logo-heading

การขาดหายไปของดาวเตะจอมถล่มประตูอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่มีส่วนร่วมกับประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ไปถึง 27 ประตู รวมทุกรายการ เรียกได้ว่าครึ่งต่อครึ่งของประตูทั้งหมดที่เกิดขึ้นของ ทัพหงส์แดง เลยทีเดียว แน่นอนว่าเหล่า เดอะค็อป ทุกคนต้องหวั่นใจเป็นแน่ว่าถ้าขาด บังโม ไปประสิทธิภาพในเกมรุกของทีมจะลดถอนลงไปมากขนาดไหน

แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย ลิเวอร์พูล สามารถเก็บชัย ได้ถึง 3 นัดจาก 4 เกม รวมทุกรายการ นับตั้งแต่การจากไปของ โม ซาลาห์ และยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น แถมยังระเบิดตะข่ายคู่แข่งได้ถึง 9 ประตู 

ส่วนใครที่ไม่ได้ติดตามดู ลิเวอร์พูล เป็นประจำอาจมองว่าเป็นเพราะ ดาร์วิน นูนเญซ ที่กลับคืนฟอร์มเทพ รึเปล่า ที่ทำให้ประสิทธิภาพของ หงส์แดง ไม่แผ่วลงไปเลย ? ถ้าตอบว่าใช่ก็คงไม่ผิดแปลกอะไร 

เพราะถ้าเราดูจากสถิติการมีส่วนร่วมกับประตูไปถึง 20 ประตู รวมทุกรายการ แบ่งออกเป็น 10 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ และกลายเป็นนักเตะคนแรกของ พรีเมียร์ลีก ที่ยิงประตู และ แอสซิสต์ แตะเลข 2 หลัก

แต่ส่วนตัวแล้วผมกลับมองว่า "ดิโอโก้ โชต้า" นี่แหละครับ คือตัวแปลสำคัญที่ทำให้แนวรุกของ ลิเวอร์พูล กลับมาระบิดฟอร์มเทพได้อีกครั้ง แม้จะขาด บังโม ไปก็ตาม

ดังนั้นวันนี้ ขอบสนามเกาตรงจุด จะพาไปเจาะลึกถึงความสำคัญของ โชต้า ว่ารับบทบาทตัวแทน ซาลาห์ จะเวิร์คแค่ไหน ไปติดตามรับชมกันครับ

_____________________________________

ต้องยอมรับกันตามตรงเลยว่าการขาดหายไปของ ซาลาห์ ในช่วงแรกมีผลกระทบอย่างมหาศาลกับประสิทธิภาพในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล ที่ดูด้อยลงไปอย่างชัดเจน

โดยเฉพาะนัดที่ต้องบุกไปเยือน อาร์เซน่อล ในศึก เอฟเอ คัพรอบ 3 ถ้าเราดูกันในครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ไม่สามารถสร้างโอกาส หรือทำสร้างความอันตรายให้กับแนวรับของ ทัพปืนโต ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังโดนบุกอยู่ข้างเดียวอีกต่างหาก

แต่ด้วยกึ๋นของ เจอเก้น คล็อปป์ ที่ปรับหมากในช่วงครึ่งหลังส่ง โชต้า ลงมาในสนามในบทบาทของ false 9 ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางในเกมรุก คอยผสานทั้ง 3 ตัวรุกของทีมให้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง

ปรากฎว่ารูปเกมของ ลิเวอร์พูล ดูดีขึ้นอย่างชัดเจน และจบลงด้วยชัยชนะ 2-0 เรียกได้ว่า โชต้า ลงมาเปลี่ยนเกมอย่างแท้จริง แถมจัดไปอีก 1 แอสซิสต์

ถ้าเรามาลองเจาะลึกวิธีการเล่นของ โชต้า กันดู เราจะเห็นว่าวิธีการเล่นจองพี่แกนั้น แตกต่างจาก โม ซาลาห์ อย่างชัดเจน เพราะ โชต้า มักจะลงมาล้วงบอลต่ำเพื่อเปิดช่องให้ปีกทั้งสองข้างไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ดิอาซ หรือ ดาร์วิน นูนเญซ มีพื้นที่ในการเล่นกับบอลมากยิ่งขึ้น 

ส่วน บังโม จะเน้นทำเกมจากริมเส้นเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทรอดขึ้นไปทำประตู หรือไม่ก็จ่ายคัดแบ็คให้เพื่อนร่วมทีม

ดิโอโก้ โชต้า รับบทแทน ซาลาห์ เวิร์คแค่ไหน ?

นอกจากนั้น โชต้า ยังทำหน้าที่เหมือนกาวที่คอยเชื่อม 3 ประสานในแดนบน ให้เล่นกันได้อย่างไหลลื่น และมีมิติมากขึ้นกว่าเดิม

ยิ่งไปกว่านั้นจุดเด่นที่สำคัญที่สุดของ โชต้า เลยก็คือ การหาพื้นที่เข้าไปทำประตู ไม่ว่าจะเป็นลูกยิง หรือลูกโหม่ง ก็ทำได้ยอดเยี่ยมทั้งคู่ แถมยังเทคนิคดี ไหวพริบเป็นเลิศ รวมถึงความเร็วก็ไม่เป็นสองรองใคร

อีกทั้งพี่แกยังมีทักษะการจบสกอร์ที่คมกริบราวกับพกใบมีดอย่างไงอย่างงั้น จน เคอร์ติส โจนส์ ได้ตั้งฉายาให้กับ โชต้า ว่า "The Ghost" ที่อยู่ๆมักโผล่มายิงประตูสำคัญได้อยู่เสมอ

ดิโอโก้ โชต้า รับบทแทน ซาลาห์ เวิร์คแค่ไหน ? ถ้าเรามาดูค่า xG ของ โชต้า จะอยู่ที่ 4.17 ครั้ง ตลอด 15 เกมในพรีเมียร์ลีก แต่พี่แกกลับยิงได้ถึง 7 ประตู มากกว่าค่า xG เสียด้วยซ้ำ ส่วน โม ซาลาห์ จะมีค่า xG อยู่ที่ 13.61 ตลอด 20 เกมในพรีเมียร์ลีก ยิงได้ 14 ประตู 

ซึ่งถ้าเราอ้างอิงจากค่า xG แล้วเรียกได้ว่า โชต้า คมกว่า ซาลาห์ ที่เป็นดาวซัลโวของทีมเสียอีก

ทั้งนี้ สถิติในฤดูกาลนี้รวมทุกรายการของ โชต้า ก็คือ 23 เกม ,11 ประตู ,4 แอสซิสต์  โดย 22 เกม แบ่งเป็นออกสตาร์ทเป็นตัวจริง 17 เกม รวมทุกรายการ แต่ที่ร้อนแรงกว่านั้นก็คือ 6 นัดหลังสุด โชต้า ยิงได้ถึง 3 ประตู และ 3 แอสซิสต์

ถึงแม้จะมีวิธีเล่นที่แตกต่างกับ โม ซาลาห์ แต่สิ่งที่เหมือนกันเลยก็คือ "คุณภาพ" ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่า โชต้า อาจจะไม่ดีเท่า ซาลาห์ ในบางอย่าง แต่ผมเชื่อได้เลยว่า ด้วยฟอร์มของ โชต้า ณ ตอนนี้ก็ทำเอา เดอะค็อป ทุกท่านต่างหมดห่วงในเรื่องของเกมรุกไปได้ ไม่มากก็น้อย

-บีเบลล์ กูนเนอร์-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline