logo-heading

หลังฉากไม่เคยง่าย กว่า เอ็นโด จะเข้าไปนั่งในหัวใจ เดอะ ค็อป !

แต่ด้วยวัยกร้านโลก ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาพอสมควร มันเลยทำให้ผม กลายเป็นคนคิดมากว่า "เอ๊ะ เอ็นโด" เขาต้องต่อสู้กับอุปสรรคมามากน้อยแค่ไหนนะ กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้ ? จุดที่ไม่มีใครคาดถึงด้วยซ้ำว่า "เขาจะเป็นคนสำคัญของ ลิเวอร์พูล"

เอ็นโด มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยเครื่องหมายคำถามว่า "เอ็งเป็นใคร ?"

ผิดหวังจาก มอยเซส ไกเซโด้ 110 ล้านปอนด์ อกหักซ้ำซ้อนจาก โรเมโอ ลาเวีย ก็เลยต้องการแค่ใครสักคนมาอยู่ข้างๆ ก็เลยเปิดกล่องสุ่ม แล้วไปเอา เอ็นโด จาก สตุ๊ตการ์ท ที่ราคา 16 ล้านปอนด์ แบบนั้นอ่ะเหรอ ?

สำหรับผม ดีล เอ็นโด ให้ความรู้สึกเหมือนดีล อาร์ตูร์ เลยครับ ขอแค่ให้มีไว้ก่อน ดีไม่ดี ช่างแม่ง เพราะกูซื้อแล้วนะ !!

ใครไม่ติดตามฟุตบอลญี่ปุ่น ไม่ดู บุนเดสลีกา เยอรมัน ยิ่งแล้วใหญ่ ว่าทำไม เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องซื้อมาด้วย ขนาดชื่อเสียงเรียงนาม ยังมาถกเถียงกันเลยว่า มันต้องใช้ชื่อว่า เอ็นโด หรือ เอ็นโดะ กันแน่ !!

แต่นั่นแหละ พอซื้อมาแล้ว สาวก เดอะ ค็อป ก็เอาใจช่วย ผมเองก็เอาใจช่วย แอบหวังให้เขาเป็น ล็อตเตอรี่ รางวัลที่ 1 ที่ซื้อมาในราคาหลักร้อย ผลงานมันอาจจะผลิดอกขึ้่นมาในราคาหลักล้านก็ได้

แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เวลาเริ่มเป็นคำตอบแล้วว่า "เอ็นโด" อาจไม่ดีพอกับการเป็นตัวหลักให้กับ ลิเวอร์พูล ก็ได้ เพราะ คล็อปป์ แทบไม่เลือกใช้เขาลงสนามในเกมลีก โดยยอมถอย อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ไปเล่นเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 6 แทน

ซึ่งจะไปตำหนิ หรือ ไม่เห็นด้วยกับ คล็อปป์ ไม่ได้หรอก เพราะหลักฐานช่วงแรกมันก็ฟ้องอยู่

"ตอนที่ผมลงเล่นในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ผมสัมผัสได้เลยว่ามันเป็นเกมที่ยากต่อตัวเองมากๆ ที่นี่เร็วมากๆ ทุกอย่างต่างไปจากที่เดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้พละกำลังทางร่างกาย และ เทคนิคต่างๆ"

เอ็นโด เคยย้อนให้ฟัง ถึงเกมที่ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งวันนั้นเขาเจอกับ นิวคาสเซิ่ล ที่มีพลังการบุกดั่งลุกเป็นไฟ แถมผู้เล่นก็เหลือน้อย 1 คน ยิ่งทำให้ทุกอย่างมันหนักกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก

หลังจบเกมพลิกนรกเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล จากนั้นอีก 2 เดือน เอ็นโด ไม่ได้ลืมตาอ้าปากบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกเลย

ไม่ได้เป็นตัวจริงเลยสักนิด !! ถ้าได้เป็นตัวสำรอง ก็นาที 88 กับ 89 นุ้นแหละครับ !

เขาผ่านมันมาได้ยังไงนะ นั่นคือสิ่งที่ผมคิด หลังจากเขายิ้มรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของสโมสร

เป็นนักเตะ เอเชีย ที่ต้องมาเล่นอยู่กับทีมยักษ์ใหญ่
เป็นนักเตะ เอเชีย แต่ต้องมาเล่นในตำแหน่งตัดเกม
เป็นนักเตะ เอเชีย ที่ต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ผจญภัยด้วยตัวคนเดียว
เป็นนักเตะ ที่ต้องแบกรับความกดดันมากมาย โดยเฉพาะการถูกมองว่าเป็นดีล อะไหล่สำรอง

ยังมีอีกมากมาย ที่ เอ็นโด โดนเปรียบเทียบแบบไม่เป็นธรรม ทั้งๆที่คุณยังไม่ได้เห็นอะไรสักอย่างในตัวเขาเลย
ถ้ามีหลายคนบอกว่า "คุณยังไม่ดีพอ" คุณจะตอบโต้คนเหล่านั้นยังไง ?

คุณเลือกโหวกเหวกโวยวาย
คุณเลือกที่จะอารมณ์เสียใส่
คุณอาจทำตัวแบบที่ไม่ค่อยน่ารักมากนัก
แต่กับ วาตารุ เอ็นโด เขาไม่เลือกทำแบบนั้น ..

เขาเงียบ แต่ไม่ได้สงบนิ่ง
เขาเงียบ แต่ไม่ได้อยู่เฉย
เขาเงียบ แต่ฝึกซ้อมพัฒนาตัวเอง
เขาเงียบ แต่ก็ทำให้ตัวเองดีขึ้นในทุกๆวัน

เขาดีพอในสายตาไหมไม่รู้ แต่เมื่อไหร่ที่ได้รับโอกาส
เอ็นโด พร้อมคว้าโอกาส เพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอ

คนเงียบ ที่กลายเป็นเพชฌฆาต "อันตราย"
ประตูเปลี่ยนชีวิต คือการลงเป็นตัวสำรอง ช่วยให้ทีมแซงกลับมาชนะฟูแล่ม 4-3 วันนั้นเขายิงประตูตีเสมอ 3-3 ต่อหน้า เดอะ ค็อป ทั้งแอนฟิลด์ !!
จากนั้น 7 นัดต่อมา เขาปิดปากพวกเหล่า doubters ให้กลายเป็นพวก believers เหมือนวลีอมตะ ที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เชื่อแบบนั้นเสมอมา
เอเชีย แล้วไงเหรอ ตัวเล็กแล้วไงเหรอ ?

เอ็นโด ทำในสิ่งที่ควรทำ วิ่งไม่หยุด ไล่ตัดเกม คอยสกัดบอล, คอยปะทะคู่แข่ง, เก็บบอลจังหวะสอง และ อีกหนึ่งนัยยะคือการช่วยเกมรุกนั่นแหละครับ
หากทุกวันนี้ คุณเชิดชูฟุตบอลญี่ปุ่น ว่าไปไกลเกินกว่าเราจะเอื้อมถึง เอ็นโด คือตัวอย่างที่ทำให้ คำตอบ มันชัดเจนมากขึ้น ..

จากคนที่มองว่าเป็นอะไหล่สำรอง ตอนนี้เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญที่เข้าไปในนั่งอยู่ในใจสาวก เดอะ ค็อปแล้ว โดยรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนธันวาคม ของสโมสร คือเครื่องการันตี ชั้นดี

เอ็นโด มีสถิติที่ยอดเยี่ยมมากๆ ถ้าหากเขาลงเล่นเป็นตัวจริง ลิเวอร์พูล จะชนะถึง 6 จาก 8 นัด (75%) และ เสียประตูแค่ 5 ลูก (0.6 ประตูต่อเกม) แต่ถ้าไม่ได้ลงตัวจริง ลิเวอร์พูลชนะแค่ 7 จาก 12 นัด (58.3%) และเสียประตูถึง 13 ลูก (1.1 ประตูต่อเกม)

ค่าเฉลี่ย ถ้ามี เอ็นโด ลิเวอร์พูล จะเก็บได้ 2.4 แต้ม / เกม หากไม่มี เอ็นโด จะอยู่ที่ 1.8 คะแนน ต่อเกม

ในวันที่เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-2 ช่วงวันปีใหม่ ก่อนบินไปช่วยทีมชาติญี่ปุ่น เขาสร้างค่าเฉลี่ยเข้าสกัดบอลต่อเกม อยู่ที่ (2.22 ครั้ง) ตัดเกมอยู่ 1.50 ครั้ง, แย่งบอลอยู่ที่ 6.8 ครั้ง และ ผ่านบอลอยู่ที่ 64.4 ซึ่งทำได้ดีกว่า ฟาบินโญ่ เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

มาถึงตรงนี้ ก็เหมือนจะอวยก็ได้นะครับ แต่ผมกำลังยกย่องคนหนึ่ง ในฐานะที่ต้องย้ายมาต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แบบที่เขาไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ ย้ายมาพร้อมกับเครื่องหมายคำถามว่าจะทดแทน ไกเซโด้ ได้เหรอ ?

มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะก้าวผ่านมาได้แบบ วาตารุ เอ็นโด นี่คือนักสู้เลือด ซามูไร อย่างแท้จริง หวังว่าเขาจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมกับ ญี่ปุ่น และ กลับมาช่วย ลิเวอร์พูล อีกครั้ง

ฮาย ฮาวดี้-
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline