logo-heading

ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2023/24 ผ่านพ้นไปแล้ว 8 นัด จ่าฝูงเวลานี้คือทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี ที่นำหัวตารางมาได้ 2-3 สัปดาห์แล้ว หรือฤดูกาลนี้พวกเขาจะเป็นอีกทีมที่ขอท้าชิงแชมป์ไทยลีก ร่วมกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ก่อนเริ่มฤดูกาลทีม "สิงห์เจ้าท่า" ถูกมองว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพทั้งเรื่องเงินทำทีม ทั้งเรื่องขุมกำลังตัวผู้เล่น ที่มีดีพอจะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์ไทยลีกได้ แต่กระนั้นก็ไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะไปถึงแชมป์ได้จริงๆ 

อาจจะด้วยเรื่องของความสม่ำเสมอ อาจจะด้วยชื่อชั้นของโค้ช รวมทั้งการยืนระยะที่มักจะตกม้าตายในช่วงโค้งสุดท้ายเป็นประจำ จึงไม่มีใครคิดว่าการท่าเรือ จะไปถึงแชมป์ได้ เต็มที่อาจจะได้ลุ้นจบที่ 2 หรือที่ 3 เหลืออย่างแย่อาจจะจบที่ 4 ประมาณนี้

แต่หลังจากผ่านไป 8 เกม ตอนนี้ก็ต้องบอกตามตรงว่าการท่าเรือ เอฟซี ถือเป็นทีมที่มีผลงานดี และต่อเนื่องทีมนึง และก็ไม่ผิดถ้าใครจะบอกว่าพวกเขามีลุ้นแชมป์เต็มตัวในฤดูกาลนี้

8 เกมที่ผ่านมา "สิงห์เจ้าท่า" เพิ่งจะพบกับความปราชัยไปแค่เกมเดียว หลุดเสมอไป 1 เกม เก็บชัยไปได้ถึง 6 เกม และจุดเด่นซีซั่นนี้ของท่าเรือก็คือเกมรุกที่จัดจ้านและผลิตสกอร์ได้เยอะมากที่สุดในลีก ยิงไปแล้ว 26 ประตู แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เสียประตูเยอะเช่นกัน โดนยิงไปถึง 11 ประตู ซึ่งก็โดนยิงเยอะสุดในบรรดาทีมหัวตาราง

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าการท่าเรือ จะนำจ่าฝูงไทยลีกอยู่ในตอนนี้ แต่พวกเขานั้นลงเตะมากกว่าสองทีมเต็งแชมป์อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ 1 นัด และมากกว่าทรู แบงค็อก 2 นัด ซึ่งถ้าสมมติว่าเตะเท่ากัน แล้วทั้งบุรีรัมย์ กับทรู แบงค็อก ชนะเกมตกค้างทั้งคู่ การท่าเรือ จะอยู่อันดับ 2 ของตารางจะตามหลังบียู 3 แต้ม และจะนำบุรีรัมย์ อยู่ 1 แต้ม

จะเห็นได้ว่าก็ยังประมาณทั้งสองทีมนี้ไม่ได้ รวมทั้ง บีจี ปทุมฯ ก็เป็นอีกทีมที่เริ่มเข้าที่และเกาะกลุ่มหัวตารางอยู่ในเวลานี้ด้วยเช่นกัน แต่อย่างที่บอก ถึงแม้ว่าท่าเรือ จะเตะมากกว่าและมีโอกาสโดนแซงโดนลดช่องว่างของทีมตามขึ้นมา แต่มันก็ไม่ได้การันตีว่าทั้งสองทีมที่บอกไปจะเก็บชัยชนะเกมตกค้างได้อย่างที่คิด ดังนั้นนำก่อนได้เปรียบก่อน

การท่าเรือ เอฟซี ฤดูกาล 2023/24

แต่หากถามว่าอะไรที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ฤดูกาลนี้การท่าเรือ ออกสตาร์ทได้ดีใน 8 นัดแรก และนำเป็นจ่าฝูงไทยลีกอยู่ในเวลานี้ เรามาลองวิเคราะห์ไปด้วยกัน

1.เกมรุกจัดจ้าน

ข้อแรกเลยก็คือเกมรุกของการท่าเรือ ที่บอกข้างต้นไปว่าพวกเขาคือทีมที่ยิงได้เยอะสุดตอนนี้ 26 ประตู เฉลี่ยแล้วเกมละ 2-3 ลูกต้องมี ซึ่งพวกเขามีตัวจบสกอร์ที่เฉียบคมทั้ง แฮมิลตัน, ทาร์เดลี่, บดินทร์ ไหนจะสำรองอย่าง ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่ลงมาเมื่อไหร่ก็ยิง แถมยังมีตัวเปิดบ้านชั้นเยี่ยมอย่าง ปกรณ์ เปรมภักดิ์, เควิน ดีรมรัมย์ อีก ทำให้ปีนี้เกมรุกท่าเรือจี๊ดจ๊าดมากๆ

2.ขุมกำลังที่เพรียบพร้อม

อีกปัจจัยก็คือเรื่องขุมกำลังในทีม ที่สิงห์เจ้าท่า มีตัวเลือกในแต่ละตำแหน่งเยอะมากไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า พวกเขามีตัวทดแทนกันในแบบที่ศักยภาพไม่ต่างกันมากด้วย ทำให้สามารถทดแทนกันได้ และเล่นได้หลายรูปแบบ หลากหลายแท็กติก 

3.คว้าชัยต่อเนื่องยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ

8 เกมที่ผ่านมาพวกเขาเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีสะดุดบ้าง 2 เกมที่หลุดเสมอนัดแรกกับนครปฐม กับอีกเกมบุกไปแพ้ตราด เท่านั้นเอง นอกนั้นอีก 6 เกมชนะรวด ยิ่งชนะได้ต่อเนื่องมันก็ส่งผลต่อความมั่นใจของนักเตะ โดยเฉพาะเกมในบ้านพวกเขาดุดันมาก ใครมาเยือนก็ยากที่จะมีแต้มกลับออกไป

4.กระหายความสำเร็จ

อีกข้อนึงก็คือเรื่องการกระหายความสำเร็จ ซึ่งการท่าเรือ ยังไม่เคยได้แชมป์ไทยลีก มาก่อน แชมปืล่าสุดก็คือแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2019 นี่จึงเป็นสิ่งที่ทั้งประธานสโมสรอย่าง "มาดามแป้ง" แฟนบอลสิงห์เจ้าท่า สตาฟฟ์โค้ช และตัวนักเตะเองก็ใฝ่ฝันที่จะประสบความสำเร็จบนลีกสูงสุดของเมืองไทยให้ได้ ทำให้พวกเขาต้องการเก็บชัยชนะไปเรื่อยๆ เพื่อนำจ่าฝูง และเพื่อโอกาสการเข้าใกล้กับคำว่าแชมป์ในไทยลีก อย่างที่ฝันเอาไว้

"มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี

แต่ก็นั่นแหละหนทางยังอีกยาวไกล ฤดูกาลนี้ยังเหลืออีกตั้ง 22 เกม ทุกอย่างมันเป็นไปได้หมด การท่าเรือ อาจจะนำแบบนี้ไปจนเป็นแชมป์ หรืออาจจะฟอร์มตกในเลกสองค่อยร่วงลงมา หรืออาจจะจบท็อปทรีหรือท็อปโฟร์ เหมือนปีก่อนๆ ทุกอย่างเป็นไปได้

นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญและท้าทายของการท่าเรือ ว่าพวกเขาจะยืนระยะ รักษาฟอร์มแบบนี้ได้ไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่

และที่สำคัญก็คือพวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ดีพอไหมที่จะเป็นแชมป์ไทยลีก ซึ่งเราก็ต้องมารอดูกันว่าท้ายที่สุดแล้ว "สิงห์เจ้าท่า" จะไปจบที่ตรงไหน ในฤดูกาลนี้

 

#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline