logo-heading

2 นัดหลังสุดที่ เควิน เดอ บรอยน์ ลงมาเป็นตัวสำรอง เขาใช้เวลาแค่ 55 นาที ในการทำ 1 ประตู 2 แอสซิสต์ มันไม่ใช่แค่การช่วยให้ทีมชนะ แต่เป็นการมอบมิติเกมรุกที่ซิตี้ขาดมาโดยตลอดด้วย

ปีนี้ซิตี้ขาดอะไร? ผมขออธิบายการยืนตำแหน่งก่อน พวกเขาเล่นระบบ 4-2-3-1 แต่ช่วงเกมรุกจะปรับมาเล่น 3-2-4-1 จากการเคลื่อนที่ 3 ตำแหน่ง

ตำแหน่งแรกคือแบ็กซ้าย ตอนเล่นเกมรุกจะต้องหุบเข้ามายืนเซนเตอร์ นี่คือสาเหตุที่เป๊ปเลือกกวาร์ดิโอลหรืออาเก้ เพราะเล่นได้ 2 ตำแหน่งพร้อมกัน และมีทักษะการใช้เท้าดีทั้งคู่

ตำแหน่งต่อมาคือแบ็กขวา วอล์คเกอร์ตอนบุกจะไม่ใช่ฟูลแบ็กอีกต่อไป แต่จะขยับสูงไปเป็นปีกขวาแทน จากนั้นปีกขวาคนเก่าอย่าง โฟเด้น หรือแบร์นาร์โด้ จะต้องหุบเข้ามายืนหน้าต่ำ เพื่อไม่ให้ตำแหน่งทับกับวอล์คเกอร์ที่เติมขึ้นมา

การกลับมาของ KDB ตัวเดียวเสียวทั้งลีก

 

หากใครนึกภาพไม่ออก ช่วงก่อนที่ KDB จะกลับมา เซตตัวจริงเวลายืน 3-2-4-1 กองหน้าคือฮาลันด์ / ปีกซ้ายโดกู / หน้าต่ำคู่ อัลวาเรซ, โฟเด้น / ปีกขวาวอล์คเกอร์ / มิดฟิลด์โรดรี้กับแบร์นาร์โด้ / 3 เซนเตอร์ กวาร์ดิโอล, ดิอาส, อคานจี้

ข้อดีคือพอมีหน้าต่ำ 2 คน การสร้างสถานการณ์กดดันตรงกลางจะดีมาก ซึ่งเมื่อรวมกับมิดฟิลด์ตัวกลางอีก 2 คน มันจะเหมือนซิตี้สร้างกรอบ 4 เหลี่ยมขึ้นมา ใช้รุมมิดฟิลด์คู่ต่อสู้ได้ 

หรือบางทีหน้าต่ำ 2 คน ก็เติมเข้ากรอบไปช่วยฮาลันด์ เราเลยได้เห็นการทำประตูแบบทำชิ่งเร็วๆ ตรงกลางเยอะมาก

อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือสไตล์ของตัวรุกมันไม่มีเพลย์เมกเกอร์ธรรมชาติเลย เช่น โดกูเลี้ยงบอลเก่งมาก สถิติอันดับ 1 พรีเมียร์ลีก แต่สร้างโอกาสให้เพื่อนเฉลี่ยไม่เกิน 2 ครั้งต่อเกม, ฝั่งขวาวอล์คเกอร์ก็เป็นแบ็กเก่า ได้ความดุดัน ได้ใช้สปีด แต่ก็ไม่ใช่นักทำเกมมืออาชีพ

ส่วนหน้าต่ำตรงกลาง อัลวาเรซสร้างโอกาสเฉลี่ย 2.4 ครั้ง, โฟเด้น 2.1 ครั้ง หรือแบร์นาร์โด้ที่ทำไป 1.9 ครั้ง ซึ่งมันก็ไม่ได้น้อยเลย แต่ยังห่างกับมาตรฐาน KDB ที่ปีก่อนเปิดป้อนให้เพื่อนเฉลี่ยนัดละ 3.1 ครั้ง 

หรือถ้าย้อนไปไกลกว่านั้น 4 ฤดูกาลหลังสุด KDB เปิดป้อนเฉลี่ยเกิน 3.0 ครั้งหมดเลย 

เวลาเจอทีมรับลึก บางครั้งแก๊งตัวคล่องของซิตี้ก็เจาะเข้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำได้ทุกนัด เช่นเกมกับนิวคาสเซิ่ล ถ้าไม่ได้ KDB ลงมาปลดล็อค บางทีอาจจบเกมแบบแพ้ด้วยซ้ำ

การกลับมาของ KDB ตัวเดียวเสียวทั้งลีก

เขามองเห็นช่องที่คนไม่ค่อยเห็น จนถึงขั้นที่เป๊ปต้องชมเลยว่า "การมองช่องต่างๆ ในพื้นที่สุดท้าย มันไม่เกี่ยวกับแท็กติกเลย มันเกี่ยวกับพรสวรรค์ล้วนๆ ซึ่ง KDB เขามีสิ่งนี้"

เท่านั้นไม่พอ KDB ไม่ได้เก่งแค่การแทงทะลุช่อง หรือวางบอลยาวจากตรงกลาง เพราะสำหรับผมแล้ว สิ่งที่ทำให้ KDB อาจจะเป็นเพลย์เมกเกอร์ดีสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีก คือสามารถส่งบอลได้จากทุกตำแหน่งในสนามด้วย เช่นการครอสบอลด้านข้าง นัดล่าสุดลงมาแปปเดียวล่อไป 9 ครั้ง

นี่คือตัว Edit ของแท้ เพราะนอกจากจะแทงตรงกลางแม่นแบบฟาเบรกาสหรือโอซิลแล้ว เขายังครอสด้านข้างระดับเดียวกับเบ็คแฮ่มด้วย 

จากนี้ให้จับตาดูการเล่นของซิตี้ให้ดี ถ้ายังเล่นแผนเดิมสลับจาก 4-2-3-1 ไปเป็น 3-2-4-1 เขาสามารถลงตรงไหนก็ได้ จะเป็นหน้าต่ำก็ได้, ปีกขวาที่หุบเข้ามาตรงกลางก็ได้ หรือลงคู่กับโรดรี้ไปเลยก็ไม่เสียหาย

จนถึงตอนนี้ซิตี้ชนะมาแล้ว 6 นัดรวดทุกรายการ โปรแกรมเกมลีก 3 นัดจากนี้ก็ไม่แข็งมาก ดวลกับเบิร์นลี่ย์, เบรนท์ฟอร์ด และเอฟเวอร์ตัน นี่คือช่วงที่ซิตี้เตรียมโกยแต้ม + รอลุ้นเอฟเฟ็คว่าการที่หงส์ขาดซาลาห์กับเอ็นโดจะเป็นยังไง?

ซิตี้จะแซงคว้าแชมป์ได้หรือเปล่าผมไม่รู้? แต่ที่รู้ๆ KDB คงอยากประกาศให้ทั้งลีกรู้ว่า "ผมกลับมาแล้วนะครับ"

- Petr Boat -
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline