logo-heading

เรียกได้ว่าเป็นการสถาปณาแจ้งเกิดดาวรุ่งดวงใหม่ของ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มตัว นั่นก็คือ คอเนอร์ แบรดลีย์ ที่โชว์ฟอร์มได้สุดยอดเหลือเกิน ในเกมที่พบกับ เชลซี ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ด้วยผลงาน ยิง 1 แอสซิสต์ อีก 2 เหมือนได้เห็นร่างเงาของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อย่างไงอย่างงั้น 

ดังนั้นวันนี้ ขอบสนาม จะพาไปรับชมเส้นทางลูกหนังของ คอเนอร์ แบรดลีย์ ว่าเป็นอย่างไรมาติดตามรับชมรับฟังกันครับ

คอเนอร์ แบรดลีย์ เป็นดาวเตะชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งกับสโมสร ดันแกนนอน สวิฟท์ส หนึ่งในทีมชั้นนำของประเทศบ้านเกิด ด้วยตำแหน่งปีกขวา แต่ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง และพรสวรรค์เหนือกว่าเด็กรุ่นเดียวกันอยู่หลายขุม

จนทำให้ฟอร์มการเล่นเกิดไปเขาตาแมวมองของ ลิเวอร์พูล จนได้เข้ามาร่วมทีมอคาเดมี่ของ ทัพหงส์แดง ในเวลาต่อมา ด้วยความสามารถเปี่ยมล้นไปด้วยพรสวรร์ ทำให้ แบรดลีย์ ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ในการกระชากสัญญานักเตะอาชีพฉบับแรกกับ ลิเวอร์พูล ด้วยวัยเพียง 16 ปี

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังทำผลงานได้โดดเด่นเป็นอย่างมากในทีมเยาวชนของ ลิเวอร์พูล ด้วยการพาชุด u-18 เข้ารอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ ยูธ คัพ แต่น่าเสียดายที่เข้าไปพ่าย แอสตัน วิลล่า ด้วยสกอร์ 2-1 

แต่ด้วยผลงานของ แบรดลีย์ นั้นเรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร โดยตลอดการลงเล่น 2 ฤดูกาลในกับชุดเยาวชน เจ้าตัวลงเล่นไปทั้งหมด 32 นัด ยิงได้ 3 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ พร้อมทั้งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสร จนผลงานเกิดไปเข้าตากุนซือสมองเพชรอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้าให้

ด้วยผลงานเช่นนี้ ดังนั้นแล้ว คล็อปป์ จึงไม่รอช้าจับเจ้าหนูรายนี้ขึ้นชุดใหญ่อย่างเต็มตัว โดยในฤดูกาล 2021/22 แบรดลีย์ ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ไปทั้งหมด 5 นัดรวมทุกรายการ ทำได้ 1 แอสซิสต์

แต่พอจบฤดูกาลดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้ส่งเจ้าหนู แบรดลีย์ ไปให้กับ โบลตัน วันเดอเรอร์  ทีมจากลีกวันด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล เพื่อออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เนื่องด้วยโอกาสในการลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ณ เวลานั้นอาจจะยังไม่มากพอสำหรับแข้งดาวรุ่งไฟแรง เพราะมีรุ่นพี่อย่าง เทรนต์ อาโนลด์ ยืนขวางอยู่

และที่ โบลตัน นี่แหละครับ คือสถานที่แจ้งเกิดอย่างเป็นทางการ แบรดลีย์ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมทันที ในตำแหน่ง วิงแบ็ค ฝั่งขวาในระบบ 3-5-2 โดยเจ้าตัวลงสนามให้กับ โบลตัน ไปทั้งหมด 53 นัด ยิงไป 7 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ 

พร้อมทั้งช่วยให้ทีมคว้าแชมป์อีเอฟเอลโทรฟี่ และสามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรด้วยวัยเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น

พอในฤดูกาลปัจจุบัน แบรดลีย์ กลับมายังทีมต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล อีกครั้ง ด้วยสถานะการเป็นนักเตะชุดใหญ่เต็มตัว แต่ก็ยังไม่ได้รับโอกาสการลงสนามมากเท่าไหร่นัก แต่นัดที่ทำให้เจ้าตัวอาจจะจดจำไปตลอดชีวิตเลยก็คือ การได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองในเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล ในศึก เอฟเอ คัพ 

แม้จะเป็นเวลาแค่ 15 นาที แต่เป็น 15 นาทีที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน แบรดลีย์ ตามประกบจนนักเตะอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จนเล่นไม่ออก

แต่ทว่าพอจบเกมดังกล่าว ลิเวอร์พูล ได้พบกับข่าวร้ายแบ็คขวาตัวหลักอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าต้องพักหลายสัปดาห์ ทำเอาเหล่า เดอะค็อป ต่างพากันเอาตีนก่ายหน้าพาก พร้อมกับบอกว่า ชิบหายแน่ๆ 

เพราะถ้าดูจากตัวเลือกในม้านั่งสำรองก็เหลือเพียงแค่ดาวรุ่งวัย 20 กระรัตอย่าง คอเนอร์ แบรดลีย์ เพียงคนเดียวเท่านั้น นับได้ว่าเป็นอะไรที่เสียงไม่น้อยเลยสำหรับ ลิเวอร์พูล กับการที่จะเดิมพัน และคาดหวังให้ ดาวรุ่งวัย 20 ปี ที่แทบจะไม่มีประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่มาก่อน ได้ยึดตำแหน่งเป็นตัวจริง และทำผลงานได้ตามที่ต้องการ

แต่สถานการณ์ได้สร้างวีรบุรุษอีกครั้ง แบรดลีย์ ทำผลงานได้ดีเกินคาดตลอดระยะเวลาการลงสนามเป็นตัวจริงให้กับ ลิเวอร์พูล โดยในนัดที่พบกับ นอริช ในศึก เอฟเอ คัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็จัดไป 2 แอสซิสต์ คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตซ์ ไปครอง

ยิ่งมาเกมล่าสุดที่พบกับ เชลซี ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย เกมรุกดุดัน จังหวะการครอสบอลก็หวังผลได้ตลอด เกมรับก็ทำได้อย่างเหนียวแน่นแข็งแกร่ง พลังงานก็ล้นเหลือ ขึ้นสุดลงสุดวิ่งอย่างกับม้าในสนาม 

แถมในเกมนี้ยังเป็นการเปิดซิงประตูแรกให้กับ ลิเวอร์พูล ในฐานะทีมชุดใหญ่ แถมยังจัดไปอีก 2 แอสซิสต์ ถ้าเราดูสถิติการทำประตู และ แอสซิสต์ ขอบอกได้ได้เลยว่าสุดตรีนจริงๆ เพราะ 4 นัดหลังสุดที่ลงสนาม พี่แกจัดไป 1 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ โคตรโหด!

ถ้าจะบอกว่า เจ้าหนู คอเนอร์ แบรดลีย์ เดินตามรอย รุ่นพี่อย่าง เทรนต์ อล็กซานเดอร์ อาโนลด์ ก็คงไม่มีผิดแปลกอะไร เพราะในนัดนี้ เขาเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล อายุน้อยที่สุดที่ทำ 2 แอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก ถัดจากที่ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำได้ในเกมกับ วัตฟอร์ด เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2019

ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ ลิเวอร์พูล จะมีตำแหน่งแบ็คขวาที่เหมาะสมแล้วก็ได้ แล้วดันให้ เทรนต์ ไปเล่นในตำแหน่งกองกลางอย่างที่ใครหลายคนต้องการ เพราะด้วยทักษะ รวมไปถึงพรสวรรค์ของ เทรนต์ มันเหมาะสมทุกอย่างที่จะเล่นในตำแหน่งเพลเมกเกอร์ของทีมอย่างเต็มตัวเสียที 

และนี่ก็อาจจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายของกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะฝากฝังไว้ให้กับ ลิเวอร์พูล ก่อนที่ตัวเขาจะลาทีมไปหลังจบฤดูกาลนี้

กำเนิดดาวดวงใหม่ \"คอเนอร์ แบรดลีย์\" ของขวัญชิ้นสุดท้ายของ คล็อปป์

- บีเบลล์ กูนเนอร์ -
 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline