logo-heading

ทีมชาติไทย มีเวลาเตรียมทีมฝึกซ้อมอีกประมาณ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์หลังจากนี้ ก่อนที่จะลงสนามนัดแรกในศึกเอเชี่ยน คัพ 2023 ซึ่งมีคิวพบกับ คีร์กีซสถาน ในวันที่ 16 มกราคมนี้

ตอนนี้ทีมชาติไทยของเรากลับมารวมตัวกันฝึกซ้อมได้ 2 วันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา วันนี้ (9 ม.ค.67) ถือเป็นวันที่ 3 ของการเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อม ซึ่งเป็นวันแรกที่เราจะได้ซ้อมร่วมกันครบทั้ง 26 คนเป็นครั้งแรก

หลังจากที่นักเตะคนสุดท้ายอย่าง พิชา อุทรา ที่ถูกเรียกตัวมาแทน เอกนิษฐ์ ปัญญา นั้นเดินทางมาเข้าแคมป์เป็นคนสุดท้ายเมื่อคืนวันที่ 8 มกราคมที่ผ่าน ซึ่งยังไม่ได้ลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม

ก่อนหน้าที่ทีมชาติไทย จะเข้าแคมป์เก็บตัวฝึกซ้อมในการเตรียมทีมลุยเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ ถือว่าเจอปัญหา และมีดราม่าเกิดขึ้นมากมาย ไล่ตั้งแต่ผลการอุ่นเครื่องที่บุกไปพ่ายญี่ปุ่น ถึง 5-0

ต่อด้วยดราม่าเรื่องการฝึกซ้อมช้า เนื่องจากมีเกมตกค้างไทยลีก แถมยังเป็นชาติท้ายๆ ที่จะเดินทางไปกาตาร์ ทั้งๆ ที่ชาติอื่นก็พาเหรดเดินทางถึงกันหมดแล้ว

และดราม่าที่ถือเป็นประเด็นใหญ่สุดนั่นก็คือเรื่องการถอนตัวของ "เอกนิษฐ์ ปัญญา" ด้วยเหตุผลตามข่าวที่ออกไป ซึ่งก็คงไม่ต้องมาเขียนซ้ำให้เสียเวลา

เอาเป็นว่าก่อนถึงทัวร์นาเม้นท์ใหญ่จะเริ่มขึ้น ดูทีมชาติไทย จะมีแต่ปัญหาเต็มไปหมด ซึ่งบางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องชาชินไปเสียแล้ว เพราะการเตรียมทีมของช้างศึกในทุกครั้งที่ผ่านมา มันก็จะมีดราม่าอยู่ตลอด ไม่เคยราบรื่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ หลังจากเกิดดราม่าต่างๆ ขึ้นมานั้น กลับไม่ค่อยมีใครสนใจถึงตัวทีมชาติไทย เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็จะพุ่งเป้าไปที่สืบหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พยายามพาคนผิด หาคนออกมารับผิดชอบในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งมันไม่ผิด เพราะความผิดพลาดอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา มันก็สมควรที่จะมีคนออกมารับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ

แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนเราลืมทีมชาติไทย ไม่ค่อยมีใครแคร์ความรู้สึก หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทีมชาติไทย เท่าไหร่ เหมือนกับว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นักเตะคนไหนจะถอน ทีมชาติจะมีเวลาซ้อมแค่ไหน ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้น และดูเหมือนไม่มีใครที่จะพยายามแก้ไขทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย ดูเหมือนจะชิลกันหมด รอถึงเวลาก็ไปแข่งขัน

แต่อย่างไรก็ดีเท่าที่ทราบข้อมูลภายในแคมป์ ไล่ตั้งแต่สตาฟฟ์โค้ช ทีมงาน รวมทั้งนักเตะทั้ง 26 คน ไม่ได้มีใครได้รับผลกระทบจากดราม่าที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทุกคนในทีมมีสภาพจิตใจที่ดี และทุกคนมีความมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะพาทีมชาติไทย ทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้

เพราะทุกคนรู้ดีว่านี่คือทัวร์นาเม้นท์ที่ใหญ่ที่สุดของทวีป และถือเป็นรายการใหญ่สูงสุดแล้วที่นักเตะทีมชาติไทยคนนึงจะได้ลงสนามในนามทีมชาติไทย เพราะยังไงฟุตบอลโลก ก็คงยังอีกไกลที่ทีมชาติไทยจะไปถึง ดังนั้นทุกคนที่ติดทีมชาติ จึงต้องการลงเล่น และเป็นส่วนนึงในการพาทีมประสบความสำเร็จในครั้งนี้

สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดดราม่าอะไรขึ้นก็ตาม แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะมูฟออน และลืมดราม่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นไป เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ทีมชาติไทยของเราต้องเดินหน้าต่อ และมีการแข่งขันที่สำคัญรออยู่

ตอนนี้นักเตะทีมชาติไทย ทุกคน ต้องการกำลังใจ เรื่องที่เกิดขึ้นมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ดังนั้นก็ต้องยอมรับมัน และเดินหน้าต่อไป

เชื่อว่าพอถึงเวลาที่ทีมชาติไทยลงสนามนัดแรกวันที่ 16 มกราคมนี้ ทีมช้างศึกเข้าสู่ทัวร์นาเม้นท์อย่างเป็นทางการ บรรยากาศต่างๆ ก็จะกลับมาดีขึ้น ทุกคนก็จะกลับมารวมใจเชียร์ทีมชาติไทยร่วมกันอีกครั้ง

แต่ปัญหาตอนนี้ที่ต้องลุ้นก็คือ เอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดมาที่ประเทศไทยให้แฟนบอลชาวไทยได้รับชมผ่านหน้าจอทีวีหรือไม่ ถ้ามีถ่ายทอดสด และทีมชาติไทย ทำผลงานได้ดี มันก็จะเป็นแรงบวกส่งให้กระแสทีมชาติไทยกลับมา

แต่ในทางกลับกันถ้าผลงานไม่ดี ก็ถึงเวลาที่เราจะกลับมาทบทวนและสะสางปัญหาเรื่องทีมชาติไทยครั้งใหญ่กันอีกครั้ง แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าจะมีถ่ายทอดสดไหม นี่คือสิ่งที่แฟนบอลก็ตามลุ้นกันอยู่จนถึงวินาทีสุดท้าย

สำหรับแฟนบอลชาวไทยก็รอลุ้นแล้วกันว่าเราจะได้ดูถ่ายทอดสดแบบถูกลิขสิทธิ์กันหรือไม่ 

สุดท้ายก็อยากจะบอกอีกครั้งว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่เราต้องมูฟออนจากเรื่องต่างๆ แล้วมารอเชียร์ส่งกำลังใจให้ทีมชาติไทย ของเรากันดีกว่า เพื่อเป้าหมายสำคัญในศึกเอเชี่ยน คัพ 2023 นี้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline