logo-heading

ฤดูกาลนี้เริ่มต้นไปแล้ว 1 ใน 4 ของฤดูกาล ลงเล่นไปแล้ว 9 นัด เสมอ 1 แพ้ 2 มี 19 คะแนน รั้งอันดับ 5 ของตาราง แต่ที่พีคไปกว่านั้นก็คือ ทีมสิงห์ผงาด ของ อูไน เอเมรี่ ได้ถลุงตาข่ายไปแล้ว 23 ประตู และเป็นทีมที่ยิงได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก เป็็นรองเพียงแค่ นิวคาสเซิ่ล ทีมเดียวเท่านั้น

แถมผลงานได้บ้านเองก็จัดได้ว่าแข็งแกร่งสุดๆ ซึ่งชนะมา 11 นัดติดต่อกันแล้วในบ้าน ยิงไปถึง 31 ประตู เสียไปเพียง 5 ประตู เท่านั้น

วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าทำไม แอสตัน วิลล่า ภายใต้การนำทัพของ อูไน เอเมรี่ ถึงทำผลงานได้ดีเกินหน้าเกินตาจริงๆ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันครับ

[ มากไปด้วยประสบการณ์ ]

ถ้าถามถึงเรื่องประสบการณ์ในการคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ ต้องบอกคำเดียวคำว่า “โชกโชน” เลยทีเดียว โดย เจ้าตัวเริ่มฉายแสงตั้งแต่สมัยที่คุม บาเลนเซีย ในช่วงปี 2008-2011 ซึ่ง กุนซือทีมชาติสเปน ได้พาทัพค้างคาว ไปลุยฟุตบอลยุโรปถึง 3 ครั้ง จาก 4 ปี แม้ บาเลนเซีย ณ เวลานั้นจะมีปัญหาในเรื่องการเงินอย่างหนักก็ตาม

แต่ผลงานชิ้นโบว์แดงของ อูไน เอเมรี่ ที่ทำให้เจ้าตัว เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างนั่นก็คือ การพา เซบีย่า คว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ถึง 3 สมัยติดต่อกัน ในปี 2013/14, 2014/15, 2015/16

ทว่ากับ เปแอเช ถึงแม้จะไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักแต่ อูไน เอเมรี่ ก็ถือว่าทำผลงานได้ตามมาตรฐานของทีม แม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝันในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม โดยตลอดระยะเวลาในการคุมทีม เจ้าตัวก็กวาดแชมป์ไปถึง 7 ถ้วยด้วยกัน ได้แก่ แชมป์ ลีก เอิง 1 สมัย, เฟรนซ์ คัพ 2 สมัย, เฟรนซ์ ลีกคัพ 2 สมัย และ เฟรนซ์ ซุปเปอร์คัพ 2 สมัย

ถึงจะคว้าแชมป์มาแล้วมากมาย แต่สุดท้าย อูไน เอเมรี่ เหมือนเอาชื่อมาทิ้งที่ อาร์เซน่อล เพราะเจ้าตัวล้มเหลวสุดๆกับทีม ปืนใหญ่ แม้ช่วงแรกจะทำผลงานได้ดีก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วก็ดิ่งลงเหว 

เนื่องจากเจ้าตัวคุมห้องแต่งตัวไม่ได้ บวกกับเจ้าตัวยังหา 11 ตัวจริงที่ลงตัวไม่เจอ และขาดความชัดเจนในแผนการเล่น ทำให้ผลงานในช่วงท้ายกับ อาร์เซน่อล เรียกได้ว่าสอบตกสุดๆ

โดยในฤดูกาล 2019/20 อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ ชนะได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น จากการลงสนาม 9 นัด รั้งอันดับ 8 ของตาราง

ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกปลดออกไปในช่วงก่อนตลาดหน้าหนาว ในเดือนมกราคม เรียกได้ว่าเป็นฟอร์มที่แย่ที่สุดของ อาร์เซน่อล นับตั้งแต่ปี 1992 เลยก็ว่าได้

ถึงแม้จะล้มเหลวในเวที พรีเมียร์ลีก กับ อาร์เซน่อล แต่ อูไน เอเมรี่ ก็มากอบกู้ชื่อเสียงของตัวเอง โดยการพา บียาร์เรอัล คว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก ในปี 2020/21 สมฉายา “เจ้าพ่อยูโรป้า” จริงๆ

 

 

[ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ]

อูไน เอเมรี่ นั้นเปิดเผยว่าตัวเขาทำงานอย่างหนักวันละมากกว่า 10 ชั่วโมงในการวิเคระห์แทคติกของคู่แข่งในแต่ละนัด 

หลังจากนั้น อูไน เอเมรี่ จะขอความคิดเห็นจากทีงานสต๊าฟโค้ช และอาจจะต้องใช้เวลาถึงสองวันในการวิเคระห์ข้อมูลอย่างละเอียด รวบรวมข้อมูลเก็บสถิติ รวมไปถึงจุดเด่นจุดด้อยของทีมฝั่งตรงข้าม และเขียนเป็นรายงานฉบับเต็มเกี่ยวกับผลงานของทีมในแต่ละเกมออกมา

เพื่อที่จะได้เห็นแผลหรือปัญหาของทีมว่า จะต้องแก้ไขไหนจุดไหน และพัฒนาหรือปรังปรุงต่อไปในเกมถัดไปอย่างไร  เรียกได้ว่าเก็บทุกรายละเอียดจริงๆ

นอกจากนั้น อูไน เอเมรี่ ยังต้องการยกระดับผลงานผู้เล่นให้สูงขึ้นไปอีก เพื่อที่จะพัฒนาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง และกลับไปเล่นในเวทียุโรปให้ได้ แม้การแข่งขันในพรีเมียร์ลีกจะสูงมากก็ตาม

-------------------

[ แทคติคที่ไม่ซับซ้อน แต่มีประสิทธิภาพ ]

แผนการเล่นของ อูไน เอเมรี่ เรียกได้ว่า “Simple is The best” จริงๆ โดยในเกมรับจะใช้แผน 4-4-2 ซึ่งแผนนี้จะทำให้มีพื้นที่ระหว่าง กองหลัง และ กองกลาง น้อยมาก ส่งผลให้คู่ต่อสู้เจาะเข้ามาลำบาก แถมปีกทั้งสองข้างยังขยับเข้ามาเล่นตรงกลางมากขึ้น ทำให้เหมือนมี มิดฟิลด์ อยู่ 4 คน

ส่วนในเกมรุก จะยืน 4-4-2 บ้าง 4-2-3-1 บ้าง โดยวิธีการเล่นเกมรุกของ เอเมรี่ จะเน้นจังหวะไม่เยอะ โจมตีรวมเร็ว อาศัยจังหวะโต้กลับเป็นไม้เด็ด โดยจะใช้ กองหน้าทั้งสองคนที่มีความเร็วจัดจ้านคอยเล่นงานคู่ต่อสู้ อย่าง โอลลี่ วัตกิ้นส์ และ มุสซ่า ดิยาบี้ 

กองกลางเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปลสำคัญเหมือนกัน โดยเฉพาะตำแหน่ง “ดับเบิล พิวอต” สองคนอย่าง บูบาการ์ กามาร่า และ ดักลาส หลุยซ์ ที่เป็นเหมือนฟันเฟืองสำคัญในแผงมิดฟิลด์ นอกจากนั้น ยังมี จอห์น แม็คกินน์ ที่เป็นเหมือนตัวฟรีคอย ซัพพอร์ต ทั้งเกมรุก และ เกมรับ

นอกจากนั้น แบ็กทั้งสองข้างเองก็เป็นอีกหนึ่งอาวุธเด็ดของ อูไน เอเมรี่ อีกเช่นเดียวกัน โดยจะให้ แบ็กคอยสลับกันเติมขึ้นไปครอสบอล หรือสอดขึ้นไปทำประตูก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะทางฝั่ง แมตตี้ แคส ที่มักจะมีชื่อเป็นคนทำประตู หรือแอสซิสต์ อยู่บ่อยครั้ง

-------------------

[ การเสริมทัพที่ตรงจุด ]

การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ของ แอสตัน วิลล่า ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยการดึงเด็กเก่าสมัยที่อูไน เอเมรี่ ยังเป็นกุนซืออยู บียาร์เรอัล อย่าง เปา ตอร์เรส เข้ามาเสริมแดนหลัง เนื่องจาก ไทรอน มิงส์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง

ในฤดูกาลที่แล้วเราจะเห็นได้ชัดเลยว่า ความหวังในการทำสกอร์ของทีม สิงห์ผงาด จะขึ้นอยู่กับ โอลลี่ วัตกิ้นส์ อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเกมไหน กองหน้าชาวงอังกฤษรายนี้ โชว์ฟอร์มไม่ออก ก็แทบจะไม่มีตัวเปลี่ยนเกมได้เลย

อูไน เอเมรี่ เลยไปจัด มุสซ่า ดิยาบี้ ปีกชาวฝรั่งเศส จาก เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีม โดยหวังว่าจะเป็นตัวซัพพอร์ต โอลลี่ วัตกิ้นส์ ได้ และเจ้าตัวถือว่าทำผลงานได้เข้าตาเลยทีเดียว ลงสนามไปทั้งหมด 9 นัดในลีก ยิงไป 2 ประตู 1 แอสซิสต์

ไหนจะมี ยูริ ตีเลอมันส์ ที่ไปดึงตัวมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ หลังหมดสัญญากับทีม จิ้งจอกสยามในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยถูกส่งลงสนามมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเพิ่มขุมกำลังเชิงลึกให้ดีมากยิ่งขึ้น

นอกจากการเสริมทัพที่ดีแล้ว อูไน เอเมรี่ ยังปลุกปีศาจในตัวของ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง โดย ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ รายนี้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ลงสนามไปทั้งหมด 14 นัดรวมทุกรายการ ยิงไป 8 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์

เรียกได้ว่าเป็นทีมม้ามืดของจริงสำหรับ แอสตัล วิลล่า ภายใต้กุนซืออย่าง อูไน เอเมรี่ ต้องมาดูกันต่อไปว่าในระยะยาวทีมของ กุนซือชาวสเปนรายนี้ จะรักษามาตรฐานแบบนี้ได้หรือไม่ เพราะถ้าทำได้การที่จะฝันไปไปเล่นในเวทียุโรปถ้วยใหญ่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นเหมือนกัน

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline