logo-heading

แต่แล้วสถานการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตรออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากเสียงดูถูกด้อยค่า เป็นคำสรรเสริญยกย่องถึงฟอร์มของแข้งรายนี้ จนกลายเป็นที่รักของแฟนบอล “สิงห์บลูส์” ในปัจจุบัน

แน่นอนกว่าจะถึงจุดนี้ของ กัลลาเกอร์ ย่อมไม่ใช่งานที่ง่าย และเขาเองก็เป็นส่วนน้อยของนักเตะจากอคาเดมี่ เชลซี ที่สามารถสอดแทรกขึ้นมายังทีมชุดใหญ่ได้

ชีวิต กัลลาเกอร์ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ต้องสู้กับเสียงวิจารณ์ขนาดไหน ขอบสนาม จะพาไปเจาะลึกถึงชายหนุ่มคนนี้กันให้มากขึ้น

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ : จากเสียงด่า สู่คนสำคัญของ เชลซี

ย้อนกลับไปเด็กหนุ่มผมทองรายนี้เข้ามาเป็นสมาชิกในศูนย์ฝึกของ เชลซี ตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น ซึ่งอย่างน้อยนี่คือการการันตีแล้วว่าชีวิตลูกหนังของเขาจะได้เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังกับยอดทีมเบอร์ต้นๆ ของอังกฤษ

แต่สิ่งที่เขาต้องพิสูจน์อย่างจงหนักเลยคือการพัฒนายกระดับตัวเอง เพื่อโอกาสในการก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรให้ได้ เพราะที่ผ่านมามีนักเตะหลายๆ คนที่ไม่อาจก้าวขึ้นไปยังพื้นที่ดังกล่าว ก่อนถูกปล่อยออกไปจากสโมสร

บางคนอาจต่อยอดได้เล่นฟุตบอลอาชีพในระดับสูงต่อไป แต่บางรายก็อาจหายจากสารบบไม่มีข่าวคราวให้ได้ติดตามอีกเลย

ซึ่งในเคสของ กัลลาเกอร์ เมื่อเริ่มเติบโตขึ้นโอกาสก็เริ่มเปิดกว้างในการต้อนรับเขาสู่ทีมชุดใหญ่ ถ้ายังจำกันได้ในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เจ้าตัวมีชื่อติดเป็นหนึ่งในนักเตะของทีมในเกม ยูโรปาลีก รอบชิงชนะเลิศ ที่พบกับ อาร์เซน่อล

แม้จะไม่มีส่วนร่วมกับเกมในสนาม แต่อย่างน้อยการได้เข้าไปซึมซับบรรยากาศของทีม ได้ฝึกซ้อมร่วมกับพี่ๆ ระดับซีเนียร์ คงเป็นเชื้อเพลิงอันยอดเยี่ยมของเขาในการพัฒนาฝีเท้าต่อไป

แต่กระนั้นด้วยความเป็นดาวรุ่งโอกาสลงสนามมันก็ย่อมน้อยตามไปด้วย ว่าแล้วการย้ายออกไปหาประสบการณ์ในรูปแบบการยืมตัวจึงเกิดขึ้น ซึ่งส่วนตรงนี้เหมือนเป็นมินิซีรีย์เล็กๆ ของ กัลลาเกอร์ เลยก็ว่าได้ เพราะชีพจรลงเท้าอย่างต่อเนื่อง

ฤดูกาล 2019-20 ย้ายไปอยู่กับ ชาร์ลตัน แอธเลติก กับ สอวนซี ซิตี้ ซีซั่น 2020-21 ย้ายไปเล่นให้กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนบอลมากขึ้นตอนที่ถูกส่งไปให้ คริสตัล พาเลซ ยืมตัว ใช้งาน เมื่อปี 2021

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ : จากเสียงด่า สู่คนสำคัญของ เชลซี

การร่วมงานกับ ปาทริค วิเอร่า กลายเป็นส่วนสำคัญในการช่วยยกระดับ กัลลาเกอร์ ให้มากกว่าเดิม ด้วยโอกาสลงสนามที่สม่ำเสมอ ด้วยบทบาทที่ได้รับมันจึงส่งเสริมให้เขากลายเป็นคนสำคัญ พร้อมรีดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

ตำแหน่งของ กัลลาเกอร์ ในแผนงานของ วิเอร่า คือมิดฟิลด์ตัวกลางเป็นหลัก หรืออาจมีขยับขึ้นไปเล่นเป็นตัวรุกจ๋าๆ อยู่บ้าง ทำให้จบซีซั่นดังกล่าวเขากลายเป็นรองดาวซัลโวของทีมด้วยการซัดไป 8 ประตู พ่วงกับอีก 5 แอสซิสต์

ไม่แปลกเลยเมื่อผลงานที่ออกมาดี วิเอร่า จะหยิบเอา กัลลาเกอร์ ไปเปรียบเทียบกับ แฟรงค์ แลมพาร์ด โดยเฉพาะเรื่องการของจบสกอร์

ซึ่งเมื่อผลงานดีจับต้องได้ เชลซี ก็ดึงตัวกลับมาใช้งานเอง ทว่าความแตกต่างจากสมัยอยู่กับ พาเลว คือการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ซึ่งในขวบปีดังกล่าว กัลลาเกอร์ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมลีก 18 นัด อยู่ครบ 90 นาที ไปทั้งหมด 8 เกม

และแน่นอนบทบาทในสนามก็แตกต่างกันออกไป เล่นเป็นตัวรับบ้าง มิดฟิลด์ตัวกลางบ้าง หรือขยับไปยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์ 

ถ้าจะมองในแง่มุมที่ดีการได้เล่นกับ เชลซี และเป็นขุมกำลังชุดแรกที่ถูกเลือกลงสนามย่อมเป็นเรื่องที่ดี ครึ่งหนึ่ง โธมัส ทูเคิ่ล ได้ออกมาบอกว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องของ เชลซี ที่ไม่ปล่อยแข้งรายนี้ยืมตัวออกไปอีกครั้ง พร้อมเชื่อมั่นว่า กัลลาเกอร์ จะก้าวขึ้นมาเป็นคนสำคัญของทีมได้

วันเวลาผ่านไปการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับ เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทีมมีการซื้อนักเตะใหม่หลายรายเข้ามาสู่ทีม และอนาคตของ กัลลาเกอร์ ก็ไม่แน่นอนตามไปด้วยเช่นกัน มีข่าวเชื่อมโยงมากมายเกิดขึ้น และเขาก็ยอมรับว่า ณ ตอนนั้นไม่รู้อนาคตของตัวเองว่าจะเดินไปในทิศทางไหน

สุดท้ายเขายังคงอยู่ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริจด์ ต่อไป

คอเนอร์ กัลลาเกอร์ : จากเสียงด่า สู่คนสำคัญของ เชลซี

กระนั้นสิ่งที่ กัลลาเกอร์ ต้องเผชิญคือคำวิจารณ์จากผลงานในสนาม บางคนก็บอกว่าคลาสไม่ถึง บางคนก็บอกว่ามีดีแค่เรื่องลูกขยัน หรือหาจุดเด่นของเขาไม่ได้เลย

สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การออกมาตอบโต้ผ่านสื่อ หรือโพสต์ข้อความลงโซเชียล แต่ก้มหน้าทำงานหนักต่อไป ไม่มีปริปากบ่น จะตัวสำรอง หรือตัวจริงทุกวินาทีคือการพิสูจน์ตัวเองว่าดีพอสำหรับสโมสรแห่งนี้

ไม่แปลกที่รางวัลของความพยายามจะเริ่มออกดอกออกผลมากยิ่งขึ้น ซีซั่นนี้กลายเป็นยิ่งเล่นยิ่งดี ยิ่งเล่น ยิ่งทำให้ทีมมีสมดุลที่ดีมากยิ่งขึ้น

บทบาทของ กัลลาเกอร์ โดดเด่นทั้งเรื่องการเข้าตัดเกม หรือแย่งบอลจากคู่แข่ง อย่างในเกม แมนฯ ซิตี้ เขาได้รับเสียงยกย่องเป็นอย่างมาก พร้อมสถิติที่บอกว่าสามารถดวลชนะคู่แข่งถึง 6 ครั้ง หรือ แย่งบอลกลับมาครอง 6 ครั้ง

ไม่แปลกที่หลังจบเกมสื่อใหญ่หลายๆ สำนักจะยกให้เขาคือ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่สุดมันส์และห่ำหั่นกันอย่างดุเดือดแบบนี้

อีกทั้งเรื่องของเกมรุกที่คอยเชื่อมเกมสู่แดนบนในหลายๆ จังหวะจนเป็นที่มาของการทำไปแล้ว 4 แอสซิสต์ มากที่สุดร่วมกับ โคล พาลเมอร์ ในตอนนี้

กัลลาเกอร์ อาจไม่ใช่นักเตะที่โดดเด่น มีความหวือหวา หรือถูกจับตามอง แถมโดนแฟนบอลกระหน่ำด่าอยู่หลายครั้ง แต่ก็อย่างที่บอกครับ เขาใช้ความมุ่งมั่นเพื่อลบล้างสิ่งเหล่านั้นไปให้ได้

ไม่เคยบ่น, ไม่เคยเรียกร้อง, ไม่เคยมีปัญหา เข้าสไตล์ ได้ครับพี่ดีครับผมเหมาะสมครับท่าน

ส่วนที่เหลือความทุ่มเทแบบเต็มอัตราศึก พูดให้น้อย ทำงานให้หนัก นี่คือสไตล์ของชายหนุ่มผู้นี้ และเมื่อสิ่งเหล่านี้รวมกันไม่แปลกที่แฟนบอล เชลซี จะหลงรักเขามากขึ้นกว่าเดิม

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline