logo-heading

หลังจากที่ ทีมชาติไทย จบรอบแบ่งกลุ่ม เอเชี่ยน คัพ 2023 ด้วยการเป็นรองแชมป์ กลุ่ม F โดยมี 5 คะแนนจาก 3 นัด แบ่งเป็น ชนะ 1 นัด และ เสมอ 2 นัด

พ่วงสถิติไร้พ่ายในรอบแรกเป็นประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย เท่านั้นไม่พอยังทำสถิติ "คลีนชีต" ทั้ง 3 เกมในรอบนี้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน 

เรียกได้ว่าเป็น 3 เกมที่สมบูรณ์แบบมากๆ แม้จะไม่ได้ "เพอร์เฟกต์" แบบชนะรวด 3 เกมคว้า 9 แต้มเต็มเข้ารอบแบบเท่ๆ แต่อย่างน้อยๆ 3 เกมนี้มัน เพอร์เฟกต์  ด้วยการวางแผนและการเลือกใช้วิธีการได้แบบสมบูรณ์แบบสุดๆ 

ไล่เรียงมาตั้งแต่เกมแรกที่เราประเดิมเจอกับ คีร์กิซสถาน ซึ่งแน่นอนแม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในทีมที่มีอันดับโลกดีกว่าเรา แต่ถึงอย่างนั้นเรามองว่าการเจอกับทีมนี้มีความใกล้เคียงกับคำว่า "ชนะ" ได้มากที่สุด เพราะดูเหลี่ยมไหนมุมไหนยังไงก็คงไม่หนักเท่าเล่นกับ ซาอุดิอาระเบีย และ โอมาน แน่ๆ ดังนั้นเราจึงได้เห็นทีมชาติไทยของ มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกใช้ผู้เล่นชุดที่เคยเล่นด้วยกันมาลงไปบู๊ก่อน ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกันที่ต้องมาก่อน เพราะฟุตบอลในระบบของกุนซือชาวญี่ปุ่นผู้นี้ต้องเล่นแบบนี้ และแน่นอนว่ามันได้ผลเพราะเราโชว์การเล่นที่เรียกว่าเหนือกว่าด้วยประการทั้งปวงและบดเอาชนะ คีร์กิซฯ ไปได้ 2-0 ประเดิม 3 คะแนนได้แบบที่คาดเอาไว้ และนับเป็นการ "ชนะ" นัดเปิดหัวรายการเอเชียนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย 

ต่อมาในเกมที่สองหลังจากที่เราประเดิมด้วย 3 แต้ม ซึ่งตรงข้ามกับ โอมาน ที่เริ่มต้นด้วยการแพ้ ซาอุฯ ไปแบบหวุดหวิดทำให้พวกเขาไม่มีคะแนน ดังนั้นเกมนี้จึงเป็นเกมที่ ช้างศึก อยู่เหนือกว่าตั้งแต่เริ่ม เพราะเราสามารถเล่นแบบครีเอทเกมของตัวเองได้ว่าจะเล่นเพื่อ 3 แต้ม หรือเล่นเอา 1 คะแนน แม้ว่าสุดท้ายตลอดทั้งเกมนี้เราจะใช้คำว่าเล่นแบบอึดอัดได้เปลืองมากๆ เพราะครึ่งแรกเราเอานะ แต่ครึ่งหลังเราเพลย์เซฟ แต่ท้ายที่สุดแล้วความอึดอัดนั้นทำให้เราเก็บ 1 แต้มสำคัญเอาไว้ พร้อมกับเป็นการหยุดแต้มของ โอมาน ให้มีแค่ 1 คะแนนจาก 2 นัด และส่งให้เรามี 4 คะแนน เพิ่มโอกาสในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แบบเยอะมากๆ ด้วย 

ก่อนที่จะมาปิดท้ายเกมนัดที่สามแบบไต่ระดับความท็อปด้วยการเจอกับทีมอันดับ 5 ของเอเชียที่เคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้วอย่าง ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งแน่นอนหลังทราบผลก่อนแข่งว่าเรานั้นทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้แล้ว ทำให้นัดนี้เราเลือกเก็บผู้เล่นตัวจริงเอาไว้ทั้งหมดเรียกได้ว่าเปลี่ยนใหม่แบบยกแผงไปเลย แต่สิ่งที่เหลือจะเหลือเชื่อคือความหวังใหม่ที่มาพร้อมโอกาสำหรับผู้เล่นทุกคนที่ได้ลงสัมผัสเกมนัดที่นี้ทำให้เราได้เห็นความใจสู้ที่ของทุกๆ คน และทำให้เกมนัดนี้กลายเป็นนัดที่แฟนบอลเอาใจช่วย ทีมชาติไทย อย่างล้นหลามมากที่สุด เพราะทุกคนเล่นกันโคตรมันส์ เพราะเล่นแล้วมีทรงยิงได้ เพราะเล่นแล้วแอบลุ้นชนะได้เลย แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยการเสมอกันไป 0-0 ใครจะไปเชื่อล่ะว่าอย่างน้อยๆ เรายันเสมอกับทีมเบอร์ต้นๆ ของเอเชียได้แบบสนุก แถมในเกมนี้ยังได้ทุกๆ อย่างที่วางแผนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโรเตชั่นนักบอลแบบยกเซ็ตท รวมไปถึงเซฟใบเหลืองของผู้เล่นตัวจริง และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ผู้เล่นอีกชุดพร้อมลงเล่นในเกมรอบต่อไปแบบไม่มีอาการเหนื่อยล้าด้วย 

นี่คือทั้งหมดสำหรับภาพรวม 3 เกม กับ 5 คะแนนที่สวยหรูและสมบูรณ์แบบของ ทีมชาติไทย แน่นอนว่ารอบต่อไป (16 ทีมสุดท้าย) ที่เราจะได้โคจรมาเจอกับ อุซเบกิสถาน  ไม่มีคำว่าง่ายอยู่แล้ว เพราะด้วยดีกรีและแรงค์กิ้งที่เราน่าจะอยู่ลำดับท้ายๆ ของรายการนี้ แต่อย่างน้อยๆ เกมกับ ซาอุฯ ที่เพิ่งผ่านมาคือบททดสอบชึ้นดีว่าเราก็มีวิธีการที่จะเอาพวกเขาให้อยู่เช่นกัน

ถามว่าเราชนะ อุซเบฯ ได้มั้ย ?? ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมมั้ย ?? มันคงตอบไม่ได้หรอก แต่ถ้าถามถึงความมั่นใจบอกได้เลยลูกทีมของอาจารย์อิชิอิในตอนนี้นั้นมีเกิน 100 % ไปแล้ว

 

บอลพาดู  

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline