logo-heading

เชื่อว่าหลายๆ สื่อหรือแฟนบอลหลายๆ คน รวมไปถึงทีมงาน ขอบสนาม และ ขอบสนามบอลไทย ได้ลงสิ่งแย่ๆ หรือมุมที่มันไม่ดีที่มันเกิดขึ้นหลังเกมของ ทีมชาติไทย ที่บุกไปโดน ทีมชาติจอร์เจีย ยิง 8-0

แต่เชื่อเถอะว่าการพ่ายแพ้เกมนี้มันยังพอมีมุมดีๆ ให้พูดถึงอยู่บ้าง พวกเราในฐานะคนทำบอลไทยขอพูดถึง 5 ข้อดีที่เกิดขึ้นในเกมเมื่อวานนี้หน่อยล่ะกัน 

 

1. ยศกร บูรพา เด็ก ม.5 เล่นทีมชาติชุดใหญ่เกมแรก 

แม้ว่านี่จะไม่ใช่ ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ที่ดีที่สุดของใครหลายต่อหลายคน เพราะตัวเบิ้มๆ ไม่มีชื่อติดมาเลย แต่สำหรับเด็กหนุ่มวัยที่กำลังเรียนอยู่แค่ ม.5 มันคงไม่ใช่แบบนั้น เพราะเขากลับมีชื่อเขาติดมาด้วยและเป็นการติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ครั้งแรกของเขา และไม่เท่านั้นเขายังได้รับโอกาสแบบเต็มๆ ตลอดในช่วงครึ่งเวลาหลัง แม้จะจบด้วยสถิติ 0 การง้างยิง 0 การแอสซิสต์ และโดดเดี่ยวในการยืนหน้าเป้า แต่อย่างน้อย ยศกร บูรพา ได้จารึกชื่อของตัวเองว่าเล่นทีมชาติไทยไปแล้วเมื่ออายุแค่ 18 ปีเท่านั้น 

2. ทีมชาติไทยได้เจอนักเตะเกรดที่ดีที่สุดในรอบหลายปี

อันนี้คือของจริงเลยสำหรับคู่แข่งของทีมชาติไทยอย่าง ทีมชาติจอร์เจีย ที่เจอกันมาสดๆ ร้อนๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยเชิญหลายชาติมาเล่นใน คิงส์ คัพ แต่ก็ไม่ได้ดีกรีดีขนาดนี้ เพราะนี่คือการเจอกับทีมชาติที่แรงส์กิ้งฟีฟ่าอยู่ต่ำกว่าอันดับ 80 ของโลก (จอร์เจีย อันดับ 78) แถมผู้เล่นหลายๆ คนเล่นอยู่ในลีกชั้นนำของยุโรป ซึ่งทั้งหมดมันเห็นโคตรชัดเมื่ออยู่ในสนามทั้ง สปีดบอล, พละกำลัง, ความแข็งแกร่ง และ ความแม่นยำ อีกทั้งเมื่อเราต้องมาเล่นเกมเยือนมันปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเขาโคตรเอาจริง และแน่นอนเอาจริงจนสกอร์มันไหลไปถึง 8-0 นั่นแหละ 

 

3. ได้เห็นความใจสู้ของนักเตะทุกคน

แม้สกอร์จะไหลไปถึง 8 ประตูที่เราโดน ทีมชาติจอร์เจีย ยิงเข้าไปจนทำให้เป็นสถิติการชนะสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของเขาทันที แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นนักบอลทีมชาติไทยทุกคนที่ลงไปในสนามก้มหน้าก้มตาสู้อย่างสุดความสามารถทั้งวิ่งไล่บี้บอลแดนบน, กล้าลองแกะเพลสซิ่งเขาดู, กล้าจ่าย+กล้าเล่น แม้จะยังมีข้อผิดพลาด และสุดท้ายตลอด 90 นาทีเราจะสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเรียกว่าบอลคนละคลาสกันเลยก็ได้ แต่ขอนับถือหัวจิตหัวใจของน้องๆ นักบอลทุกคนที่ลงไปทำหน้าที่ในเกมเมื่อคืนนี้ครับ 

4. นักเตะหลายคนได้โอกาสลงเล่นให้ช้างศึกชุดใหญ่

อีกข้อของมุมดีๆ คือนัดนี้ได้สร้างโอกาสให้กับนักบอลดาวรุ่งหลายๆ คนที่ยังไม่เคยติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ รวมไปถึงอีกหลายๆ คนที่สร้างสนามไปนานก็ได้รับโอกาสในเกมนี้เช่นกัน เอาแค่นักเตะใหม่แบบถอดด้ามอย่างพวก ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท กับ ยศกร บูรพา ที่ได้ลงไปสัมผัสเกมแบบเยอะหน่อยในนัดที่เล่นกับ จอร์เจีย เช่นเดียวกับ อาทิตย์ เบิร์ก กองหน้าจากนครปฐมฯ ที่ได้ลงไปลุยในช่วงท้ายเกม ณ ตอนนี้จึงเหลือแค่ 2 คนอย่าง ศุเมธี โคกโพธิ์ นายด่าน การท่าเรือ เอฟซี และ เจมส์ เบอร์เรสฟอร์ด แบ็กขวา อุทัยธานี เอฟซี ที่ต้องรอโอกาสในเกมนัดต่อไปกับ เอสโตเนีย ในวันอังคารนี้ สำหรับโอกาสในครั้งนี้ยังรวมไปถึงนักเตะอย่าง อดิศร พรหมรักษ์ ที่ห่างหายไปนานกับทีมชาติไทยก็ยังรออยู่ที่ข้างสนาม เช่นเดียวกับพวก จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ นายด่านฝีมือดีที่เคยติดทีมชาติชุดใหญ่มาแล้ว แต่ยังรอโอกาสการนับหนึ่งอยู่ ซึ่งไม่แน่ว่าอีกหนึ่งนัดเราอาจะได้เห็นน้องลงมาเฝ้าเสาเป็นครั้งแรกก็เป็นได้ เพราะการลุยยุโรปในครั้งนี้มันคือรายการสำหรับแข้งหน้าใหม่ที่พร้อมลงเล่นล้วนๆ 

 

5. ได้รู้ว่าในวันที่แพ้ แต่มีแฟนบอลพร้อมหนุนหลัง (นักเตะและทีมงาน)

ข้อนี้คือความชัดเจนที่เกิดขึ้นหลังจบเกมด้วยสกอร์ที่เราแพ้แบบขาดลอยถึง 8-0 ด้วยสภาพทีมที่พร้อมที่สุดที่เอาไปลงเล่น ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุดของเราที่มาไม่ได้ด้วยข้อแม้อะไรที่เราๆ ท่านๆ ทราบกันดี แต่อย่างน้อยเราได้เห็นพลังของแฟนบอลที่ส่งไปยัง "นักเตะ" และ "ทีมงาน" ที่ไปสู้อยู่ที่ยุโรป พร้อมกับไม่มีใครโทษนักบอลหรือสต๊าฟฟ์โค้ชเลยสำหรับความพ่ายแพ้แบบเละเทะในนัดนี้ เพราะทุกคนรู้ดีว่านี่คือ "ที่สุด" แล้วของ ทีมชาติไทย ในตอนนี้ เชื่อว่ากำลังใจจากตรงนี้ส่งไปถึงทุกๆ คนที่นั่นแน่นอน รวมไปถึงพวกเราทีมงาน ขอบสนาม และ ขอบสนามบอลไทย ขอเป็นหนึ่งในกำลังใจที่มีให้กับนักบอลและทีมงานช้างศึกทุกๆ คนด้วยครับ 

และสุดท้ายขอให้การแพ้ 8-0 ด้วยสภาพที่เราไปเล่น ฟีฟ่า เดย์ ในครั้งนี้ส่งผลกระทบแบบเต็มๆ ไปยังผู้ใหญ่ในทีมชาติไทย หรือให้ไปถึงสมาคมฟุตบอลไทย ได้ตระหนักหรือได้คิดทบทวนว่าสิ่งที่ทำกันอยู่ในตอนนี้มันถูกแล้วจริงๆ เหรอ ??? ก่อนที่พลังศรัทธาของแฟนๆ ฟุตบอลไทยมันจะไม่มีเหลืออีกต่อไป !!!

 

บอลพาดู

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline