logo-heading

ในช่วงอาทิตย์ สองอาทิตย์ ที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ยากจะลืมเหมือนกันนะครับ สำหรับแฟน นิวคาสเซิ่ล เพราะพวกเขาตกรอบฟุตบอลถ้วย 2 รายการ ในช่วงระยะเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น

เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมาพวกเขาพลาดท่าเสียประตูในช่วงนาทีบาปของเกม จากความผิดพลาดของ คีแรน ทริปเปียร์ และมาแพ้ในช่วงการดวลจุดโทษ ทำให้ทีม สาลิกาดง ต้องตกรอบ คาราบาว คัพ ไปแบบน่าเสียดายจริงๆ

และย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งจะพ่าย เอซี มิลาน 1-2 แบบที่ตัวเองเล่นดีกว่าแทบจะทั้งเกม แต่ก็มาโดนหมัดฮุกของ เอซี มิลาน ในช่วงครึ่งหลัง ส่งผลให้ต้องตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปด้วยการรั้งอันดับบ๊วยของกลุ่ม

นิวคาสเซิ่ล กับช่วงเวลาแห่งฝันร้าย ?

ถ้าจะถามว่า นิวคาสเซิ่ล อยู่ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ หรืออยู่ในช่วงเวลาที่ต้องอดทนหรือไม่ แน่นอนครับว่าตลอดช่วงเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยจะโสภาเสียเท่าไหร่นัก

ทั้งการตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลัก และ คาราบาว คัพ แต่ความรู้สึกผมก็ต้องบอกตามตรงว่า รู้สึกน่าเสียดายมากกว่า เพราะด้วยปัจจัยหลายๆอย่างในฤดูกาลนี้มันไม่เอื้อต่อการลงเตะแบบเนื่อง ในหลายๆถ้วยจริงๆ

ทั้งขุมกำลังเชิงลึกที่ยังดูไม่แข็งแกร่งพอ และปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ ที่พรากผู้เล่นไปแทบจะตลอด จนต้องดันดาวรุ่งขึ้นมาเล่นเพราะไม่มีตัวจะลงสนาม

อีกทั้ง เอ็ดดี้ ฮาว ยังลากผู้เล่นชุดเดิมๆลงสนามติดต่อกันมาหลายต่อหลายนัด จนนักเตะกรอบเป็นข้าวเกรียบ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้วยทุกรายการมีความสำคัญเท่ากันหมด

จากเหตุการณ์ที่กล่าวมาต้องเรียกว่า "น่าเสียดาย" มากกกว่า เพราะช่วงเวลาเรียกว่าฝันร้าย และต้องอดทนนั่นก็คือ ช่วงเวลา 14 ปี ภายใต้การบริหารของ ไมค์ แอชลีย์ เนี่ยแหละครับ ที่เรียกว่า เป็นช่วงเวลาแห่งฝันร้าย และต้องอดทนอย่างแท้จริง

เพราะตลอดระยะเวลา 14 ปี ไมค์ แอชลีย์ ไม่ได้สร้างคุณประโยชน์ หรือคุณงามความดีอะไรให้กับทีม เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังสร้างความทุกทรมาณ และความเจ็บปวดให้กับเหล่า ทูน อาร์มี่ แบบแสนสาหัส

ด้วยการพาทีมตกชั้นถึง 2 ครั้ง แบบแทบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย แถมพี่แกยังสัญญาไว้อีกว่า ถ้าสโมสรกลับขึ้นชั้นมายัง พรีเมียร์ลีก ได้เมื่อไหร่ จะให้งบเสริมทับแบบเต็มอัตราศึกให้กับ ราฟาเอล เบนิเตซ

แต่ทว่าการพูดของ ไมค์ แอชลี่ย์ ก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น พอ ราฟา หมดสัญญากับทีม ก็กล่าวเซย์กู๊ดบายกับ นิวคาสเซิ่ล แบบไม่ให้เสียเวลาคิดนาน

กระทั่งเมื่อโลกต้องเผชิญกับภาวะโลกระบาดอย่าง โควิด-19 ทำให้ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ไม่เปิดให้แฟนบอลเข้าไปรับชมในสนาม ทำสโมสรไม่มีรายได้มาจุนเจือ

พี่ ไมค์ แอชลีย์ เลยแก้ปัญด้วยการตัดเงินพนักงานทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับทีมทั้งหมด แล้วให้ไปรับเงินเยี่ยวยาจากรัฐบาลเอาเอง นับได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ห่วยแตก เหมือนสักประเทศแถวๆนี้เลยนะครับ ?

นอกจากเจ้าของทีมจะบริหารทีมได้ห่วยแตกแล้ว โค้ช หรือรวมถึงนักเตะ ก็เล่นได้แบบไร้อนาคตสุดๆ เหมือนเล่นรอตกชั้นไปวันๆ ไม่มีกระจิตกระใจในการเล่นให้ชนะเลยแม้แต่น้อย แถมยังโดนเหล่าบรรดาทีมใหญ่ หรือทีมระดับกลางตารางอัดเละแทบจะตลอด

นี่แหละครับที่ช่วงเวลาที่ ทูน อาร์มี่ ตกอยู่นภวังแห่งความสิ้นหวัง และฝันร้ายอย่างแท้จริง 

นิวคาสเซิ่ล กับช่วงเวลาแห่งฝันร้าย ?

 

อย่างที่เหล่า ทูน อาร์มี ได้เคยประกาศ และแปะป้ายไว้ว่า "We don't demand a team that wins, we demand a team that tries" นั่นก็หมายถึง เราไม่ได้ต้องการให้ทีมชนะ แต่เราต้องการให้ทีมสู้อย่างเต็มที่

เพราะฉนั้นแล้วกับอีแค่การ ตกรอบ แชมเปี้ยน์ลีก ที่มาเล่นครั้งแรกในรอบ 20 ปี และการตกรอบ คาราว คัพ นับได้ว่าเป็นเรื่องขี้ประติ๋วเท่านั้น ถ้าเทียบกับ เหตุการณ์และช่วงเวลา 14 ปี ที่ นิวคาสเซิ่ล ได้ประสบพบเจอมา

เพราะในตอนนี้ นิวคาสเซิ่ล กำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว ต้องมีหกล้มบ้างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่เชื่อได้เลยว่าหลังจากนี้ ทีมสาลิกาดง จะขึ้นมาต่อกรกับเหล่าบรรดาบิ๊กทีมได้อย่างแน่นอน

นิวคาสเซิ่ล กับช่วงเวลาแห่งฝันร้าย ?

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline