logo-heading

ในเกมอุ่นเครื่องของ ทัพอินทรีเหล็ก ตลอด 2 นัดที่ผ่านมาลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ทั้งสิ้น 

นอกจากนั้นแล้ว กุนซือทีมชาติเยอรมันอย่าง ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ยังทำเซอร์ไพรส์ โดยการจับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไปยืนในตำแหน่งแบ็คซ้ายทั้ง 2 เกม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวไม่เคยลงเล่นมาก่อน

ทั้งๆที่ตัวสำรองก็มีผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายอาชีพอย่าง ดาวิด เราม์ ที่ทำผลงานได้ค่อนข้างโอเคในการลงเล่นให้กับต้นสังกัดอย่าง อาแบร์ ไลป์ซิก


ไค ฮาแวร์ตซ์ กับตำแหน่งแบ็คซ้าย จะปังหรือพัง ?

ก่อนเกมใครหลายคนอาจจะมองว่าจะเวิร์คจริงๆหรอกับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ตำแหน่งแบ็คซ้าย ซึ่งมิดฟิลด์วัย 24 ปี ก็ตอบแทนความไว้วางใจจากโค้ชด้วยการซัดประตูขึ้นนำตั้งแต่ 5 นาทีแรก

แต่ก็มาพลาดท่าทำแฮนด์บอล เสียจุดโทษ ในนาที 71 และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่ในจังหวะนี้ก็คงโทษ ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้เสียทีเดียวเพราะตัวเขาเองก็ไม่ใช่กองหลังอาชีพ

ซึ่งถ้าเราลองมาวิเคราะห์กันถึงบทบาทการเล่นจริงๆของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ทั้งสองเกมที่ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย เราจะพบว่าวิธีการเล่นของเจ้าตัวนั้นไม่ได้เหมือนแบ็คซ้ายธรรมดาทั่วไปอย่างที่ใครหลายคนคิด

ทางด้านเกมรับ ฮาแวร์ตซ์ จะทำหน้าที่เหมือนแบ็คซ้ายปกติ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมไปกว่านั้นก็คือ ในส่วนของเกมรุก ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ได้ใช้แผนการเล่นหลัง 3 และดัน ไค ฮาแวร์ตซ์ เหมือนไปยืนเป็นปีกซ้าย และหุบเข้ามาเล่นในพื้นที่ตรงกลางในบางจังหวะ

อีกทั้งยังคอยสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษ เพื่อโอเวอร์โหลดจำนวนผู้เล่นเกมรุก ให้มีจำนวนผู้เล่นมากกว่าเกมรับของฝั่งตรงข้าม เพื่อลุ้นทำประตู จากวิธีการเล่นดังกล่าว ทำให้ดูเหมือนว่า พี่แกนั้นจะต้องเล่น 3 ตำแหน่งไปพร้อมๆกัน

ซึ่งการที่จะต้องยืนประจำการในตำแหน่งแบ็คซ้ายเวลาเล่นเกมรับ แล้วต้องขึ้นไปทำเกมรุกเปรียบเสมือน ศูนย์หน้าหรือปีกอีกคน แทบจะตลอดทั้งเกม ลองคิดดูว่าจะต้องใช้พลังงานเยอะแค่ไหน 

แต่โชคยังดีที่ฝั่งของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยังไม่โดนเจาะมากเท่าไหร่ ตลอดสองนัดที่ลงสนามในตำแหน่งแบ็คซ้าย เราจึงยังไม่เห็นว่า เวลาโดนเจาะเจ้าตัวจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร 

โดย ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า นี่เป็นเพียงการลองแท็คติกใหม่เท่านั้น ไม่ได้คิดว่าจะจับ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายแบบถาวร

 

ซึ่งถ้าเราไปดูสถิติหลังเกมของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายตลอดสองเกม ก็ต้องบอกตามตรงเลยนะครับว่าดูดีเลยทีเดียว มีส่วนช่วยทั้งเกมรุกและเกมรับ แถมยังมีประตูซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกินในช่วงหลังสำหรับเจ้าตัว

แต่ถ้าเรามองไปถึง ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ อาร์เซน่อล ที่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวยังหาตำแหน่งที่ดีที่สุดของตัวเองกับทีมไม่ได้เลย ทั้งที่ พรีเมียร์ลีก ก็ผ่านไป 12 นัดแล้ว โดย มิดฟิลด์ชาวเยอรมันรายนี้ ทำได้เพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น จากการลงสนาม 19 นัดรวมทุกรายการ

ตำแหน่งเบอร์ 8 ที่ มิเกล อาร์เตต้า หมายมั่นปั้นมือให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นในตำแหน่งนี้ แทนที่ของ กรานิท ชาก้า เองก็ยังดูไม่ค่อยจะเวิร์คสักเท่าไหร่

ตำแหน่งศูนย์หน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวทำได้ดีที่สุด แต่ก็ยังดีไม่พอที่จะให้กุนซือชาวสเปนส่งเขาลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งนี้

ตำแหน่งเบอร์ 10 หรือกองหน้าตัวต่ำ เป็นตำแหน่งที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ แจ้งเกิดสมัยที่ยังค้าแข้งอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งเจ้าตัวก็มีโอกาสได้เล่นในตำแหน่งนี้แล้วเช่นกันในช่วงหลัง แม้ว่าจะทำได้ดีในระดับนึง แต่ถ้าจะเอาไปเทียบกับ มาร์ติน โอเดการ์ด แล้วก็ยังห่างชั้นกันอยู่ดี

ไค ฮาแวร์ตซ์ กับตำแหน่งแบ็คซ้าย จะปังหรือพัง ?

แล้วจะมีโอกาสแค่ไหนที่ มิเกล อาร์เตต้า จะจับ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายเหมือนที่เล่นให้กับทีมชาติเยอรมัน ?

ถ้ามองในมุมมองของ อาร์เตต้า ขอเรียนตามตรงเลยว่าเป็นไปได้ยากเหมือนกัน เพราะ ฮาแวร์ตซ์ ไม่ได้มีพื้นฐานในการเล่นเกมรับเหมือนกับแบ็คธรรมชาติทั่วไป

การที่จะต้องรับมือกับปีกที่มีความความเร็วจัดการจ้าน โดยเฉพาะในเวที พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก บอกได้เลยว่ามีอ้วกแตกแน่ๆ

ส่วนวิธีการเล่นเกมรุกโดยวิธีการดันขึ้นสูงเหมือนเป็นปีก ในส่วนตรงนี้อาจจะดีก็ได้ แต่.. การที่จะเล่นในรูปแบบดังกล่าว แน่นอนว่า กองหลัง และมิดฟิลด์ คนอื่นๆจะต้องมีภาระงานที่หนักขึ้นอย่างแน่นอน

เพราะต้องมาคอยซ้อนในตำแหน่งแบ็คซ้ายของ ฮาแวร์ตซ์ ที่เวลาขึ้นไปเล่นเกมรุกแล้วอาจจะลงไม่ทัน เป็นเหตุให้โดนโต้กลับ และเสียประตูเอาได้ง่ายๆ

แน่นอนว่าการปรับให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ มาเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายอาจจะปังก็ได้ใครจะรู้ แต่เปอร์เซ็นที่จะพังก็มีมากเช่นเดียวกัน

คงต้องมารอดูกันต่อไปว่า กุนซืออย่าง มิเกล อาร์เตต้า จะเห็นแววของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ในตำแหน่งแบ็คซ้ายหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปครับ

 

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline