logo-heading

ในที่สุดทีมชาติไทย ก็มีการเปลี่ยนตัวกุนซือใหญ่อีกครั้งตามคำเรียกร้องจากแฟนบอล ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น หลังจากที่เราเปิดบ้านแพ้ให้กับทีมชาติจีน 1-2 ในนัดเปิดสนามศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ซึ่งนี่คือฟางเส้นสุดท้ายของ มาโน่ โพลกิ้ง กับทีมชาติไทย แม้ว่าเกมสุดท้ายจะพาทีมบุกไปชนะสิงคโปร์ได้ก็ตาม

โดยกุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามารับไม้ต่อจากโค้ชมาโน่ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือ "มาซาทาดะ อิชิอิ" กุนซือชาวญี่ปุ่น วัย 56 ปี ผู้ที่พาบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้า 3 แชมป์ได้ 2 ปีติดต่อกัน และ อิชิอิ ก็ถือเป็นกุนซือทีมชาติไทย คนแรกที่เคยคว้าแชมป์ไทยลีกมาก่อน

การมาของ "ลุงอิ" ดูเหมือนจะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลส่วนใหญ่ และทำให้กระแสที่รุนแรงของทีมชาติไทยก่อนหน้านี้เบาบางลงไปได้บ้าง ซึ่งจะว่าไปแล้ว แม้ที่มาที่ไป รวมทั้งการแต่งตั้งจะดูชอบมาพากลและมีคำถามที่หลายคนสงสัย

แต่ถ้าตัดเรื่องนั้นไป ก็ถือว่า "อิชิอิ" ดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ และก็มีเหตุผลหลายข้อที่สนับสนุนให้กุนซือจากแดนปลาดิบผู้นี้มานำทัพช้างศึกในสมรภูมิต่อไปในปีหน้า

เราตัดเรื่องการเมือง ตัดเรื่องการมาของ "อิชิอิ" ที่หลายคนสงสัยไป ว่าด้วยเรื่องของฟุตบอลล้วนๆ มาดูกันว่า มีเหตุผลอะไรบ้างที่กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ต้องชื่อ "มาซาทาดะ อิชิอิ"

1.แฟนบอลส่วนใหญ่แฮปปี้

อย่างที่บอกว่า "อิชิอิ" เป็นคนที่แฟนบอลชาวไทยส่วนใหญ่เชียร์มากที่สุด อยากให้มาคุมทีมชาติไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายชื่อที่มีการพูดถึงทั้งโค้ชไทยและเทศ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นใครเข้ามากระแสก็ยังไม่ได้อยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้ทีมงาน "มาดามแป้ง" ก็รู้ดี และกุนซือที่จะเข้ามาแล้วโดนด่าน้อยที่สุด และทำให้บรรยากาศทุกอย่างกลับมาดีได้ นั่นก็คือ อิชิอิ นี่แหละ แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แม้จะมีกระแสไม่เห็นด้วยอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่เอาก็ต้องให้ มาโน่ อยู่ต่อ หรือจะไปเอาโค้ชไทย หรือโค้ชต่างชาติไทยลีกมาทำ มันก็ไม่น่าเวิร์คอยู่ดี

2.เป็นคนที่มาดามแป้งเลือกตั้งแต่แรก

อิชิอิ คือคนที่ "มาดามแป้ง" อยากจะได้มาเป็นกุนซือช้างศึก ในสมรภูมิคัดเลือกฟุตบอลโลก ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ตอนที่เอามารอตั้งแต่คิงส์ คัพ แต่มันดันเกิดแอคซิเดนไปซะก่อน และก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสกลับมาร่วมงานกันแล้ว แต่ในเมื่อโอกาสนั้นกลับมาอีกครั้ง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่มาดามแป้งจะไม่เชื่อหัวใจตัวเอง และเอา อิชิอิ กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง

3.ดีกรีและผลงานเป็นที่ประจักษ์

เรื่องชื่อเสียง ฝีมือและผลงานที่ผ่านมา คงไม่มีใครสงสัย เป็นถึงแชมป์เจลีก และแชมป์ทุกถ้วยของญี่ปุ่น รวมทั้งในเมืองไทยก็ได้ 3 แชมป์ 2 ปีติด เอาเป็นว่าถ้านับเฉพาะผลงานการคุมทีมสโมสร นี่คือโค้ชที่ดีกรีดีสุดของทีมชาติไทยก็ว่าได้

4.รู้จักนักเตะไทยเป็นอย่างดี

จากประสบการณ์ที่ทำงานในเมืองไทยมากว่า 3-4 ปี เรื่องข้อมูลของนักเตะ ความรู้เรื่องฟุตบอลไทยก็คงไม่ใช่ปัญหา 

5.เข้าใจวัฒนธรรมแบบไทยๆ

เช่นเดียวกับเรื่องการทำงานกับคนไทย การทำงานแบบไทยสไตล์ การทำงานกับผู้ใหญ่ ผู้มากบารมีก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเคยผ่านโปรที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาแล้ว ไปคุมทีมที่ไหนบอลโลกก็ได้

6.เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

อย่างที่บอกว่า นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ถ้าไม่นับ "โค้ชแบน" ที่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา รวมทั้ง "โค้ชซิโก้" ที่แม้ว่าจะมาก็จะมีทั้งกระแสที่ชอบแบบสุดหัวใจ กับกระแสที่ต่อต้านสุดๆ เหมือนกัน ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ อิชิอิ ครับผม

สำหรับงานแรกของกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ นั่นก็พาทีมช้างศึกบุกไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่น เบอร์หนึ่งของเอเชียในเวลานี้ ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคมนี้

ต่อด้วยการเข้าสู่ทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ระดับเมเจอร์อย่าง "เอเชี่ยน คัพ 2023" ที่ประเทศกาตาร์ ในช่วงกลางเดือนมกราคม ซึ่งคู่แข่งในรอบแรกที่เราต้องเจอคือ คีร์กีซสถาน, โอมาน และ ซาอุดิอาระเบีย ถ้าทำผลงานได้ดี ผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้ ก็ถือว่าสอบผ่าน แต่ถ้าทำทีมตกรอบแรก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ไปต่อในเดือนมีนาคมหรือไม่

ซึ่งเราจะกลับมาเตะฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกใน 4 เกมที่เหลือ ซึ่งสองนัดแรกก็ต้องเจอกันเกาหลีใต้ ก่อนเลยทั้งสองนัด ถือเป็นงานที่ท้าทายมากๆ

นี่เป็นแค่โปรแกรมช่วงแรกที่แสนหฤโหดของ "อิชิอิ" กับทีมชาติไทย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าท้ายที่สุดกุนซือชาวญี่ปุ่น จะทำทีมชาติไทยออกมาได้ดีเหมือนที่แฟนบอลคาดหวังไว้หรือไม่ และจะอยู่จนครบสัญญาหรือเปล่าก็ต้องมารอดูกัน

โดยหลังจากนี้ "มาซาทาดะ อิชิอิ" จะเดินทางมาเซ็นสัญญาและเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งนี่คือกุนซือต่างชาติคนที่ 17 ของทีมชาติไทย และเป็นโค้ชญี่ปุ่นคนที่สองต่อจาก อากินะ นิชิโนะ

ส่วนสุดท้ายปลายทางชะตากรรมจะจบเหมือน "ลุงโนะ" ไหม คงต้องมารอดูกัน

 

#ชิชาริเต่า 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline