logo-heading

เหลือเวลาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ ศึกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีเอเชีย อย่างศึก "เอเชี่ยน คัพ 2023" ก็จะเปิดฉากฟาดแข้งอย่างเป็นทางการที่ดินแดนแห่งทะเลทรายอย่างประเทศกาตาร์ เจ้าภาพฟุตบอลโลก ครั้งล่าสุด 

โดยทีมช้างศึกของเราต้องเจอกับข้าวร้ายเมื่อจะไม่มีกองหน้าอันดับหนึ่งของทีมอย่าง "ธีรศิลป์ แดงดา" ในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้แน่นอนแล้ว หลังเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกขาด และกระดูกเข่าขวาร้าว ต้องพักรักษาตัวยาวถึง 8 สัปดาห์  

นี่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ โจทย์สำคัญที่กุนซือคนใหม่อย่าง "มาซาทาดะ อิชิอิ" จะต้องแก้ไข และเตรียมพร้อมสำหรับการไปชิงชัยในศึกชิงแชมป์เอเชียหนนี้ ซึ่งทีมชาติไทย ที่ไม่มี ธีรศิลป์ แดงดา จะเป็นอย่างไร เรามาวิเคราะห์ไปพร้อมๆ กันครับ

พูดถึง ธีรศิลป์ แดงดา แม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไป 35 ปี แล้ว สำหรับอาชีพนักฟุตบอลถือว่าเป็นช่วงปลายของการค้าแข้ง ซึ่งนักเตะบางคนก็อาจจะเลิกเล่นหรือแขวนสตั๊ดไปแล้ว หรือต่อให้เล่นอยู่ก็อาจจะเล่นในลีกรอง หรือทีมระดับกลางๆ ของไทยลีก 

แต่สำหรับเจ้ามุ้ย ยังคงเล่นอยู่ในลีกสูงสุดกับทีมระดับลุ้นแชมป์อย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แถมยังเป็นตัวหลักและก็ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในนามทีมชาติแม้หลายคนจะบอกว่า “มุ้ยหมดแล้ว” แต่ในความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้ยังไม่มีกองหน้าคนไหนที่จะขึ้นมาแทน ธีรศิลป์ และเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งให้กับทีมช้างศึกได้เลย ทำให้สุดท้ายไม่ว่าใครจะมาเป็นโค้ช ก็ยังต้องเรียกพี่มุ้ยมาติดทีมชาติเสมอ

อย่างที่ มาโน่ โพลกิ้ง ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า แม้ ธีรศิลป์ จะไม่สมบูรณ์ แต่การมีเขาอยู่ในทีม ต่อให้เล่นได้แค่ 5 หรือ 10 นาที มันก็ดีกว่าไม่มีแน่นอน ซึ่งเราก็เห็นกันแล้วในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกนัดล่าสุด กับสิงคโปร์ ที่ ธีรศิลป์ ลงมาเป็นสำรอง แล้วกลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทยคว้าชัยชนะในเกมนั้นได้

การขาดหายไปของ ธีรศิลป์ ในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ถือว่าเสียหายมาก เพราะเราจะขาดกองหน้าที่มีประสบการณ์ในระดับสูงมากที่สุดไป เปรียบเสมือนทีมชาติอังกฤษ ต้องขาด แฮร์รี่ เคน ยังไงยังนั้นเลย และจะว่าไปนี่ก็อาจจะเป็นเอเชี่ยน คัพ ครั้งสุดท้ายของดาวยิงวัย 35 ปีด้วย ซึ่งน่าเสียดายมากๆ

คราวนี้เรามาดูกันว่าเมื่อทีมชาติไทย ไม่มี ธีรศิลป์ จะเป็นอย่างไร สำหรับในเกมอุ่นเครื่องที่เราจะบุกไปเยือน ญี่ปุ่น ในวันที่ 1 มกราคมนี้ ล่าสุดตามข่าวก็คือ มาซาทาดะ อิชิอิ จะเรียกตัว ยศกร บูรพา กองหน้าดาวรุ่งวัย 18 ปี จากชลบุรี เอฟซี เข้ามาแทน ซึ่งถามว่าโอเคไหม มันก็โอเคแหละ เพราะเราก็เห็นอยู่ว่า ยศกร ก็เคยผ่านเกมระดับชาติมาทั้งกับ ยู23 และทีมชุดใหญ่ในการไปยุโรป ก่อนหน้านี้

แต่ถ้าพูดถึงความน่าจะเป็น จริงๆ โอกาสนี้น่าจะเป็นของ ศุภชัย ใจเด็ด จากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งจะโชว์ฟอร์มยิงไป 2 ประตูให้กับปราสาทสายฟ้าในเกมล่าสุด และเป็นกองหน้าไทยที่ยิงได้เยอะสุดในไทยลีกเวลานี้ด้วย แถมยังเป็นกองหน้าที่ อิชิอิ ปลุกปั้นให้เป็นยอดดาวยิงก่อนหน้านี้ แต่อาจจะด้วยบุรีรัมย์ มีเกมตกค้างในวันที่ 28 ธันวาคม และด้วยปัจจัยอีกหลายๆ อย่างทำให้สุดท้ายหวยไปออกที่ ยศกร บูรพา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้ว อิชิอิ เป็นคนเลือกเองหรือเปล่า นี่เป็นคำถามที่ผมสงสัย

แต่ก็ช่างมั้นเถอะเพราะว่าทุกอย่างมันก็เป็นไปตามนั้นแล้ว เท่ากับว่าในเกมอุ่นเครื่องกับ ญี่ปุ่น เราจะมีกองหน้า 2 คน ก็คือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กับ ยศกร บูรพา ซึ่งก็เหมือนกับตอนที่ไปอุ่นเครื่องที่ยุโรปนั่นแหละ ซึ่งก่อนหน้านี้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก็ถอนตัวไปแล้วคนนึง เนื่องจากโอเอช ลูเวิน ไม่ปล่อยตัวมา ซึ่งเกมกับญี่ปุ่นก็ต้องมารอดูกันว่ากองหน้าดาวรุ่งทั้ง ธีรศักดิ์ กับ ยศกร ใครจะมีโอกาสได้ลงสนาม หรืออาจจะได้ลงทั้งคู่ ก็ต้องมารอดูว่าทั้งคู่จะทำผลงานได้เข้าตา อิชิอิ หรือไม่ เพราะนี่อาจจะเป็นเกมพิสูจน์ฝีเท้าก่อนลุยเอเชี่ยน คัพ ก็เป็นได้ หากทำผลงานดี ก็อาจจะได้เป็นตัวแทนของ ธีรศิลป์ ในเอเชี่ยน คัพ

หลังจบเกมอุ่นเครื่องกับญี่ปุ่น ทีมชาติไทย ของเราก็จะมีการประกาศรายชื่อออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อลงทำการแข่งขันเอเชี่ยน คัพ 2023 ซึ่งบอกเลยว่าน่าจะเป็นคนละชุดกับที่ไปอุ่นเครื่องที่ญี่ปุ่นแน่นอน อาจจะมีตัวหลักที่เราคุ้นๆ กันอยู่ประมาณ 10-15 คนที่ได้ติดแน่ๆ แต่ที่เหลือก็อาจจะมีนักเตะที่ไม่มีชื่อในทีมชุดนี้ กลับมาติดทีมอีกครั้ง

เรามาว่ากันที่ตำแหน่งปัญหาอย่างกองหน้า ที่ไม่มี ธีรศิลป์ แล้วใครจะมาแทน ส่วนตัวคิดว่าในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ระดับเอเชี่ยน คัพ อิชิอิ น่าจะเรียกกองหน้าไปอย่างน้อย 3-4 คน ส่วนตัวคิดว่า 4 คน คนที่จะกลับมามีชื่อแน่ๆ ก็คือ ศุภชัย ใจเด็ด กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ส่วนอีกสองก็อย่างที่บอกว่า ธีรศักดิ์ เผยพิมาย กับ ยศกร บูรพา จะมีใครทำผลงานได้เข้าตากุนซือชาวญี่ปุ่นหรือไม่ ซึ่งเต็มที่ก็น่าจะแค่คนเดียว ถ้าให้เดาก็อาจจะเป็น ธีรศักดิ์ เผยพิมาย เท่ากับว่าตอนนี้น่าจะมีแน่ๆ แล้ว 3 คน

แต่ถ้าจะเจาะลึกลงไปกองหน้าทั้ง 3 คน ที่เอ่ยถึงมานั้น มีเพียงคนเดียวที่เป็นหน้าเป้าขนานแท้ นั้นก็คือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ขณะที่ ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ สามารถเล่นหน้าเป้าได้ แต่กับสโมสรทั้งคู่จะถูกจับไปเล่นด้านข้าง หรือหน้าต่ำมากกว่า ดังนั้นส่วนตัวผมคิดว่าควรจะเรียกหน้าเป้าขนานแท้ไปอีกสักคน และคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ปรเมศย์ อาจวิไล ของเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ผลงานก็โดดเด่นเช่นกันในไทยลีก ฤดูกาลนี้ แม้ผลงานของทีมจะไม่ค่อยดีก็ตาม 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกองหน้าที่เอ่ยมาทั้งหมด ก็ถือว่ายังอ่อนกับเกมระดับนานาชาติที่เป็นทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ขนาดนี้ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่ทำให้ใครแจ้งเกิด และเราอาจจะได้กองหน้าเบอร์หนึ่งทีมชาติไทยคนใหม่ที่จะมาแทนที่ ธีรศิลป์ แดงดา ก็เป็นได้ อย่างที่เขาบอกกันว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่มันจะเป็นแบบนั้นไหมก็ต้องมารอดูกัน

ตอนนี้อย่างที่บอกว่าเราขาด ธีรศิลป์ แดงดา ไปแล้วหนึ่งคน จากนี้เราต้องมาภาวนาให้นักเตะระดับซีเนียร์อย่ามีใครเจ็บเพิ่มเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเตะอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ที่ถือเป็นศูนย์รวมของทีมชาติไทยชุดนี้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ผู้รักษาประตูที่ผมคิดว่าจะเป็นมือหนึ่งในยุคของ อิชิอิ ซึ่งบอกเลยว่าฟุตบอลระดับเอเชี่ยน คัพ เราต้องมีผู้รักษาประตูจอมเก๋าอย่างพี่แชมป์ในทีม อีกคนก็คือ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ต้องมาลุ้นกันว่าขอให้หายทันและฟิตทันลงเตะเอชี่ยน คัพ แถมอีกคนแม้จะไม่ใช่ ซีเนียร์ แต่ขอเลยอย่าเจ็บและต้องไปเอชี่ยน คัพ ให้ได้ นั่นก็คือ นิโคลัส มิคเกลสัน แบ็กขวาที่จะมายกระดับทีมชาติไทยของเราให้แกร่งขึ้น

สำหรับในเอเชี่ยน คัพ 2023 ครั้งนี้ ทีมชาติไทยของเราอยู่ในกลุ่ม F ร่วมกับ ซาอุดิอาระเบีย, คีร์กีซสถาน และ โอมาน โดยนัดแรกเราจะเปิดสนามพบกับ  คีร์กีซสถาน  ในวันที่ 16 มกราคม 2567 ต่อด้วยนัดที่ 2 วันที่ 21 มกราคม 2567 พบโอมาน และปิดท้ายรอบแรก 25 มกราคม 2567 พบกับ ซาอุดิอาระเบีย 

ซึ่งในเอเชี่ยน คัพ 2023 นี้ มีทั้งหมด 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จะเอาแชมป์กับรองแชมป์กลุ่มเข้ารอบอัตโนมัติ บวกกับอันดับ 3 ที่ดีที่สุด อีก 4 ทีม ดังนั้นจะว่าไปโอกาสเข้ารอบสองของไทยก็ยังเปิดกว้าง ถ้าเราทำผลงานได้ดีในสองนัดแรก ก็มารอลุ้นกันครับ ว่าไทยจะไปได้ไกลแค่ไหนในเอเชีายน คัพ

และมารอดูกันด้วยว่า เมื่อไม่มี ธีรศิลป์ แดงดา ใครจะสามารถก้าวขึ้นมาเป้นกองหน้าตัวหลักของทีมชาติไทยได้ในอนาคต
  
#ชิชาริเต่า

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline