logo-heading

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ซิตี้ชนะขาดลอย? จริงอยู่ว่าโค้ชก็ส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาดคือทีมผู้บริหาร ซึ่งในที่สุดยูไนเต็ดก็มีความคิดอัพเกรดส่วนนี้เสียที เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังแบบละเอียด

ในประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ไม่เคยมีผู้อำนวยการกีฬาแบบจริงจังเลย จนกระทั่งแต่งตั้ง จอห์น เมอร์เทอห์ เมื่อปี 2021 แต่ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็น ซื้อนักเตะแพงแต่ฟอร์มไม่ปัง แถมขายไม่ค่อยออกด้วย 

ลอรี่ วิทเวลล์ นักข่าวเทียร์ 1 จาก Athletic เคยให้ข้อมูลว่า ข้อดีของเมอร์เทอร์คือรับมือเกมการเมืองในสโมสรดี มีความสัมพันธ์เยี่ยมกับเกลเซอร์ แต่ข้อเสียคือทำงานแบบขาดการวางแผน เน้นแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่เหมาะเป็นคนวางวิสัยทัศน์สโมสร

หากใครนึกภาพไม่ออก ข้อมูลบอกว่าตอนที่ เอริค เทน ฮาก ตกลงล่วงหน้าว่าจะคุมยูไนเต็ด เขาได้ส่งลิสต์ตำแหน่งที่ต้องการให้สโมสรไปแล้ว แต่เมอร์เทอห์และทีมงานเอาไปต่อยอดแบบเปล่าประโยชน์ จนสรุปแข้งที่เหมาะสมไม่ได้ 

ท้ายที่สุดกลายเป็น เทน ฮาก ต้องเลือกนักเตะเอง เขาเลยเลือกคนที่เคยร่วมงานมาก่อนอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ และอันโตนี่ หรือจะเป็นซัมเมอร์นี้ที่ไปคว้า โอนาน่า กับ อัมราบัต จนเกิดเสียงวิจารณ์เต็มไปหมด

หรือจะเป็นเคสของคาเซมิโร่ สื่อบอกว่าคนในสโมสรแปลกใจดีลนี้มาก จริงอยู่ว่าปีก่อนเล่นดี แต่หลายคนมองว่าคาเซมิโร่ค่าตัวแพง อายุเยอะขายต่อยาก แถมยังมีสไตล์การเล่นที่ต่างกับเดอยองแบบสุดขั้ว 

คือพอพลาดเดอยอง ก็มาแพนิคบายด้วยคาเซมิโร่ แทนที่จะเป็นคนอื่น ซึ่งคนในสโมสรเชื่อว่า หากเมอร์เทอห์เก่งเพียงพอ เด็ดขาดเพียงพอ เขาต้องกล้าค้านดีลนี้แล้ว จนกระทั่งผลลัพธ์มาเกิดปีนี้ เจ็บบ่อยจนแทบไม่ได้ช่วยทีมเลย แถมขายคืนทุนก็ลำบาก

 

นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นกับยูไนเต็ด แต่ที่ซิตี้มันไม่เคยเป็นปัญหาเลย เพราะเขามีผู้บริหารระดับท็อปอย่าง ซิกิ เบกิริสไตน์ และเฟร์ราน โซเรียโน่ ที่ดึงมาจากบาร์ซ่าเมื่อปี 2012 ซึ่งคู่นี้ทำงานโคตรมืออาชีพ ประสบการณ์ฟุตบอลแน่น มีวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมในการวางโครงสร้าง และเป็นคนเลือกเป๊ปมาคุมทีมด้วย 

เป๊ปมีหน้าที่แค่คุมทีมซ้อม คิดแท็กติกลงแข่ง ส่วนที่เหลือ 2 คนนี้มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้โค้ชมากที่สุด เช่น ตลาดนักเตะ เบกิริสไตน์จะรับฟังสไตล์แข้งใหม่ที่เป๊ปอยากได้ จากนั้นเดี๋ยวไปเลือกคนที่ดีที่สุดมาให้ ซึ่งจากประสบการณ์ของทั้งคู่ ดีลที่แป้กเลยน้อยมาก

การเสริมทัพไม่มีมั่ว ต้องดูว่าตำแหน่งไหนขาด? ตำแหน่งไหนไม่ดีพอ? เขามีประชุมเรื่องขุมกำลังเชิงลึกเป็นประจำ หรือจะเป็นการผลัดเปลี่ยนช่วงอายุนักเตะ ปีนี้ปล่อยมาห์เรซที่อายุแตะเลข 3 ออกไป แล้วไปเอาโดกูที่สดใหม่มาแทน นอกจากนี้ เบกิริสไตน์ไม่แพนิคบายด้วย ตอนที่เสียอเกวโร่ไป สโมสรรู้ว่าต้องซื้อกองหน้า แต่พอยังไม่เจอคนที่ใช่ เลยเลือกรอซื้อฮาลันด์ในปีถัดไปแทน

นี่คือความแตกต่างที่ทำให้ 2 ทีมมีผลลัพธ์ต่างกันคนละขั้ว แต่เหมือนที่จั่วหัวไว้ข้างต้น อย่างน้อยยูไนเต็ดก็มีความคิดที่จะแก้ โดยล่าสุดแต่งตั้ง โอมาร์ เบร์ราด้า มาเป็น CEO สโมสร และกำลังพยายามล่าตัว แดน แอชเวิร์ธ จากนิวคาสเซิ่ล มาเป็นผู้อำนวยการกีฬาแทนเมอร์เทอห์

สำหรับผม นี่คืออิมแพ็คแรกที่เซอร์จิมมอบให้ ที่ผ่านมาเกลเซอร์มองข้ามตลอด แต่เซอร์จิมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องแก้ โดยตอนแรกผมเข้าใจว่า เบร์ราด้า ทำงานด้านหาเงินไม่ใช่หรือ? จะตอบโจทย์ยูไนเต็ดจริงหรือ? เพราะเดิมทีพวกเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องการหาเงินอยู่แล้ว มีปัญหาในสนามต่างหาก

 

แต่หลังจากไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าไม่ธรรมดา เขาผ่านประสบการณ์กับบาร์ซ่า และย้ายมาซิตี้ก่อน เบกิริสไตน์ และโซเรียโน่ 1 ปี ตอนแรกก็ดูแลเรื่องการตลาดล้วนๆ เป็นคนวางโปรแกรมปรีซีซั่นให้ซิตี้ และพยายามกล่อมบริษัทต่างๆ ให้มาซัพพอร์ตซิตี้ แต่พอเวลาผ่านไป ทุกคนที่ทำงานร่วมกับเขาเห็นว่า เบร์ราด้าไม่ได้มีดีแค่เรื่องนี้ เลยได้รับความไว้วางใจ ให้ตัดสินใจเชิงเทคนิคฟุตบอลด้วย 

เบร์ราด้าเลยกลายเป็นคนที่เก่ง 2 ด้านพร้อมกัน เขาเป็นผู้ช่วยเหลือโซเรียโน่ในเชิงธุรกิจ เพราะถนัดอยู่แล้ว และเป็นผู้ช่วยเชิงฟุตบอลของเบกิริสไตน์ ที่เป็นตำแหน่งผอ.กีฬา โดยมีหน้าที่ปิดดีลต่างๆ ให้จบ 100% ซึ่งผลงานชิ้นแรกๆ คือการเซ็น อายเมริค ลาปอร์กต์ เมื่อปี 2018

ข้อมูลจาก โพล บัลลุส นักข่าวของ Athletic บอกว่า บิริกิสไตน์ จะเป็นคนกล่อมนักเตะว่า ถ้ามาแล้วจะดีขึ้นยังไง? กุนซือจะเล่นแท็กติกไหน? แต่ในเชิงตัวเลขเบร์ราด้าจะคอยรับจบให้หมด เพราะด้วยการที่ดูแลธุรกิจด้วย เขาเลยทราบดีว่าซิตี้มีลิมิทเท่าไหร่ในการเซ็นนักเตะ? แล้วควรให้ค่าเหนื่อยขนาดไหน? เพื่อไม่กระทบต่อ FFP 

ลองนึกภาพตามนะครับ หากยูไนเต็ดไปคว้าแอชเวิร์ธมาเป็นผู้อำนวยการกีฬาได้จริง เขาจะทำงานแบบที่เบกิริสไตน์ทำกับซิตี้เป๊ะ จากนั้นก็มี เบร์ราด้า มาคอยช่วยเหลืออีกที โดยสิ่งที่ยูไนเต็ดจะได้รับก็คือ สโมสรจะไม่ซื้อนักเตะตามความสัมพันธ์โค้ชอย่างเดียว แต่จะเลือกเฉพาะคนที่แอชเวิร์ธมองว่าใช่ ต้องไม่มั่ว ต้องมีแผนว่าซื้อปีนี้ แล้วปีหน้าจะทำอะไรต่อ?

สำคัญที่สุด ค่าตัวมันต้องไม่โอเวอร์ นี่คืองานใหญ่ที่เบร์ราด้าจะเป็นคนกรองให้ ต้องมีหน่วยงานประเมินค่าตัวและค่าเหนื่อยนักเตะ เพื่อไม่ให้เสี่ยง FFP รวมถึงการลบภาพจำเก่าๆ ที่ทุกสโมสรในโลกสามารถโก่งเงินจากยูไนเต็ดได้ 

ส่วนใครที่คิดว่าเบร์ราด้าเก่งขนาดนั้นเลยหรือ? ถ้าเก่งจริง ซิตี้จะปล่อยทำไม? คำตอบคือซิตี้ไม่อยากเสียครับ มองเป็นตัวแทนระยะยาวของเบกิริสไตน์ด้วยซ้ำ แต่ข้อมูลจากสื่อบอกว่า เบร์ราด้าเป็นคนชอบออกจาก Comfort Zone เพื่อหาอะไรที่ท้าทาย เหมือนที่เคยกล้าออกจากบาร์ซ่า เพื่อมาซิตี้นั่นแหละ

เราไม่รู้ว่าท้ายที่สุด ยูไนเต็ดจะทำดรีมทีมผู้บริหาร ได้เหมือนที่ซิตี้เป็นอยู่ตอนนี้ได้หรือไม่? 

แต่อย่างน้อยก็เริ่มมีการวางระบบที่ชัดเจน กล้าดึงคนเก่ง ไม่ใช่เอาแต่คนที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนที่ผ่านมา

- Petr Boat -

 

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline