logo-heading

นับว่าเป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของ โปลิศ เทโร เอฟซี เลยก็ว่าได้ ในการเข้ามาจับมือทำข้อตกลง (MOU) ระหว่างสโมสรกับกลุ่มทุนรายใหม่ที่มาจากประเทศกัมพูชา และมีเชื้อสายราชวงศ์

นำโดย พระองค์เจ้านโรดม อมฤทธิวงศ์, พระองค์เจ้านโรดม นฤทธิพงศ์ และ พระองค์เจ้านโรดม รวิจักร ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวสนใจเข้าไปเทคโอเวอร์สโมสร แซงต์-เอเตียน ทีมในศึก ลีกเอิง ฝรั่งเศส แต่ท้ายที่สุดดีลนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ทว่าเลือกเข้ามาร่วมลงุนกับ ทัพ “มังกรไฟ” ในศึก ไทยลีก แทน

ในแง่มุมหนึ่งก็มองว่าเป็นผลดีกับสโมสรในการได้เม็ดเงินเข้ามาสู่สโมสร และอีกแง่มุมก็ต้องมีคำถามจากเหล่าแฟนบอลว่าทิศทางของทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน และเป็นสิ่งที่รับได้หรือไม่

ทีมงานขอบสนามบอลไทย จะพามาวิเคราะห์สิ่งที่จะทำให้อดีตทีมดีกรีแชมป์ลีกสูงสุด 2 สมัย และรองแชมป์ศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เปลี่ยนแปลงไปหลังจากนี้ไปมีอะไรบ้าง

อันดับแรก คือ สิ่งที่แฟนกังวลใจมากที่สุดหนีไม่พ้นการเปลี่ยนชื่อหรือการย้ายถิ่นฐานไปเล่นที่อื่น โดยเรื่องนี้ พระองค์เจ้านโรดม อมฤทธิวงศ์ หนึ่งในผู้เข้ามาร่วมลงทุน ได้เปิดเผยอย่างชัดเจนว่าเวลานี้จะยังไม่มีเปลี่ยนแปลงใดๆ เป็นเรื่องของอนาคต อย่างไรก็ตามเวลายังคงใช้ชื่อเดิมเนื่องจากเป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์เคยประสบความสำเร็จมาอย่างมากมาย โดยจะเข้ามาช่วยซัพพอร์ต ยกระดับทีมให้สูงขึ้น

“ตอนนี้ไม่มีการเปลี่ยนอย่างแน่นอน แต่ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นขณะนี้ยังพูดไม่ได้ แต่ว่ายังใช้ชื่อทีมนี้ เป็นชื่อที่เรียกว่าดังอยู่แล้วและเป็นชื่อที่เคยประสบความสำเร็จมา ซึ่งผมเข้ามาก็ไม่ได้จะเปลี่ยนแปลงอะไรก็อยากเข้ามาช่วยยกระดับทีมให้ทีมกลับสู่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง อยากพาทีมก้าวไปสู้ยุคใหม่ไปพร้อมๆ กัน”

โปลิศ เทโร เอฟซี ลงนามทำข้อตกลง MOU กับกลุ่มทุนกัมพูชา

อันดับต่อมา คือ "เซ็ตซีโร่ทีม" เป็นที่แน่นอนแล้วว่า "โค้ชอ้น" รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือหนุ่มขวัญใจแฟนบอลผู้ซึ่งเป็นตำนานของทีมตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ มาถึงการเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ตัดสินใจแยกทางกับทีม และเป็นการปิดฉาก 10 ปี กับสโมสร นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทางทางสตาฟฟ์ชุดเดิมเตรียมโบกมือลายกชุด ทำให้สโมสรต้องเร่งหาผู้ที่จะมาทำหน้าที่โดยเร็วที่สุด

ส่วนในด้านโครงสร้างทีม มีรายงานว่าการเข้ามาของกลุ่มทุนรายใหม่จะเข้ามาช่วยสะสางหนี้ที่ค้างอยู่ทั้งหมด และประกาศชัดเจนถึงสถานะของทีมในงานแถลงข่าวทำความร่วมมือ MOU ว่า เป้าหมายสโมสรหลังจากนี้ไปจะไม่เหมือนเดิมคือต้องจบในอันดับ "ท็อปทรี" และลุ้นโควต้ากลับไปโลดแล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ให้ได้

เชื่อว่าหากสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ กลุ่มทุนรายใหม่นั้นก็พร้อมสนับสนุนเม็ดเงินอย่างเต็มที่ เพื่อปรับปรุงสนามและสิ่งอำนวยความสะดวก ให้ผ่านเกณฑ์ที่ เอเอฟซี กำหนดไว้ และจัดการเสริมขุมกำลังให้แข็งแกร่งต่อกรกับคู่แข่งในอนาคต

ขุนพล โปลิศ เทโร เอฟซี

อันดับสุดท้าย คือ สโมสรอาจได้ตลาดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ทั้งนักเตะทีมงานสตาฟฟ์ หรือฐานแฟนบอลที่มาจากกัมพูชา ที่จะเข้ามาร่วมสร้างสีสันกันมากขึ้น โดยมองว่า สโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี คือจุดศูนย์กลางของชาวกัมพูชา ในการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งนักกีฬา-บุคลากร ให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แล้วนำไปถ่ายทอดต่อที่ประเทศกัมพูชา

ท้ายที่สุดนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพลพรรค "มังกรไฟ" จะเป็นไปในทิศทางที่ดีไฉไลมากน้อยแค่ไหน ต้องติดตามกันต่อไป

CHUNKA

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline