logo-heading

ย้อนกลับไปในวันที่ ลิเวอร์พูล คว้าตัวเขาเข้ามาร่วมทัพ แฟนหลาย ๆ คนอาจจะไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขามาก เพราะมีประสบการณ์จากนักเตะญี่ปุ่นอย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ไม่ปังเท่าที่ควร 

อย่างไรก็ตาม เอ็นโด ก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นแล้วว่า เขาคือหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ วันนี้ขอบสนามจะพาไปทำความรู้จักเขามากขึ้น

1. จุดเริ่มต้นนักฟุตบอลอาชีพ

วาตารุ เอ็นโด เกิด 9 กุมภาพันธ์ 1993 ที่เมืองโยโกฮาม่า เริ่มต้นกับทีมเยาวชน โชนัน เบลมาเร่ ในเวทีเจลีกปี 2008 และเขาถือเป็นกำลังหลักสำคัญของทีมทำ ทำประตูได้ถึง 23 ประตู ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นทำให้เขาได้ขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ปี 2010 ตอนนั้นเขามีอายุ 17 ปี  และยึดตัวจริงชุดใหญ่ในฤดูกาล 2011 ช่วงที่ทีมเล่นอยู่ในลีก เจทู ในวัยแค่ 18 ปี ก่อนไปเข้าตาแมวมองทีมใหญ่อย่าง อูราวะ เรด ไดมอนส์ และเขาได้ย้ายไปร่วมทีมใหญ่ อูราวะ เรด ไดมอนส์ ในฤดูกาล 2016 ขณะที่อายุ 23 ปี

2. เส้นทางสู่ยุโรป

หลังจากเล่นให้ อูราวะ เรด ไดมอนส์ 3 ฟดูกาล ฟอร์มเขาก็ไปเข้าตาแมวมองจาก แซงต์-ทรุยดอง ในลีกเบลเยียม ท้ายที่สุด แซงต์-ทรุยดอง ก็ตัดสินใจพาเขาข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่วมทัพ ในปี 2018 เป็นโอกาสแรกในชีวิตที่เขาได้เล่นในยุโรป อย่างไรก็ตาม แซงต์-ทรุยดอง ปล่อยยืมเขาไปยัง สตุ๊ตการ์ท ในปี 2019 และ สตุ๊ดการ์ท ตัดสินใจคว้าตัวเขามาร่วมทีมถาวร ซึ่งเขามีส่วนพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกรองขึ้นสู่ลีกสูงสุด บุนเดสลีกา และในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็ได้ไปคว้าตัวเขามาร่วมทัพในปี 2023 ด้วยค่าตัว 19 ล้านยูโร

 

 

ซึ่งเขาอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกของ ลิเวอร์พูล แต่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในช่วงเวลานี้ และช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง เอ็นโด ได้ลงสนามในยูนิฟอร์ม ลิเวอร์พูล ครั้งแรก เกมพรีเมียร์ลีก วันที่ 19 สิงหาคม 2023 ในเกมที่ ลิเวอร์พูล ชนะ บอร์นมัธ 3-1 และสามารถทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูล ได้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2023 เกม ยูโรป้า ลีก ลิเวอร์พูล ชนะ ตูลูส 5-1

3. ความเป็นผู้นำ

เอ็นโด เป็นนักเตะที่มากด้วยประสบการณ์ และด้วยความมีบุคคลิคเป็นผู้นำนอกจากเขาจะได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมให้ทีมชาติญี่ปุ่น ชุดโอลิมปิก 2016 เขายังได้รับหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมม้าขาว สตุ๊ตการ์ท ในปี 2021 

ทั้งนี้ เปเยกริโน่ มาเตรัซโซ่ กุนซือของ สตุ๊ตการ์ท ได้เลือกเขาเป็นกัปตันทีมต่อจาก กอนซาโล่ คาสโต้ ที่ย้ายออกจากทีมซึ่งทำให้เขาเป็นกัปตันทีมเชื้อสายเอเชียคนที่สองใน บุนเดสลีกา ต่อจาก มาโกโตะ ฮาเซเบะ โดยกล่าวไว้ว่า "มันสำคัญสำหรับผมที่กัปตันทีมต้องสามารถพาทุกคนไปกับเขาได้ ซึ่ง เอ็นโด แสดงถึงคุณค่าที่เรายืนหยัด ผมเลือกเขาเพราะเขาเป็นคนที่มอบพื้นที่ให้ผู้เล่นคนอื่นได้รับผิดชอบร่วมกัน"

4. สไตล์การเล่น

เอ็นโด เป็นกลางรับธรรมชาติ แต่สามารถเล่นเซ็นเตอร์แบ็กได้ แต่คงไม่ดีเท่ากลางรับ เมื่อดูผลงานด้านสถิติในการลงเล่นบุนเดสลีกา เขามีสถิติเด่นในเรื่องของ การชนะการดวลกลางอากาศ การเคลียร์บอล เคลียร์ลูกโหม่ง รวมถึงการผ่านบอลและ เข้าปะทะที่แม่นยำ ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น “เดอะ บอร์ดีการ์ด” และ ฮาร์ทบีต ของทีม สตุ๊ตการ์ท และเขาก็มาทำให้เห็นอีกครั้งในการเล่นให้ ลิเวอร์พูล 

 

5. ความฝันของนักเตะญี่ปุ่นวัย 30 ปี

ต้องบอกว่าบทสัมภาษณ์ของ เอ็นโด ในช่วงเวลาที่ย้ายมา ลิเวอร์พูล ได้ใจ เดอะ ค็อป ไปเต็ม ๆ เขาอาจจะไม่ใช่นักเตะซูเปอร์สตาร์ หรือเป้าหมายแรกของ ลิเวอร์พูล แต่ก็พร้อมพิสูจน์ตัวเองในวัย 30 ปี กับสโมสรบิ๊กของ อังกฤษ เพราะที่คือความใฝ่ฝันของเขามาโดยตลอด โดยเขาเคยกล่าวไว้ว่า "ผมเพิ่งรู้เมื่อสามสี่วันก่อนว่ามีโอกาส ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ผมเตรียมตัวเพื่อลงเล่น บุนเดสลีกา เยอรมัน แต่สุดสัปดาห์ผมย้ายมาเล่นที่ แอนฟิลด์ ต่อหน้าแฟนทั้งหมด มันบ้ามาก"

"ผมเข้าใจว่าทีมชั้นนำต้องการเด็กหนุ่มที่มีความสามารถ  แต่คุณรู้ไหม ? ผมบอกกับตัวเองว่านี่คือโอกาสเดียวที่นายจะได้ย้ายไปที่ ลิเวอร์พูล เมื่อ ไกเซโด้ ย้ายไป เชลซี ผมก็คิดว่าบางที บางทีบางทีพวกเขาต้องการมิดฟิลด์ที่มีประสบการณ์เพราะ เฮนเดอร์สัน ย้ายไปแล้วเช่นเดียวกับ ฟาบินโญ่ ดังนั้นผมจึงคิดว่าอาจมีโอกาส และ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมต้องตัดสินใจโดยเร็ว แต่แน่นอน ผมไม่อาจปฏิเสธได้เลย เพราะการได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก เป็นความฝันของผมเสมอ"

เอ็นโด ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ความมุ่งมั่น ความมีแพสชั่น ความอดทนรอ ความพากเพียร การทุ่มเทด้วยหัวใจ มักมีรางวัลตอบแทนเสมอ จากการที่ได้รับโอกาส และสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นจนเป็นนักเตะที่รักของแฟน ลิเวอร์พูล พร้อมกับได้รางวัลยอดเยี่ยมประจำเดือนของทางสโมสร เป็นรางวัลที่เขาคู่ควรจะได้รับ ทั้งนี้เขาลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล รวมแล้ว 24 เกม ทำไป 2 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์

น่าเสียดายที่ เอ็นโด ต้องไปรับใช้ทีมชาติญี่ปุ่นในการแข่งขันระดับทวีปอย่างศึก เอเชียน คัพ และด้วยความเป็นทีมชาติญี่ปุ่นที่พร้อมด้วยนักเตะมากประสบการณ์บนเวทียุโรปเต็มอัตราทัพ ก็ดูแล้วคงจะได้เข้ารอบลึก ๆ อย่างแน่นอน ดังนั้น ลิเวอร์พูล จะไม่มี เอ็นโด เป็นเวลาหนึ่งเดือน แฟน ลิเวอร์พูลต่างเสียดายที่ฟอร์มกำลังดี อยากให้ลงกับทีมอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าการรับใช้ชาติคือเกียรติยศสูงสุดเช่นเดียวกัน 

เดอะ ค็อป ได้แต่อวยพรให้เขาโชคดีกับการไปรับใช้ทีมชาติในครั้งนี้ และหวังว่าจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ที่สำคัญอย่าเจ็บกลับมาก็พอ แล้วพบกันในยูนิฟอร์ม ลิเวอร์พูล อีกหนึ่งเดือน เอ็นโด 

 

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline