logo-heading

แน่นอนว่าความสำเร็จครั้งนี้ของ เมสซี่ ต้นเหตุสำคัญมาจากการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกกับ อาร์เจนติน่า ที่เขาเปรียบเหมือนจุดศูนย์กลางของทีม และพี่ชายที่ทุกคนรอบข้างพร้อมวิ่งแบบถวายหัวเพื่อโทรฟี่แชมป์ทองคำใบนั้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา การแย่งชิงของรางวัลบอลทองคำคือ 2 นักเตะผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งถ้าคุณตัดอคติทั้งหมดออกไป จะมองเห็นว่าทั้งสองคือความยอดเยี่ยมของวงการลูกหนังที่ไม่รู้อีกกี่ปีจะพบเจอนักเตะในลักษณะแบบนี้

ฉะนั้นมันไม่แปลกเลยที่นับตั้งแต่ปี 2007  เป็นต้นมาบนโพเดียมรับรางวัลทั้ง เมสซี่ และ โรนัลโด้ จะสลับกันแตะมือกันขึ้นคว้ารางวัลมาตลอด จนกระทั่งในช่วงหลังที่ความสำเร็จเริ่มแปรเปลี่ยน จะบอกว่าผลัดใบก็คงไม่ได้ เพราะคนที่ได้รับรางวัลต่างเป็นบุคคลวัยเก๋าทั้งนั้น

\"บัลลง ดอร์\" ครั้งหน้า กับโอกาสที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

แต่กับในครั้งนี้มันแถมจะเป็นการบอกได้ชัดเจนว่าแล้วว่ายุคทองของ บัลลง ดอร์ ระหว่าง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นการเปิดทางสู่ยุคของดาวเตะในยุคใหม่ เจนเนอเรชั่นใหม่ และดาวดวงใหม่ในการสืบสานตำนานต่อไป

อย่างที่ เมสซี่ ได้กล่าวในงานครั้งล่าสุดว่าในอนาคตอันใกล้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ หรือ คีเลียน เอ็มบัปเป้ สักวันหนึ่งจะก้าวขึ้นมาทดแทน และยืนในจุดเดียวกับที่เขากำลังทำ

คำกล่าวแบบนี้มันบ่งบอกได้เลยว่ายุคสมัยของฟุตบอลกำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิม และ บัลลง ดอร์ ในครั้งต่อๆ ไปมันจะเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นสำหรับดาวเตะรุ่นใหม่ หรือแม้กระทั่งวัยเก๋าถ้าผลงานของคุณเฉิดฉายมากพอ

ถ้าไล่เรียงมองไปที่กลุ่มเหล่าดาวรุ่งก็จะตีวงแคบลงเหลือไม่กี่คนที่จะเข้าไปเป็นแคนดิเดตลุ้นบอลทองคำไปครองครั้งแรกในกี่ราย

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ย่อมถูกยกมาเป็นเต็งตัวต้นๆ จากผลงานที่ยังคงร้อนแรงอยู่ในตอนนี้ แน่นอนว่าฤดูกาลนี้งานของเขาย่อมยากมากขึ้น เพราะซีซั่นก่อนขีดมาตรฐานตัวเองไว้ค่อนสูงทั้งตัวเลขทำประตู หรือการคว้า 3 แชมป์

แต่ทั้งนี้ถ้าเจ้าตัวยังคงเดินหน้าล่าประตูอยู่เรื่อยๆ และมีความสำเร็จสัก 1 หรือ 2 โทรฟี่ โอกาสจะคว้ารางวัลดังกล่าวก็สูงไม่น้อย

\"บัลลง ดอร์\" ครั้งหน้า กับโอกาสที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

ในรายของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ว่ากันตามตรงฤดูกาลนี้ไม่ค่อยถูกหยิบมาพูดถึงมากนัก แม้ในลีก เอิง จะนำเป็นดาวซัลโวอยู่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ถ้าสามารถพา เปแอสเช ไปไกลถึงตำแหน่งแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ไม่แน่เหมือนกันในการถูกส่งชื่อเป็นแคนดิเดต

อีกรายที่มีโอกาสมากเหลือเกินคือ จู๊ด เบลลิงแฮม กองกลางที่สวมวิญญาณกองหน้าทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แถมเข้ามาเป็นจิ๊กซอว์สำคัญให้กับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลนี้ได้อย่างลงตัว

ว่ากันตามฟอร์ม เบลลิงแฮม เกินคำว่ายอดเยี่ยมไปไกลมากๆ ในซีซั่นนี้ และด้วยการค้าแข้งอยู่กับ เรอัล มาดริด โอกาสประสบความสำเร็จย่อมสูงตามไปด้วย ทั้งแชมป์ในสเปน หรือบอลถ้วยยุโรป เชื่อเหลือเกินว่าถ้าฤดูกาลนี้ “ราชันชุดขาว” เถลิงบัลลังก์ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ชื่อของ จู๊ด คงเป็นเต็งต้นๆ ของ บัลลง ดอร์ เป็นแน่

ส่วนคนอื่นๆ ที่ก็มองข้ามไม่ได้เช่นกันอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ หรือ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทว่าทั้งคู่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในเงาของ ฮาแลนด์​ กับ เบลลิงแฮม เพราะผลงานของ 2 รายหลังกำลังเข้าฝักแบบสุดๆ แต่กระนั้นทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้น บางทีอาจกลายเป็นเขาที่ผลงานโดดเด่นขึ้นมาแทน

หรือแม้แต่ จามาล มูเซียล่า ที่ครั้งหนึ่งเจ้าตัวเคยออกมาพูดว่า บัลลง ดอร์ คือเป้าหมายในชีวิติค้าแข้ง ก็ไม่แน่ที่จะได้โอกาสขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น 

ไหนจะเด็กๆ จาก ลา มาเซีย ทั้ง เปดรี้ หรือ กาบี ก็อยู่ในข่ายที่ได้ลุ้นเช่นเดียวกัน เพราะฝีเท้า และผลงานก็สามารถจับต้องได้ไม่แพ้กัน

คราวนี้ไปดูพวกฝั่งคนวัยเก๋าที่ก็อาจเข้ามามีเอี่ยวลุ้นความสำเร็จกันบ้าง ในช่วงที่ผ่านมาผลงานของนักเตะอย่าง ลูก้า โมดริช หรือ คาริม เบนเซม่า สามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าฟอร์มดีจริง สร้างอิมแพ็คต่อทีมได้ รางวัล บัลลง ดอร์ คุณก็สามารถคว้ารางวัลมาครองได้

ถ้าสอดส่ายสายตาในตอนนี้วัยเก๋าฟอร์มดีก็อย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ จาก แอตเลติโก มาดริด ที่สอยไปแล้ว 9 จาก 13 ประตู ให้ทีม พร้อมพาทัพ “ตราหมี” รั้งอันดับ 3 ของลาลีกา ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ลีก ก็รั้งอันดับ  2 ของกลุ่ม

เช่นเดียวกับในเคสของ แฮร์รี่ เคน แม้ในตอนนี้ บาเยิร์น จะไม่ใช่จ่าฝูงแห่งบุนเดสลีกา แต่กับผลงานส่วนตัวยังคงร้อนแรงเช่นเคยกระหน่ำไปแล้ว 14 ตุง จาก 13 นัดในทุกรายการ และด้วยยี่ห้อของ  “เสือใต้” โอกาสลุ้นความสำเร็จในระดับสูงย่อมมีเยอะขึ้นตามไปด้วย

\"บัลลง ดอร์\" ครั้งหน้า กับโอกาสที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

อีกคนที่ยังมองว่าน่าสนใจคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่เคยอกหักเป็นพระรองเมื่อปี 2021 หรือการมอบรางวัลถูกยกเลิกในปีที่เขาควรได้อย่าง 2020 ยังคงอยู่ในวงโคจรที่ตัดชื่อทิ้งไปไม่ได้ ผลงานในตอนนี้ก็ไม่ขี้เหร่ทำไปแล้ว 6 ประตู จาก 11 เกม ยังมีเวลาให้เร่งสปีดอีกเพียบ

อย่างที่กล่าวไป บัลลง ดอร์ ในครั้งหน้าจะเป็นการเปิดกว้างมากเหลือเกินสำหรับผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล แต่ทุกอย่างยังคงอยู่ในพื้นฐานเดิมคือผลงานส่วนตัว บวกกับความสำเร็จของนักเตะคนนั้นๆ ว่าคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดไหน

แน่นอนตอนนี้คงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึง แต่ที่แน่ๆ คงบอกว่าได้ บัลลง ดอร์ จะกลับเข้าสู่ความหลากหลายที่ไม่ได้มีมหาอำนาจแบบที่ โรนัลโด้ หรือ เมสซี เป็นแบบในช่วงที่ผ่านมา

หรือไม่แน่บางทีอนาคตอันใกล้อาจเป็นการแก่งแย่งชิงดีกันของ 2 ดาวเตะรุ่นใหม่ในการก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนของ เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ ก็เป็นได้ แต่มันคงไม่ใช่เรี่องง่ายที่จะปรากฎขึ้น

ลิโอเนล เมสซี่ 8 สมัย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 5 สมัย 

ยากนักที่จะหาใครสักคนมาทดแทน หรือก้าวขึ้นมาเทียบเคียงในยุคสมัยที่นักเตะทั้ง 2 คน โลดแล่นในระดับสูงเช่นนี้

จากนี้ บัลลง ดอร์ คงเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้มาท้าชิง และคงมีหลายคนเป็นแคนดิเดตที่จะได้ครองรางวัลบอลทองคำลูกนี้

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline