรนั้นมาก่อนทีมชาติ แบบนี้ก็เลิกฝันเถอะครับ เรื่องไปบอลโลก 

อยู่กันไปแบบนี้แหละครับ ทีมชาติไทย ฟุตบอลไทย ไม่ต้องไปไหนหรอกครับ เอาแชมป์แค่ในอาเซียน เล่นเพื่อสุขภาพกันต่อไป ไทยแลนด์ ปู้นๆ

ปล.ทิ้งท้ายอีกนิด ทีมชาติไทยยังเหลือโปรแกรมอุ่นเครื่องที่ยุโรปอีกนัด โดยจะพบกับเอสโตเนีย 17 ตุลาคมนี้ มารอดูกันว่าผลจะเป็นเช่นไร

#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline