จบกันไปด้วยผลเสมอแบบไม่มีสกอร์ สำหรับศึกแดงเดือดในยกแรก ที่ดูจะไม่ค่อยเดือดสักเท่าไหร่ จากรูปเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่แทบจะพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว
ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เน้นเกมรับรอจังหวะสวนกลับ แต่ก็มีจังหวะพอได้เสียวอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่ก็ยังขาดความเฉียบคม และลงเอยด้วยการแบ่งแต้มในท้ายที่สุด ประเด็นหลังเกมจะมีอะไรบ้างเชิญรับชมกันได้เลยครับ
[ จังหวะสุดท้ายยังทำได้ไม่ดีพอ ]
เกมนี้ต้องบอกว่ารูปเกมก็เป็นไปตามที่คาด เป็นทางฝั่งเจ้าบ้าน ลิเวอร์พูล โหมบุกกระหน่ำตั้งแต่วินาทีแรกของเกม มีโอกาสทำประตูอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่สุดท้ายก็ไปตายจังหวะสุดท้ายตลอด
เกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสจบสกอร์ถึง 34 ครั้งตลอดทั้งเกม โดยเป็นการยิงตรงกรอบไปเพียง 8 ครั้งเท่านั้น นอกนั้นก็ยิงนกตกปลาไป ยิงเข้าตาข่ายบ้าง ติดบล็อคบ้าง
อีกทั้ง ต้องยอมรับตามตรงเลยว่าผู้เล่นในตำแหน่งตัวรุก และแผงมิดฟิลด์ของ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานกันแทบทุกคน
จังหวะเชื่อมเกมหรือจังหวะการสอดประสานกันในแดนคู่แข่ง วันนี้ทำได้ไม่ดีเลย จังหวะไหนควรจ่ายกลับยิง จังหวะไหนควรยิงกลับจ่าย มันดูผิดพลาดไปหมดจริงๆ
โม ซาล่าห์ เองที่มักถูกโฉลกในการเจอ แมนฯ ยูไนเต็ด วันนี้เองก็โชว์ฟอร์มไม่ออก การเล่นกับเพื่อนร่วมทีมยังไม่ลงตัว ดูขาดๆเกินๆ พอจะมีโอกาสได้ง้างประตูอยู่บ้างแต่ก็ไม่คมพอที่จะเบิกสกอร์ให้กับทีมได้
ส่วนนักเตะที่ต้องชมเลยก็คงต้องเป็น เทรนต์ ที่ดูจะทำอะไรได้บ้าง ทั้งจังหวะการจ่ายบอลสวยๆก็มีให้เห็นอยู่หลายครั้ง รวมทั้งจังหวะสับไกลที่ดูจะเป็นลูกที่ใกล้เคียงกับประตูที่สุดแล้วในเกมวันนี้
[ แมนยู มาดีกว่าที่คิด ]
วันนี้นอกจาก ลิเวอร์พูล จะทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานแล้ว ก็ต้องชมทางฝั่งทีมเยือนอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย ที่วันนี้ทำได้ดีมากๆ เกมรับเหนียวแน่นแข็งแกร่ง ต้านทานเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ได้ทุกรูปแบบจริงๆ
แม้จะไม่มี แฮร์รี่ เดอะคิง แม็คไกวร์ ที่เป็นเดอะแบกแผงเกมรับในช่วงหลัง แต่วันนี้โดยรวมถือว่าช่วยกันได้ดีแทบทุกจังหวะ
ผู้รักษาประตูอย่าง อังเดร โอนาน่า ก็กลับคืนฟอร์มเทพอีกครั้ง โดยวันนี้พี่แกจัดซุปเปอร์เซฟไปถึง 8 ครั้งตลอดทั้งเกม
แต่วันนี้พระเอกของงานคงหนีไม่พ้น ราฟาเอล วาราน ที่นัดนี้ได้รับโอกาสในการลงสนาม หลังจากช่วงหลังถูกดรอปเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง เรียกได้ว่าพี่แกเก็บกินได้หมดทุกดอกจริงๆ
ทั้งจังหวะการเล่นลูกกลางอากาศ ที่มีสถิติชนะถึง 100% เคลียร์บอล 15 ครั้ง แย่งบอลสำเร็จอีก 3 ครั้ง
รวมถึง ค็อปบี้ ไมนู เจ้าหนูวัย 18 ที่วันนี้ได้ลงสนามเป็นตัวจริง ก็ทำได้ดีเช่นกัน ดูเล่นได้นิ่งเกินวัย เกมรับก็ช่วยทีมได้ดีมากๆ จังหวะเข้าปะทะก็ถึงลูกถึงคนตลอด รวมถึงจังหวะจ่ายบอลสวยๆก็มีให้เห็นบ้างเหมือนกัน
นอกจากนั้น มีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องชมเลยก็คือ ภาษากายการตอบสนองของผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าน่าประทับใจมิใช่น้อย ดูมุ่งมั่นทุ่มเท บวกเป็นบวก วิ่งไล่บอลไม่มีหมดจริงๆ
[ 1 แต้มเท่ากัน แต่คุณค่าไม่เท่ากัน ]
ต้องเรียนตามตรงเลยว่าก่อนเกม ไม่ว่าจะสำนักไหนก็ต่างฟันธงว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บ 3 แต้มได้แบบไม่ระบมหัวแม่ตีน ทั้งฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่ง เกมรุกมีความดุดัน แถมยังมีสกิลยิงท้ายเกมอีก
ส่วน แมนยู ทั้งสภาพทีมก็พิการ ฟอร์มการเล่นก็ผีเข้าผีออกเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่เห็นภาพที่ ปีศาจแดง จะมีแต้มกลับบ้านได้เลย
สุดท้ายผลสรุปดันออกมาที่เสมอแบบไร้สกอร์ 0-0 เรียกได้ว่าเป็น 1 แต้มล้ำค่าของ แมนยู เลยก็ว่าได้ แม้ทำให้ทีมตกลงมาอยู่อันดับ 7 ตามหลังอันดับท็อปโฟร์อยู่ถึง 6 แต้ม
แต่ 1 แต้มในเกมแดงเดือด แล้วยิ่งเป็นในบ้านของ ลิเวอร์พูล ที่ช่วงหลังแทบจะโดนถลุงถังขี้ สภาพเละเทะออกมาแทบทุกนัด แถมตัวผู้เล่นที่พิการแบบนี้ การออกมาจาก แอนฟิลด์ แบบครบ 32 แล้วมีแต้มกลับบ้าน นับว่าเป็นอะไรที่น่ากราบหัวใจนักเตะ ปีศาจแดง ทุกคนจริงๆ
ส่วน ลิเวอร์พูล จัดได้ว่าเป็นอีกเกมที่น่าผิดหวัง ที่ควรจะเก็บ 3 แต้มได้แบบไม่ยากเย็นอะไร แต่ก็ดันทำแต้มหลุดมือทั้งที่ตัวเองเหนือกว่าแทบทุกด้าน ทำให้ต้องเสียจ่าฝูงกับ อาร์เซน่อล ที่วันเสาร์หน้าต้องมาตัดแต้มกันเองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งจ่าฝูงกันต่อไป
- บีเบลล์ กูนเนอร์ -