logo-heading

จากนักเตะที่เคยเป็นหนึ่งในกำลังพลสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ หลุยส์ ฟานกัล, โชเซ่ มูริญโญ่ รวมไปถึงในช่วงต้นของ โซลชา 

นอกจากนั้นแล้ว ลินการ์ด ยังเคยถูกมองว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตของวงการลูกหนังอังกฤษคนต่อไป แต่ด้วยพฤติกรรมนอกสนาม ทั้งปาร์ตี้ เข้าผับ เข้าบาร์ ทำให้เส้นการค้าแข้งของเขากลับค่อยๆหลุดวงโคจรออกไป

ว่าแล้ว ขอบสนาม จะมาเจาะลึกเรื่องราวของนักเตะที่เรียกได้ว่าจากจุดสูงสุดสู่สามัญ อย่าง เจสซี่ ลินการ์ด ว่าการเดินทางของเขาผ่านอะไรมาบ้าง ไปรับชมกันได้เลยครับ

[ อดีตกำลังสำคัญของ แมนฯ ยูไนเต็ด ]

เจสซี่ ลินการ์ด ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของ ทัพปีศาจแดง ในฤดูกาล 2015/16 ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล หลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในรูปแบบยืมตัว ทำให้กุนซือชาวดัตช์ ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะดันดาวเตะพรสวรรค์สูงรายนี้ขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัว

เมื่อได้โอกาสครั้งสำคัญในการก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ ลินการ์ด ก็ไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือออกไป เขามุ่งมั่นทุ่มเท มีวินัยในการฝึกซ้อม จนได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง และทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเขาลงสนามไปทั้งหมด 41 เกม ยิงได้ 7 ประตู พ่วงด้วย 4 แอสซิสต์ และยังเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังค์แชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลนั้นมาครองได้อีกด้วย

แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนกุนซือมาเป็น โชเซ่ มูริญโญ่ ลินการ์ด ก็ยังคงเป็นนักเตะสำคัญของทีมมาโดยตลอด ได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ และมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีม ผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รวมทั้งแชมป์คาราวบาวคัพ ในฤดูกาลต่อมา

แต่แล้วจุดเปลี่ยนของ ลินการ์ด ก็มาถึง ทัพปีศาจแดง ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมอีกครั้ง ด้วยการแต่งตั้ง โอเล่กุนนาร์ โซลชา แม้ว่าช่วงแรกยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นกำลังสำคัญของทีมเช่นเดิม

แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีนะครับ ลินการ์ด เริ่มมีปัญหานอกสนามมากขึ้น เริ่มติดเที่ยว และหันมาโฟกัส กับโซเชี่ยลมีเดียมากกว่าผลงานในสนาม

ในภายหลังเจ้าตัวยังออกมายอมรับว่าในช่วงนั้นเขามีปัญหาในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแม่ที่ป่วย และลุงของเขาที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำให้ ลินการ์ด รับมือกับเรื่องนี้ไม่ถูก และตัดสินใจใช้สุราเป็นเครื่องย้อมใจแทน

ด้วยเหตุนี้เองทำให้ฟอร์มของเขาตกลงไปอย่างน่าใจหาย จนถูกจับเป็นตัวสำรองในที่สุด และแทบจะไม่มีโอกาสได้ลงสนามกับทีมอีกเลย

จนกระทั่งในช่วงตลาดเดือนมกราคมปี 2020/21 ลินการ์ด ตัดสินใจโบกมือลา แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อไปค้างแข้งกับ เวสต์แฮม ในรูปแบบสัญญายืมตัว เพื่อโอกาสในการลงสนามมากขึ้น 

และด้วยการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ ลินการ์ด ได้เหมือนกลับมาแจ้งเกิดในเส้นทางลูกหนังอีกครั้ง เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ทำไปได้ถึง 9 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ ตลอดการลงสนามทั้งหมด 16 นัดกับ เวสต์แฮม

ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นทำให้ เจสซี่ ลินการ์ด เชื่อมันว่าเขาจะได้กลับมาลงเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฐานะผู้เล่นตัวหลักอีกครั้ง แม้ว่าจะเหลือสัญญาอีกแค่ 1 ปีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตาม

อีกทั้งกุนซืออย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ยังรับปากว่าเขาจะได้รับโอกาสลงสนามากขึ้น แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างกลับพังทลาย ลินการ์ด แทบจะไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยหลังจากนั้น แถมทุกครั้งที่ได้ลงเล่นก็เป็นในฐานะตัวสำรองซะส่วนใหญ่ ทำให้เขาปิดฉากการค้าแข้งกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อยู่มายาวนานถึง 22 ปี

[ เลือกทีมผิดชีวิตเปลี่ยน ]

หลังจากหมดสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ลินการ์ด ก็ได้รับข้อเสนอจากหลายทีม แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าตัวก็เลือกลงหลักปักฐานกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ด้วยสัญญา 1 ปี พร้อมค่าเหนื่อยกว่า 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

แต่แล้วทุกอย่างกับไม่ได้เป็นดั่งหวัง เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งของตัวเองได้เลย ตลอดการค้าแข้งที่ ซิตี้ กราวน์ โดย ลินการ์ด ไม่สามารถทำประตู หรือ แอสซิสต์ ได้เลยตลอด 17 นัดที่ลงสนามใน พรีเมียร์ลีก กับ ฟอเรสต์

ทำให้เขากลายเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์หลังจากจบฤดูกาล 2022/23 

อย่างไรก็ตามทันทีที่ตลาดซัมเมอร์ได้ปิดตัวลง ลินการ์ด ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับหลายทีมก็ไม่ได้ลงเอยกับทีมไหนเลย นั่นหมายความว่า อดีตดาวนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด รายนี้ได้กลายเป็นแข้งไร้สังกัดอย่างน้อยครึ่งซีซั่นแรก

จากนั้นเจ้าตัวได้มีโอกาสไปฝึกซ้อมกับทีมเก่า เวสต์แฮม ยูไนเต็ด รวมไปถึง อัล-เอตติฟาค ของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ใน ซาอุดีอาระเบีย แต่ก็ไม่มีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้น เนื่องจากเขาเรียกค่าเหนื่อยที่สูงเกินไป

ว่ากันว่าก่อนหน้านี้เคยเสนอตัวให้กับ บาร์เซโลน่า แต่ก็โดนปฏิเสธ ส่วนทีมล่าสุดที่มีโอกาสจะย้ายไปน่าจะเป็น อัล-ชาบับ ในซาอุดีอาระเบีย แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline