หมดเขตไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจลงรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คนที่ 18 ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปีหน้า 2567 โดยการเปิดรับสมัครหมดเขตไปเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยสุดท้ายแล้วมีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถึง 6 คนด้วยกัน ประกอบไปด้วย
คนแรกที่เดินทางไปลงสมัครเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ก็คือ “มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี และผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ คนปัจจุบัน ซึ่งแฟนบอลทุกคนก็คงจะรู้จักกันดี ผลงานเด่นของมาดามแป้งในอดีตก็คือการพาทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ไปฟุตบอลโลก มาแล้วสองสมัย
คนที่ 2 ลงสมัครเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ก็คือ “บิ๊กป็อก” นายวรงค์ ทิวทัศน์ อดีตเลขานุการบริษัทไทยลีก จำกัด ซึ่งก็ถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่ในวงการฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งการทำสื่อ และเข้ามาบริหารงานไทยลีก ช่วงที่ผ่านมา
คนที่ 3 คือ ลงสมัครเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา คือ “พอลลีน” งามพริ้ง หรือชื่อจริงล่าสุดคือ พยุริน งามพริ้ง โดยแฟนบอลไทยในอดีตจะรู้จักกันดีในชื่อของ นายพินิจ งามพริ้ง อดีตแกนนำและผู้ก่อนตั้งกลุ่มเชียร์ไทยพาวเวอร์
คนที่ 4 ส่งตัวแทนมาลงสมัครเมื่อวันที่ 8 เช่นกัน ก็คือ “บิ๊กตุ๋ย” ธนศักดิ์ สุรประเสิรฐ อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฝ่ายต่างประเทศ ว่ากันว่า “บิ๊กตุ๋ย” คือนอมินีกลุ่มขั่วอำนาจเดิมของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมคนปัจจุบัน ที่ส่งชื่อมาลงท้าชิง
คนที่ 5 คือ มาลงสมัครในวันที่ 8 ธันวาคม เช่นกัน นั่นก็คือ นายสุรชัย นิวาสพันธุ์ อดีตนักฟุตบอลและโค้ช ซึ่งเคยเล่นฟุตบอลมากับหลายสโมสร ที่เด่นๆ ดังๆ ก็คือทีมราชวิถี
และคนสุดท้ายคนที่ 6 ที่ลงสมัครทางระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมวันสุดท้ายก่อนปิดรับสมัคร นั่นก็คือ "พี่อ๋อ" คมกฤช นภาลัย อดีตผู้สื่อข่าวกีฬารุ่นเก๋า ดีกรีเป็นแฟนพันธุ์แท้ทีมชาติไทย ที่ขอลงสมัครท้าชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ในครั้งนี้ด้วย
อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทั้ง 6 คน และประกาศอีกครั้งว่าใครผ่านไม่ผ่านอย่างไร รวมทั้ง 73 เสียงของสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในการเลือกตั้ง ก็จะมีการประกาศให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งด้วย
มาว่ากันที่ 3 ตัวเต็ง ตัวตึง ที่มีการประกาศสโลแกน รวมทั้ง นโยบายในการที่จะเข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย รวมทั้งมีการเปิดตัวทีมงานออกมาแบบครบชุด ซึ่งทั้งสามคนมีนโยบายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น “มาดามแป้ง”, คุณพอลลีน งามพริ้ง และ คุณวรงค์ ทิวทัศน์ แต่ละคนมีสโลแกนและนโยบายที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ไปดูกัน
เริ่มที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งจริงๆ มาดามแป้ง ยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายออกมาอย่างเป็นทางการแต่ก็ได้มีการให้สัมภาษณ์ในวันที่เดินทางไปสมัครว่า สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขด่วนที่สุดก็คือเรื่องเงินสนับสนุนของแต่ละลีก ไม่ว่าจะเป็นไทยลีก 1-3 ฟุตซอล และฟุตบอลหญิง รวมทั้งมูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ที่ต้องกลับมาเพิ่มมูลค่าให้ได้
ส่วนสโลแกนของทีมงานมาดามแป้งก็คือ Better Together : Team Thailand บอลไทยรวมใจ พัฒนาทีมไทยแลนด์ไปด้วยกัน
จุดเด่นของ “มาดามแป้ง” ในการลงชิงชัยครั้งนี้ นอกเหนือจากเรื่องเป็นผู้กว้างขวางด้านธุรกิจ และฟุตบอลไทยแล้ว ยังมีขุมกำลังที่แน่นบึ๊ก ได้บิ๊กจากสโมสรไทยลีกเข้ามาหนุนหลัง แถมยังสามารถรวมกลุ่มขั่วอำนาจทั้งเก่าและใหม่มารวมอู่ด้วยกัน โดยชูการทำงานแบบไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นตัวชูโรง
โดยทีมงานสภากรรมการของมาดามแป้ง ที่ประกาศออกมา น่าสนใจทั้งนั้น ประกอบไปด้วย คุณอรรณพ สิงห์โตทอง รองประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี, คุณปวิณ ภิรมย์ดี ประธานสโมสรบีจี ปทุมฯ, คุณอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลและฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทย, “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตกุนซือทีมชาติไทย และ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าระดับตำนานทีมชาติไทย
คนที่ 2 ก็คือ คุณพอลลีน งามพริ้ง มาในสโลแกนที่ว่า “Thai football transformation” เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาเปลี่ยนแปลงฟุตบอลไทยให้เป็นแถวหน้าในระดับเอเชีย
นโยบายหลักๆ คือการเพิ่มรายได้ให้กับสโมสรต่างๆ โดยเฉพาะลีกล่าง รวมไปถึงการพัฒนาเยาวชนที่มีแบบแผนชัดเจน
รวมทั้งการขยายการตลาด การสร้างฐานผู้ชมฟุตบอลไทย ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สโมสรที่ยังไม่เข้มแข้งสามารถจับปลาด้วยตัวเองได้ ไม่ใช่ต้องรอพึ่งผู้มีบารมีหรือสปอนเซอร์ที่สำคัญคือพื้นฐานการบริหารที่ต้องเป็นกลาง มีความสุจริต มองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน"
โดยทีมงานที่น่าสนใจของคุณพอลลีน มี แชมป์จัดไป หรือ แชมป์ พีระพล ผู้ประกาศข่าวกีฬาชื่อดัง นอกจากนี้ยังมี “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล อดีตนักเตะและโค้ชทีมชาติ และ พิชัย คงศรี กองหน้าระดับตำนานทีมชาติไทยอีกคน
มาปิดท้ายที่ “บิ๊กป็อก” วรงค์ ทิวทัศน์ ที่มาในสโลแกน “Get it right!” ทำให้ถูกต้อง! ปรับโครงสร้าง สร้างมูลค่า และ เพิ่มคุณภาพ
โดยนโยบายหลักคือ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง สมาชิกสามารถประเมินประสิทธิภาพทำงานของสมาคม และบรรจุวาระถอดถอนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอครบวาระ 4 ปี
พร้อมกับจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่อสาธารณะชน เพื่อความโปร่งใส่ ปราศจากข้อผูกมัดจากระบบผลประโยชน์ที่ทับซ้อน
อีกทั้งรูปแบบการแข่งขันต้องสอดคล้องทั้งระบบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาฟุตบอลของประเทศ ตั้งแต่เยาวชน ไปจนถึงลีกสูงสุด การตัดสินต้องมีมาตรฐานชัดเจน เหมาะสมกับการแข่งขันในระดับต่าง ๆ ยกระดับธุรกิจฟุตบอลให้เป็น อุตสาหกรรม อย่างจริงจัง และแสวงหาความร่วมมือจากรัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ทีมชาติทุกชุดในระยะยาว เพื่อความต่อเนื่องทั้งระบบ
นี่ก็เป็นสโลแกนบวกนโยบายคร่าวๆ ของ 3 ตัวตึงที่ประกาศตัวท้าชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถึงแม้จะเป็น 3 ตัวตึง แต่ตัวเต็งจ๋าจริงๆ ก็ต้องบอกกันตามตรงว่ามีคนเดียว ซึ่งคนนั่นก็คือ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
อย่างไรก็ตามเรามาลุ้นกันว่านายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คนที่ 18 จะเป็นใคร จะเป็นนายกสมาคมฯ ผู้หญิงคนแรกของไทยหรือเปล่า หรือจะเป็นนายกสมาคมฯ ที่เป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรก หรือจะกลับไปเป็นผู้ชายเหมือนทั้ง 17 คนที่ผ่านมา
โดยการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปี 2567 เวลา 13.00 น. ที่ชั้น 2 สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถึงวันนั้นเราค่อยมารอดูกันว่าคนที่คุณก็รู้ว่าใคร จะมาตามนัดหรือเปล่า
#ชิชาริเต่า