logo-heading

หากจะพูดถึง อัลบาโร่ โมราต้า หลายคนอาจจะคิดถึงกองหน้าค่าตัวแสนแพงแต่ฟอร์มการเล่นกลับสวนทางกันเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเล่นทีมไหนก็ไม่มีใครเอา และมักจะตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ

แต่ฟอร์มในฤดูกาลนี้กลับไม่ใช่แบบนั้นเลย ศูนย์หน้าชาวสเปนผู้นี้ ได้ยกระดับตัวเองจากกองหน้าจอมสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ ของ แอตเลติโก มาดริด

แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ของ โมราต้า มันไม่ง่ายเลย เพราะตลอดอาชีพการค้าแข้งนั้น พี่แกถูกค่อนขอดตลอด ในเรื่องฝีเท้าที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับค่าตัวซักเท่าไหร่นัก

วันนี้ทาง ขอบสนาม จะมาเจาะลึกถึงชีวิตของ โมราต้า ว่าเจ้าตัวผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาถึงจุดนี้ มาติดตามรับชมไปพร้อมๆกันครับ
 

ชีวิตต้องถูกเลือกให้ผิดหวังเสมอ วลีนี้ใช้ได้ผลกับ อัลบาโร่ โมราต้า จริงๆ เพราะช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ พี่แกหมดเวลาส่วนใหญ่ไปกับการย้ายทีม แม้จะเป็นการย้ายทีมแบบวนลูปในระหว่างทีมใหญ่ด้วยกัน

ย้อนความกลับไปในสมัยที่ โมราต้า ยังเป็นเด็กปั้นของ เรอัล มาดริด ด้วยก้านที่แข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี มีความเร็ว และทักษะการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าตัวจึงถูกตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะเป็นศูนย์หน้าตัวหลักใอนาคตของของทีมชาติสเปน ต่อจาก เฟอร์นันโด ตอร์เรส และ ดาบิด บีย่า

โมราต้า ขึ้นชุดใหญ่กับราชันชุดขาวได้เพียง 1 ปีเท่านั้นก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานไปอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่ของอิตาลี อย่าง ยูเวนตุส ในปี 2014 ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร โดยมีเงื่อนไขในการซื้อตัวกลับ

อัลบาโร่ โมราต้า จากศูนย์หน้าสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ

ตลอดเวลาที่ค้าแข้งอยู่ที่อิตาลี โมราต้า มีผลงานที่ค่อนข้างจะโอเคเลยครับ เจ้าตัวมีส่วนสำคัญพาทีมม้าลาย กวาดไปถึง 4 แชมป์ ตลอดการค้าแข้ง 2 ฤดูกาลกับทีม โดยเจ้าตัวยิงไป 27 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 93 แม้จำนวนประตูจะไม่ได้ถล่มทลายเหมือนศูนย์หน้ารายอื่นๆ 

แต่ก็มีดีพอที่ทำให้ ซีเนดีน ซีดาน ที่เป็นผู้จัดการทีมของ เรอัล มาดริด ณ ขณะนั้น ตัดสินใจใช้ออฟชั่นซื้อกลับ ในปี 2016/17 ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร 

และการกลับมายังถิ่น ซานติเอโก้ เบร์นาเบว ครั้งนี้ โมราต้า ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง พี่แกตะบันตาข่ายไป 20 ประตู จากการลงสนาม 43 นัดรวมทุกรายการ เป็นรองเพียงแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เท่านั้น 

นับได้ว่าการกลับมาในครั้งนี้เหมือนเป็นการประกาศศักดาให้โลกได้รู้ว่า ตัวเขาเองก็มีของพอที่จะเล่นให้กับ เรอัล มาดริดเหมือนกัน

แต่ด้วยโชคชะตาและโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ โมราต้า ต้องเก็บข้าวเก็บของย้ายทีมอีกครั้ง โดยการย้ายครั้งนี้ เจ้าตัวได้ลงเอยกับ เชลซี ทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 70 ล้านยูโร ในปี 2017/18

ด้วยค่าตัวที่สูงลิ่วเช่นนี้ ความคาดหวังจากแฟนบอล สิงห์บลูส์ เองสูงไม่แพ้กัน ในช่วงแรกที่ย้ายมา โมราต้า ก็ทำผลงานได้ดีเลยครับ เขายิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประสานงานกับ เซซาร์ อัซปิลิเกวต้า เพื่อนร่วมทีมชาติ ที่เข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกกลางอากาศของเขานั้นช่วยเพิ่มมิติเกมรุกของ เชลซี ได้ดีทีเดียว

แต่ด้วยความโชคร้าย โมราต้า ดันไปมีปัญหาอาการบาดเจ็บ แฮมสตริง ในเกมที่พบกับ คริสตัล พาเลซ ส่งผลให้ฟอร์มการเล่นดีที่ของเจ้าตัว กลับตกลงเหวแบบน่าใจหาย และไม่เคยกลับมาอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ดีอีกเลย ตลอด 2 ฤดูกาลที่อังกฤษ โมราต้า ยิงไปเพียง 24 ประตูเท่านั้น จากการลงสนามทั้งหมด 71 นัด

ถ้าเทียบจำนวนประตูกับค่าตัวแล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งดีลที่ล้มเหลวเป็นอย่างมากสำหรับ เชลซี

อัลบาโร่ โมราต้า จากศูนย์หน้าสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ

ดังนั้นแล้ว ทีมสิงห์บลูส์ เลยตัดสินใจ ปล่อย โมราต้า ให้กับทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด ยืมตัว 1 ฤดูกาล ก่อนที่จะซื้อขาดในฤดูกาลต่อมาด้วยค่าตัว 35 ล้านยูโร 

หลังจากที่ย้ายกลับมายังสเปน ดูเหมือนฟอร์มการเล่นของเจ้าตัวจะกลับมาอยู่ในช่วงที่ดีอีกครั้ง ด้วยผลงาน 16 ประตู จาก 44 นัดรวมทุกรายการ 

แต่ก็ยังดีไม่พออยู่ดี แอตเลติโก มาดริด ตัดสินใจที่จะปล่อยยืม โมราต้า ให้กับ ยูเวนตุส ทีมเก่าอีกครั้ง ในฤดูกาล 2020/21 

การกลับมายังถิ่นเก่าครั้งนี้ โมราต้า ทำผลงานได้ดีทีเดียวครับ ยิงไปถึง 20 ประตู กับอีก 12 แอสซิสต์ จนมีชื่อติดทีมชาติสเปนลุยศึกยูโร 2020

อัลบาโร่ โมราต้า จากศูนย์หน้าสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ

แต่เหตุการณ์ซ้ำรายก็ไม่วายที่จะเกิดขึ้นอีก โมราต้า ทำผลงานที่เรียกได้ว่าห่วยขั้นเทพเลยก็ว่าได้ในศึกยูโร 2020 พี่แก ทำได้เพียง 1 ประตูเท่านั้นตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ แถมยังยิงจุดโทษไม่เข้าแม้ทีมจะชนะสโลวาเกียถึง 5-0 ก็ตาม 

และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือในเกมที่พบกับทีมชาติ อิตาลี ในรอบ 4 ทีมสุดท้าย เจ้าตัวก็ดันมาพลาดจุดโทษอีกครั้ง ส่งผลให้ทีมชาติสเปนตกรอบไปในท้ายที่สุด

ด้วยผลงานที่ไม่ค่อยเข้าตาแฟนบอลสักเท่าไหร่นัก ส่งผลให้เจ้าตัวโดนขู่ฆ่า และคำสาปแช่งต่างๆนาๆมากมาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลย แม้จะกับใครก็ตาม

หลังจากจบศึกยูโร 2020 ด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ ส่งผลให้ในฤดูกาลต่อมา กับ ยูเวนตุส ด้วยสัญญายืมตัวในฤดูกาลที่ 2 นั้นย่ำแย่สุดๆ โดย โมราต้า ทำประตูได้เพียง 12 ประตูเท่านั้น จากการลงสนามทั้งหมด 48 นัด ทำให้ทีมม้าลาย ตัดสินใจไม่ซื้อขาด และเป็นเหตุที่ต้องกลับมายัง แอตเลติโก มาดริด อีกครั้ง 

จนกระทั่งเวลาได้ล่วงเลยมาถึงฤดูกาลปัจจุบัน โมราต้า ในวัย 31 ปี กลับทำผลงานได้อย่างเปรี้ยงปร้างสุดๆ หลังเจ้าตัวยิงไปแล้ว 12 ประตูจากการลงสนามไปเพียง 15 นัดเท่านั้น เรียกได้ว่ายกระดับฝีเท้าจาก ศูนย์หน้าสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ ได้แบบน่าเหลือเชื่อจริงๆ

จนกุนซืออย่าง ซิเมโอเน่ ถึงกับออกมากล่าวชื่นชมเลยว่า อัลบาโร่ โมราต้า ในตอนนี้ อยู่ในระดับเดียวกับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ไปแล้ว

โดยตลอดอาชีพการค้าแข้งของ โมราต้า เจ้าตัวมักถูกค่อนขอดในเรื่องของฝีเท้าอยู่เสมอ กับผลงานการทำประตูที่ไม่เคยถึง 20 ประตูเลยในลีก ถ้าเทียบกับค่าตัวที่แสนจะแพง

มาปีนี้ ถ้า โมราต้า ยังรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ได้อยู่ไปจนถึงท้ายฤดูกาล ไม่แน่ว่าปีนี้อาจจะเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตของเจ้าตัวก็เป็นได้

อัลบาโร่ โมราต้า จากศูนย์หน้าสากกะเบือ สู่ดาวยิงตีนพระกาฬ

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline