logo-heading

หลังจากที่กลุ่มทุนจากกัมพูชา ที่นำโดย เจ้าชายนโรดม แห่งราชวงศ์กัมพูชา มาแถลงข่าวเปิดตัวเทคโอเวอร์สโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี ทีมจากศึกไทยลีกไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา นับถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปกว่าเดือนครึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แวว หรือเงาของกุมทุนขแมร์ ที่จะเข้ามาบริหารจัดการทีมมังกรโล่ห์เงินอย่างเป็นจริงเป็นจัง 

ซึ่งเรื่องการเทคโอเวอร์ การเข้ามาบริหารทีมก็เรื่องนึง แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือตั้งแต่มีการแถลงข่าวมาถึงวันนี้ยังไม่มีเงินจากกลุ่มทุนดังกล่าวเข้ามายังสโมสรโปลิศ เทโร เลยแม้แต่บาทเดียว และที่ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีติดต่อท่านเจ้าชายขแมร์ได้เลยว่าจะเอายังไงกันแน่

ปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็พัวพันกันมั่วไปหมด และอาจจะส่งผลต่ออนาคตหรือชะตากรรมของทีมโปลิศ เทโร ในวันข้างหน้าด้วย เรื่องราวทั้งหมดนี้มันมีเงื่อนงำอะไรกันแน่ มาติดตามไปพร้อมๆ กัน ครับ

วิบากกรรม “โปลิศ เทโร” ที่สุดท้ายยังไม่รู้จะจบแบบไหน??

เรื่องราวปัญหาของสโมสรโปลิศ เทโรฯ จริงๆ ถ้าจะให้ย้อนความก็ลากกันยาวตั้งแต่ช่วงที่มีข่าวว่าจะยุบทีม เนื่องจากสโมสรขาดสภาพคล่อง ก่อนที่สุดท้ายจะไปจับมือกับสโมสรตำรวจ และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “โปลิศ เทโร เอฟซี” ตั้งแต่ฤดูกาล 2017 ที่ผ่านมา

ซึ่งทีมโปลิศ เทโรฯ ก็กระท่อนกระแท่นมาโดยตลอด เนื่องจากประธานสโมสรอย่างคุณไบรอัน แอล มาร์คาร์ ก็ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังเหมือนแต่ก่อน อีกทั้งในช่วงแรกก็เหมือนจะขอวางมือไปแล้วด้วยซ้ำ แล้วให้หน้าที่การบริหารจัดการทีมเป็นของทางฝั่งทีมตำรวจที่ตอนนั้นมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเวลานั้น เป็นประธานสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี ร่วมกันกับคุณไบรอัน

จนเวลาผ่านไป ทีมก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องในทุกๆ ฤดูกาล จะเห็นได้ว่าต้องมีการปล่อยตัวนักเตะที่เป็นตัวหลัก ซุปตาร์ประจำทีมออกไปหลายต่อหลายคนไม่ว่าจะเป็น สองฝาแฝด ทิตาธร-ทิตาวีร์ อักษรศรี อักษรศรี หรืออย่าง ชานุกูล ก๋ารินทร์ กับ เฉลิมศักดิ์ อักขี ซึ่งทั้งหมดไปอยู่กับการท่าเรือ เอฟซี ปัจจุบันโค้ชอย่าง “โค้ชอ้น” รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กับ คุณธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีม ก็ตามกันไปอยู่ที่แพท สเตเดี้ยม ทั้งหมด

ซึ่งการปล่อยตัวนักเตะดังออกจากทีมไปนั่นก็เพื่อที่จะทำให้สโมสรได้เงินกลับมาจุนเจือและสามารถเดินหน้าต่อไปได้ 

วิบากกรรม “โปลิศ เทโร” ที่สุดท้ายยังไม่รู้จะจบแบบไหน??

และถ้าจะย้อนกันจริงๆ โปลิศ เทโร หรือชื่อเดิมคือ บีอีซี เทโร ศาสน ก็มีปัญหามาตั้งแต่สมัยที่ต้องปล่อยตัว ชนาธิป, ธนบูรณ์, นฤบดินทร์, พีระพัฒน์ รวมถึงใครต่อหลายคนตั้งแต่ตอนนู้นแล้ว แต่ทีมมันก็ยังสามารถอยู่ของมันได้ จนมาถึงในฤดูกาล 2023 นี่แหละที่ดูจะหนักสุด

ใครจะเชื่อว่าตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล ก็คือตั้งแต่ปรีซีซั่นเดือนกรกฎาคม มาถึงไทยลีกเริ่มแข่งขันมา 4-5 เดือน นักเตะทีมงานสตาฟฟ์โค้ช และพนักงานภายในสโมสรยังไม่มีใครได้ค่าเหนื่อยแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย จะเรียกว่ายังไม่ได้เงินเดือนเลยก็ว่าได้ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา

จนกระทั้งมาถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็เหมือนจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อมีข่าวว่ากำลังจะได้กลุ่มทุนจากกัมพูชาเข้ามาเทคโอเวอร์ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี และน่าจะทำให้ทีมสามารถเดินหน้าต่อไปได้แบบไม่ติดขัดอะไร

วิบากกรรม “โปลิศ เทโร” ที่สุดท้ายยังไม่รู้จะจบแบบไหน??

จากนั้นก็มีการแถลงข่าวเปิดตัวกันใหญ่โตเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ทีมโปลิศ เทโร จะลงสนามพบ ลำพูน วอริเออร์ ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ซึ่งผลการแข่งขันจบลงที่เสมอกัน 2-2 แล้วหลังจบเกมก็เกิดข่าวใหญ่ขึ้นเมื่อ “โค้ชอ้น” ประกาศลากุนซือมังกรไฟ แล้วก็ไปรับงานคุมทีมการท่าเรือ อย่างที่เรารู้กันในที่สุด

ซึ่งตอนนั้นเอาจริงๆ มันก็น่าเอ๊ะใจ!! นิดนึงแล้วว่า “อ้าว เห้ย!! ในเมื่อได้นายทุนใหม่ทุกอย่างก็น่าจะดี แล้วโค้ชอ้นจะลาออกทำไม แล้วไม่ได้ไปคนเดียวด้วย “ป๋าแมน” ธัญญะ วงศ์นาค พ่อบ้านของทีมก็ตามกันไปที่คลองเตย” ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรกันแน่

วิบากกรรม “โปลิศ เทโร” ที่สุดท้ายยังไม่รู้จะจบแบบไหน??

จนเรื่องราวมันก็เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ว่ากลุ่มทุนจากกัมพูชานั้นหายจ๋อยไปเลยหลังจากวันแถลงข่าวเปิดตัว แถมยังไม่ได้จ่ายเงินมาสักบาทด้วย มันก็ยิ่งอึ้งคูณสองกันไปอีก ว่าเห้ย!! แถลงข่าวเรื่องเทคโอเวอร์สโมสรระดับราชวงศ์ของกัมพูชา ในงานวันนั้นก็มีผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยไปด้วย มันจะเป็นงานแถลงข่าวกำมะลอได้ยังไง มันจริงหรือเปล่า

ซึ่งก็อย่างที่บอกว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถติดต่อหรือเห็นเงาของกลุ่มทุนจากกัมพูชาอีกเลย มาถึงตอนนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นมันมีอยู่สองกระแส ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอันไหนจริง อันไหนเท็จ

กระแสแรกก็คือ ทางฝั่งโปลิศ เทโรฯ มองว่ากลุ่มทุนใหม่นั้นผิดสัญญา ไม่ยอมทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ นั่นก็คือการจ่ายเงินเพื่อเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร ซึ่งตามข่าวก็คือว่าจริงๆ แล้ว กลุ่มทุนกัมพูชาจะต้องจ่ายมาก้อนนึงก่อน เหมือนกับเป็นการมัดจำครึ่งนึงจากเงินค่าซื้อสโมสรทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังต้องจ่ายหนี้ย้อนหลังให้กับสโมสรทั้งหมดด้วย หนี้ที่ว่าก็คือค่าจ้างนักเตะที่ค้างอยู่ 4 เดือน ณ เวลานั้นนั่นแหละ ซึ่งเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้คือกลุ่มทุนขแมร์จะล้างหนี้ให้ทั้งหมด อารมณ์เหมือนตอนท่านชีคจะซื้อสโมสรแมนฯ ยู นั่นแหละ คือจ่ายเงินให้เกลเซอร์ก้อนนึง แล้วก็จ่ายหนี้ทั้งหมดให้สโมสรด้วย

แต่อีกมุมนึงก็คือมุมของกลุ่มทุนกัมพูชา ก็มีกระแสข่าวรายงานว่า เหตุผลที่กลุ่มทุนกัมพูชา ไม่ยอมจ่ายเงินก็เนื่องมาจากทางโปลิศ เทโร นั้นผิดสัญญา หรือข้อตกลงที่คุยกันไว้ นั่นก็คือ ทีมผู้บริหารชุดเดิมของโปลิศ เทโรฯ จะต้องจ่ายเงินเดือนย้อนหลังที่ค้างนักเตะเองให้หมดเสียก้อน หรือล้างหนี้ตัวเองให้หมดเสียก่อน ทางกัมพุชาถึงจะเดินหน้าเรื่องเทคโอเวอร์ ต่อไป 

จากที่บอกไปก็เหมือนกับว่าตอนนี้ทั้งสองฝ่ายนั้นพูดไม่ตรงกัน อาจจะรวมถึงเข้าใจไม่ตรงกันด้วย ฝ่ายนึงบอกว่าเจ้าของใหม่จะซื้อสโมสรแล้วจ่ายหนี้ให้ทั้งหมด ฝ่ายนึงบอกว่าจะซื้อได้ยังไงในเมื่อคุณยังค้างค่าจ้างนักเตะอยู่

ประเด็นก็คือว่าแล้วแบบนี้จะยังไงต่อ แล้วสุดท้ายไอ้เงินที่ค้างนักเตะมาถึงวันนี้มันคือ 5 เดือน กำลังจะเข้าเดือนที่หกแล้ว ใครจะรับผิดชอบในส่วนนี้ เพราะทั้งสองฝ่ายก็โบ้ยกันไปกันมาแบบนี้

วิบากกรรม “โปลิศ เทโร” ที่สุดท้ายยังไม่รู้จะจบแบบไหน??

ล่าสุด “มาดามอ้อ” นฬาพร ไชยนิน รองประธานสโมสรฝ่ายหารายได้และสิทธิประโยชน์สโมสร โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ตอนแรกมีข่าวลือว่าจะลาออกหลังจบเกมพบสุโขทัย เมื่อวันอาทิตย์ แต่สุดท้าย “มาดามอ้อ” ประกาศชัดเจนว่าจะไม่ลาออก และพร้อมเดินหน้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยบอกว่าจะให้เวลากลุ่มทุนจากกัมพูชาถึงวันพุธที่ 20 ธันวาคมนี้ หากยังไม่แสดงตัว หรือพยายามเข้ามาเจรจาให้เรื่องนี้ให้จบก็จะทำการฟ้องร้องกันต่อไป

ส่วนเรื่องค่าจ้างนักเตะก็คือจะต้องหาสปอนเซอร์เข้ามาช่วยบริหารจัดการกันไป แต่ก็คงจะไม่หากลุ่มทุนใหม่เข้ามาเทคโอเวอร์แล้ว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็คงต้องติดตามตอนต่อไปว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร

ซึ่งถ้าให้เดาสำหรับสถานการณ์ในเวลานี้ของโปลิศ เทโรฯ ที่ถือว่าเป็นทีมระดับตำนานและเก่าแก้ที่สุดแล้วในศึกไทยลีกเวลานี้ ถ้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ซึ่งล่าสุดโดนฟีฟ่าสั่งห้ามซื้อตัวนักเตะในเลกสอง และถ้าสภาพนี้มีโอกาสที่ทีมอาจจะต้องไปลุ้นหนีตกชั้นท้ายฤดูกาล

และถ้าสมมติตกชั้นขึ้นมาจริงๆ สโมสรโปลิศ เทโร หรือ บีอีซี เทโร ศาสน ทีมระดับตำนาน ก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกับทีมอย่าง โอสถสภาฯ, ทีโอที, เพื่อนตำรวจ และอีกหลายๆ สโมสรที่ล้มหายตายจากออกจากสารบบฟุตบอลไทยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline