logo-heading

อลอนโซ่เป็นคนยึดมั่นในแนวทางตัวเองมาก ชอบเล่นแผนหลัง 3 ตั้งแต่คุมโซเซียดาดชุดเล็ก พอย้ายมาคุมเลเวอร์คูเซ่นฤดูกาลก่อน ก็พยายามติดตั้งแผนหลัง 3 ทันที อย่างไรก็ตาม ผลงานไม่ถึงขั้นเปรี้ยง ชนะ 17 จาก 37 นัด ปีนี้เลยพยายามเสริมแข้งใหม่ เพื่อให้เข้ากับแผนมากขึ้น

เลเวอร์คูเซ่นยอมขายตัวหลักอย่าง มูซ่า ดิยาบี้ ให้วิลล่า ด้วยราคา 55 ล้านยูโร แต่ก็เอาไปเล่นแร่แปรธาตุสุดคุ้ม ไม่ว่าจะเป็น โยนาส ฮอฟมันน์, กรานิต ชาก้า, วิคเตอร์ โบนิเฟซ พวกนี้ย้ายเข้ามาแล้วอัพเกรดทีมหมดเลย หรือจะเป็น อเล็กซ์ กริลมัลโด้ ที่เซ็นฟรี แต่ฟอร์มโหดระดับท็อปของยุโรป

ไอเดียของอลอนโซ่ คือไม่สนใจตำแหน่งปีกเท่าไหร่ เขาเน้นยึดอิทธิพลกลางสนามเป็นหลัก แล้วปล่อยหน้าที่ริมเส้นให้วิงแบ็กลุยสุดตัว จนนำมาสู่แผน 3-4-2-1 ที่ลงตัวครบทั้ง 11 คน

แนวรับคือเซตเดิมที่เล่นกันมาก่อน โจนาธาน ทาห์ อาจไม่ได้มีความเร็ว แต่อ่านเกมดี เลยยืนเซนเตอร์ตัวกลางคอยดักบอล ส่วนตัวข้างอย่าง คอสซูนู และแท็ปโซบา มีความยืดหยุ่น เวลาเกมรับจะวิ่งออกจากพื้นที่ไปเข้าปะทะ ภาษาฟุตบอลเรียกว่าตัวสต็อปเปอร์

วิงแบ็ก 2 ข้างนี่คือทีเด็ดเลย เฌเรมี่ ฟริมปง ที่ยืนกราบขวา ถูกพูดถึงเรื่องความเร็วมาตั้งแต่ปีก่อน แต่ปีนี้คือฉายแววของแท้ ขนาดเล่นวิงแบ็กยังยิงไป 5 ประตู 6 แอสซิสต์ ส่วนกริลมัลโด้โหดยิงกว่า สร้างโอกาสให้ทีมเป็นอันดับ 3 พร้อมทำ 7 ประตู 8 แอสซิสต์

แดนกลางก็จัดว่าเป็นเพอร์เฟ็กต์พาร์ทเนอร์ ชาก้าที่โดนจับไปยืนเบอร์ 8 กับอาร์เซน่อลปีล่าสุด ปีนี้กลับมาเล่นเบอร์ 6 เหมือนสมัยก่อนอีกครั้ง เป็นตำแหน่ง Deep Lying Playmaker ซึ่งสมัยที่อลอนโซ่เป็นนักเตะ ก็เล่นบทบาทนี้เนี่ยแหละ

 

ชาก้าเป็นทุกอย่างของการขึ้นเกม เขามีสถิติส่งบอลเฉลี่ย 101.2 ครั้ง อันดับ 1 ของทีม และวางบอลยาว 4.0 ครั้ง อันดับ 1 ของทีม หน้าที่หลักคือส่งบอลเลย ส่วนพาร์ทเนอร์ของเขาคือ เอเซเกล ปาลาซิออส เป็นสไตล์ตัดเกม ทำสถิติเข้าปะทะ 2.7 ครั้ง อันดับ 1 ของทีม และชิงจังหวะดักบอล 1.6 ครั้ง อันดับ 1 ของทีมเช่นกัน

คู่กลางเลเวอร์คูเซ่นลงตัวมาก 1 คนส่ง 1 คนตัด สมดุลสุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ส่วนคู่กลางรุกข้างหน้าก็มีแคแรกเตอร์ที่ไม่ซ้ำกัน

ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ เป็นสายพลิ้ว ฤดูกาลนี้ทำไป 5 ประตู 7 แอสซิสต์ ขนาดเจ็บหนักมาก่อนแต่ฟอร์มไม่แผ่วเลย สถิติเกมรุกเด่นทุกด้าน เลี้ยงบอลเบอร์ 1 ของทีมที่ 2.7 ครั้ง สร้างโอกาสให้เพื่อนอันดับ 2 ของทีมที่ 2.2 ครั้ง ผมดูเขาเล่นแล้วคล้าย ฟิล โฟเด้น คือมีความพลิ้วสูง และพยายามตะลุยเข้ากรอบเขตโทษตลอดเวลา

ส่วนอีกคนอย่างฮอฟมันน์ คนนี้ได้ลูกประสบการณ์ ไม่ได้พลิ้ว ไม่ได้มีสปีดว่องไว แต่ส่งบอลสุดเฉียบ สร้างโอกาส 2.5 ครั้ง อันดับ 1 ของทีม และเล่นพื้นที่สุดท้ายได้เด็ดขาด จากการทำ 5 ประตู 6 แอสซิสต์

กองหน้าที่ซื้อมาใหม่ก็ปังทันที โบนิเฟซทำไปแล้ว 10 ประตู 7 แอสซิสต์ ได้โอกาสยิงเยอะเพราะมีเพื่อนป้อนให้ถึง 4 คน (2 กลางรุก 2 วิงแบ็ก) ซึ่งไม่ได้มีดีแค่คม แต่ยังส่งบอลดีด้วย เล่นเข้าขากับเวียร์ซ์มากที่สุด สถิติบอกว่าคู่นี้จ่ายให้กันไปแล้วรวม 7 ประตู

เมื่อแท็กติกลงตัว + นักเตะใหม่อัพเกรดได้ทันที สถิติรวมของทีมเลยโหดเป็นพิเศษ ครองบอลเฉลี่ย 61.6% อันดับ 1 ของลีก ทั้งที่ปีก่อนครองบอลแค่ 51.8%

หรือจะเป็นการลุ้นยิงประตู ฤดูกาลก่อนมีโอกาสแค่นัดละ 12.9 ครั้ง แต่ปีนี้อัพเกรดเป็น 17.1 ครั้ง มีแค่บาเยิร์นทีมเดียวที่ล่อเป้ามากกว่า

อลอนโซ่ทำให้ทีมพัฒนาขึ้นเยอะ เอาประสบการณ์สมัยเป็นนักเตะมาใช้คุ้มค่า และเอาคำสอนจากโค้ชดังทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ หรือราฟาเอล เบนิเตซ มาใช้ได้เป็นประโยชน์

 

เขาไม่ใช่กุนซือหนุ่มคนแรก ที่ร่วมงานกับโค้ชดังขนาดนี้

และไม่ใช่กุนซือหนุ่มคนแรก ที่สมัยเป็นนักเตะเคยเทพมาก่อน

แต่เขาคือกุนซือหนุ่มส่วนน้อย ที่เอาศาสตร์การเป็นนักเตะ มาประยุกต์กับงานโค้ชได้ดี เพราะในวงการฟุตบอล อดีตนักเตะที่เก่งมากๆ ก็ใช่ว่าจะปังงานโค้ช ส่วนใหญ่หนักไปทางล้มเหลวด้วย

ส่วนสาเหตุที่อลอนโซ่ผสมผสานได้ดีมาก ไซม่อน โรลเฟส ผู้บริหารสโมสรเลเวอร์คูเซ่นบอกว่า "อลอนโซ่คือตำนานที่คว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการ สมัยเป็นนักเตะจริงจังมาก พอมาเป็นโค้ชก็จริงจังเหมือนเดิม เขาพยายามปลูกฝังให้ลูกทีมที่จิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง เขาจะไม่ยอมให้ลูกทีมมีขวัญกำลังใจที่ฝ่อเด็ดขาด ต้องกระหายตลอดเวลา"

ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรง เขาจะเป็นโค้ชที่เนื้อหอมสุดตอนนี้ก็ไม่แปลก มีข่าวกับทีมใหญ่ทั้งนั้น เช่น มาดริด ที่มองเป็นตัวแทนอันเช่ในอนาคต หรือจะเป็นลิเวอร์พูลที่แอบเหล่เป็นทายาท เจอร์เก้น คล็อปป์

อย่างไรก็ตาม ทั้งมาดริดและลิเวอร์พูลคือมองอนาคตล้วนๆ ไม่ได้มองซัมเมอร์นี้เป็นหลัก เพราะอันเช่ก็เพิ่งต่อสัญญาไปอีกปี ส่วนคล็อปป์ก็น่าจะคุมปีหน้าต่อ ทำให้ทีมที่ต้องระวังมากสุดคือบาเยิร์น มิวนิค

พวกเขาอาจมี โธมัส ทูเคิ่ล เป็นกุนซือบิ๊กเนม แต่ผลงานตอนนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทีมอุตส่าห์ไปซื้อเคนมาด้วยค่าตัวแพง แถมฟอร์มแรงผลิต 26 ประตู 8 แอสซิสต์ แต่ก็ยังไม่สามารถนำจ่าฝูงบุนเดสลีกาได้

ระหว่างเลเวอร์คูเซ่นได้แชมป์บุนเดสสมัยแรก กับเคนได้แชมป์เมเจอร์แรก อันไหนจะเกิดขึ้นก่อน? ยังเร็วเกินไปที่จะได้ข้อสรุป

แต่ถ้าตอนจบเป็นเลเวอร์คูเซ่นที่คว้าแชมป์ บางทีอาจเป็นทูเคิ่ลที่ต้องตกงาน แล้วบาเยิร์นคงไปเอาอลอนโซ่มาสานฝันให้เคนแทน

- Petr Boat -

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline